6
เทคนิคการแต่งนิยายให้ขายดี
วิธีวางพล็อตนิยายให้เขียนจนจบ
วิธีทำ e-book นิยายขายแบบง่ายๆ
ผู้คร่ำเคร่งและตั้งใจอ่านและฟังบทความเกี่ยวกับหัวข้อเหล่านี้ อ้าปากหาวจนสุด...ก่อนบิดขี้เกียจไปสามรอบ พร้อมเหลือบสายตาไปมองนาฬิกา
“นานขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย” คนที่ไม่เคยแต่งนิยายหรือมีความรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้มาก่อน รู้สึกว่าตัวเองต้องทำการบ้านอย่างหนัก เพื่ออาชีพใหม่...ที่อาจจะทำให้เธอมีรายได้เพิ่มขึ้น
ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูแจ้งเตือนต่างๆ จากหลายแพล็ตฟอร์ม ที่พร้อมจะติดต่อเธอเข้ามา
Noi: ว่างแล้วโทรกลับด้วย ฉันมีเรื่องจะปรึกษา
Mom: พักผ่อนบ้างนะลูก อย่าหักโหม พ่อฝากมาบอกว่าไม่ต้องกังวล ค่อยๆ แก้ช่วยกันไป เรื่องพี่สาวก็ไม่ต้องไปช่วยเขามาก ช่วยแค่พอไหวก็พอแล้ว
“เกิดอะไรขึ้นกันนะ” เธอเลื่อนรายชื่อผู้โทรเข้าล่าสุดทันที ตามประสาคนที่เห็นคนเดือดร้อนไม่ได้ แต่เจ้านิ้วโป้งก็ช่วยยับยั้งชั่งใจ...
ไม่ให้เธอกดโทรออก
“แต่ถ้าเราไม่ช่วยมัน แล้วใครจะช่วยล่ะ” ด้วยความที่รักพี่สาวมาก ทำให้เธอใจแข็งไม่เคยจะได้
“แต่เราก็ไม่มีเงินนี่ จะช่วยมันยังไง” เป็นการเถียงกับตัวเองไปมา ด้วยความรู้สึกลังเล
ตื๊ดดด!
Pat calling
“ไอ้พัฒน์...” แม้จะตกใจ แต่ก็กดรับแต่โดยดี จนฝ่ายนั้นเอ่ยเสียงนำมาก่อน
‘ไง ทักข้อความไปไม่อ่านเลยนะ’ คนที่ชาติหนึ่งจะได้คุยกันที ส่งเสียงที่ทำให้เธอใจเต้นโครมครามทุกครั้งขึ้นมาได้
“เหรอ ฉันยังไม่ได้ดูข้อความเลยอ่ะ แกทักมาตอนไหน” ตอบแบบติดไปทางตะกุกตะกัก เพราะไม่คาดฝันจริงๆ ว่าเพื่อนที่ไม่ได้เจอกันมาหลายปี จะติดต่อมาหา
‘เออ ช่างมันเถอะ...เป็นไง ได้ข่าวว่าลาออกจากงานแล้วเหรอ’
“โอ๊ย ตั้งนานแล้ว แกล่ะไปอยู่ไหนตอนนี้?”
‘เรียนเฉพาะทางศัลยกรรมออโธ...ตอนนี้ใช้ทุนจบแล้ว คงกลับไปทำงานที่โรงพยาบาลในเครือของญาตินั่นแหละ’ นายแพทย์นันทพัฒน์ ถาวรบำรุงเวช เพื่อนชายคนเดียวในชีวิต ที่บังเอิญได้รู้จักกันตอนเรียนมหาวิทยาลัย
ตอนนี้เขาได้กลายเป็นนายแพทย์หนุ่มผู้เพียบพร้อมไปเรียบร้อยแล้ว
“โห ยินดีด้วยว่ะ...ได้ทำตามความตั้งใจแล้วนะ” เธอว่าออกจากใจ แม้ว่าจะไม่ได้เจอกันนานแค่ไหน แต่คนที่เคยคุยกันได้ทุกเรื่อง ก็ยังคงจดจำเรื่องราว ความฝันของกันและกันได้
‘แกก็เหมือนกัน ได้ข่าวว่าธุรกิจก็ไปได้สวย ยินดีด้วยนะ’ นิชนันท์ลอบถอนหายใจเล็กน้อย
“ก่อนหน้าน่ะใช่ แต่ตอนนี้ไม่แล้วว่ะ...” ถ้าไม่ใช่เขา เธอก็คงไม่ยอมเล่าความจริงให้ฟังง่ายๆ
‘อ้าวเหรอ เกิดอะไรขึ้น’ คนเป็นห่วงเก่งในวันนั้น ก็ยังคงมีน้ำเสียงห่วงใยให้กันในวันนี้
เหมือนหลายปีที่ผ่านมา...จะเปลี่ยนแปลงความสัมพันธ์ฉันเพื่อนระหว่างกันนี้ไม่ได้เลย
แล้วเธอก็พรั่งพรูความทุกข์ยาก อุปสรรคต่างๆ ของตัวเองให้เขาฟัง...แต่ก็ไม่ได้บอกว่าตอนนี้กำลังเดือดร้อนเรื่องเงินเพียงใด เพราะกลัวเขาจะคิดว่า เธอจะถามยืมเงิน!
‘แล้วไหวมั้ยนั่น’ นายแพทย์หนุ่มเอ่ยถามอย่างนึกเป็นห่วง แม้จะรู้ดีว่าผู้หญิงคนนี้เข้มแข็งแค่ไหน
ความเข้มแข็งที่เธอมั่นใจ...กลั่นออกมาเป็นน้ำใสรื้น เพียงแค่ได้ยินคำถามนี้ออกมาเท่านั้น
“ไหวดิ คนอย่างฉันเคยไม่ไหวด้วยเหรอ” พยายามควบคุมเสียงตัวเองไม่ให้สั่น ซึ่งปลายสายผู้รู้ใจต้องส่ายหน้า
‘ไม่ไหวบ้างก็ได้ แหม’
“เออ ยังไงก็ขอบใจนะ ที่ยังไม่ลืมกันอะ” ว่าด้วยความซึ้งจากใจจริง
‘มีอะไรให้ช่วยก็บอก...ไม่ต้องเกรงใจ’ ประโยคนี้ออกมาจากใจของปลายสาย เสียจนเธอเองยังต้องสะดุด
มันไปรู้อะไรมานะ
“ขอบใจแกมากเลยนะ...ขอบใจจริงๆ” เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกหรอก ที่คนเกิดมาบนกองเงินกองทองอย่างเขา จะหยิบยื่นน้ำใจให้ แม้เธอจะไม่เคยรับมันไว้เลยก็ตาม
‘อืม...ยินดีเสมอ’
“แล้วนี่ แต่งงานยังอะ...ยังคบคนเดิมอยู่ปะ” แล้วก็ตัดสินใจถามในสิ่งที่ตัวเองอยากจะรู้มาตลอด
ใช่...เธอไม่ได้ติดต่อกับเขาอีกเลย ตั้งแต่เรียนจบ และก็ไม่ได้ติดตามชีวิตของเขาอีกเลย เพราะหลังเรียนจบเขาก็มีแฟนไปในทันที
แฟนคนที่...เธอเคยเป็นที่ปรึกษาให้ตั้งแต่เริ่มจีบ จนผู้หญิงคนนั้นใจอ่อนและยอมคบหาด้วย
‘คนเดิม แต่ยังไม่มีแพลนจะแต่ง’ นิชนันท์บอกไม่ถูกเหมือนกัน ว่ากำลังรู้สึกอย่างไร...
มันมีความดีใจ ปะปนไปด้วยความเศร้าเล็กน้อย
“คบมาตั้ง 9 ปี...ยังไม่แต่งอีกเหรอวะ?”
‘อืม ยังไม่พร้อมเลย เหมือนเพิ่งจะเรียนจบด้วยเนี่ย...และมีอีกหลายอย่างที่อยากจะทำเยอะแยะ ฉันไม่ใช่แกนะที่ได้ทำตามความฝันตัวเองแล้ว’
“ฝันที่ล้มพังครืนไม่เป็นท่าเนี่ยนะ”
‘แค่นี้จิ๊บๆ อีกเดี๋ยวแกก็ฟื้นขึ้นมาได้ ฉันเชื่อ’ เอาจริง...บุคคลคนนี้ รู้จักเธอดีมากกว่าใคร และคำพูดของเขาก็สร้างพลังให้เธอได้ง่ายดาย
“เออ เดี๋ยวจะลองเชื่อดูมั่ง” แล้วทั้งสองก็พูดคุยกัน สอบถามเรื่องนั่นนี่...พูดถึงอดีตกันยาวนาน ร่วมสองถึงสามชั่วโมงแบบเหมือนถูกหยุดเวลา
และหลังจากที่เพื่อนสนิทในวัยเรียนได้วางสายไป
ความทุกข์ทั้งหลายที่แบกเอาไว้ ก็พลันมลายหายตามไปด้วย
เหมือนเดินไปเจอทุ่งดอกไม้แล้วมีเหล่าผีเสื้อโบยบินเล่นกันอยู่เต็มท้องทุ่ง...
คนที่เมื่อมีความรู้สึกอะไรก็อยากจะบรรยายและเผยแพร่เสมอ ได้หยิบ I-pad ขึ้นมา เข้าไปใน Facebook
พิมพ์ข้อความยาวเหยียดตามประสา เปรียบเปรยถึงความรู้สึกบางอย่าง ที่เป็นเชิงบอกใบ้ในวันนี้...ออกไปด้วยรอยยิ้มที่โปรยปรายตลอดการเขียน
-เคยมีคนบอกกับเราว่า วันเวลาจะทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนไปเสมอ แต่ถ้าเจออะไรที่วันเวลาเปลี่ยนแปลงมันไม่ได้ให้รักษามันเอาไว้ให้ดี
บางที...ฉันก็ไม่รู้ว่าจะรักษาสิ่งนี้เอาไว้ได้ยังไง
แต่พอมาถึงจุดหนึ่ง ฉันกลับได้รู้ว่า สิ่งนี้มันยังไม่เคยไปไหน
มันเหมือนวนเวียนเป็น ‘กันและกัน’ แบบนั้นมาเสมอ
ภาพวันและคืนเก่าๆ เสียงหัวเราะ บทสนทนาพวกนั้น หวนคืนมาให้ต้องยิ้มตาม
เฮ้ย...กาลครั้งนั้นยังคงอบอุ่นอยู่ในใจ
แต่ก็ไม่เท่า กับการที่คนคนนั้นได้หอบมันกลับมาให้
ขอบคุณที่โทรมาหานะ...ฉันกำลังคิดถึงแกพอดีเลย-
เธอโพสต์บทความนี้ในเวลาเกือบ 1.00 น. ใครบางคนที่คอยแวะเวียนเข้าไปส่องเธอเพื่ออ่านนั่นนี่ อ่านบทความนี้วนไปมาสิบรอบเป็นอย่างต่ำ
เขาอ่านวนมันซ้ำๆ ด้วยความรู้สึกหงุดหงิดใจ
‘ครับนาย’ เสียงงัวเงียจากลูกน้องคนสนิท ว่างเชิงตกใจเล็กน้อย เพราะปกติเจ้านายจะไม่โทรมาดึกขนาดนี้ หากไม่มีเรื่องด่วน
“ไหนบอกว่าไม่เคยมีแฟนไง”
‘คะ...ครับ? หมายถึงผมเหรอครับ?’
“ฉันจะหมายถึงแกเพื่อ? หมายถึงผู้หญิงคนนั้นสิ” เสียงเข้มของผู้เป็นเจ้านาย ทำเอาอารามถึงบางอ้อ
‘ก็ไม่เคยมีจริงๆ นี่ครับนาย’
“แล้วทำไมถึงโพสต์แบบนั้น มีการโทรหากันด้วย มาระลึกความหลังหวานจ๋อยเลยมั้ง” ความหงุดหงิดชัดของผู้เป็นเจ้านาย ยิ่งทำเอาอารามงงหนัก
เขาไม่เคยเป็นแบบนี้!
‘เอ่อ ใจเย็นๆ ก่อนนะครับ...นี่นายไปส่องเขามาเหรอครับ?’
“เรียกว่าศึกษา เพราะฉันจะต้องจ่ายเงินเป็นล้านเลยนะ”
‘อ๋อครับผม ยังไงเดี๋ยวผมสืบให้ว่าผู้ชายคนนั้นมันเป็นใครนะครับ แล้วค่อยตัดสินใจอีกทีก็ได้ครับ เธอคงไม่รีบ’
“ดี โอนเงินมัดจำไปเลย 1 แสน เธอไม่รีบแต่ฉันรีบ” เขาว่าแค่นั้นก่อนกดวางสายไป
ไม่รู้สิ ความรู้สึกที่กลัวว่าเธอจะเปลี่ยนใจ...มันทำให้เขาต้องดักทางเอาไว้ก่อน!
