บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 5 ป่วย

ธาวินวางร่างบางไว้บนเตียงอย่างแผ่วเบา ก่อนจะหาผ้าชุบน้ำมาทำความสะอาดร่างกายให้เธอ เขาค่อย ๆ เช็ดจากใบหน้าลงมาที่ลำคอระหง แขน หน้าอก จนมาถึงกลางลำตัว ลมหายใจของคนมองสะดุดเล็กน้อย แต่ก็ต้องเตือนตัวเองว่าภรรยาป่วยอยู่แถมยังไม่ได้นอน เธอตัวร้อนเล็กน้อย เขาจึงรีบเช็ดตัวให้เร็วที่สุดเพราะกลัวจะหนาว ก่อนจะห่มผ้าให้ แล้วรีบพาตัวเองไปอาบน้ำแต่งตัว

“ป้านุชผมขอข้าวกลางวันไปทานบนห้องนะครับ แล้วก็ขอข้าวต้มสำหรับคนป่วยด้วยครับ” ธาวินบอกกับแม่บ้านที่เป็นคนตระเตรียมอาหารให้บ้านนี้ทุกมื้อ

“ใครเป็นอะไรรึเปล่าคะ”

“แพรวมีไข้นิดหน่อยครับ”

“งั้นรอสักครู่นะคะ เดี๋ยวป้าเอาขึ้นไปให้”

“ขอบคุณครับ” ร่างสูงหมุนตัวเดินกลับขึ้นห้อง

เมื่อธาวินเดินเข้ามาในห้องแล้วก็รีบจัดการกับเสื้อผ้าที่กองกระจัดกระจายบนพื้นก่อนที่แม่บ้านจะขึ้นมา และดึงผ้าห่มให้เธอขึ้นจนมิดคอเพื่อปกปิดผลงานของตัวเอง

ก๊อก ๆ

“เข้ามาได้เลยครับ”

“ให้ป้าช่วยเช็ดตัวให้คุณแพรวมั้ยคะ” นงนุชซึ่งเป็นคนเก่าแก่ของที่บ้านถามขึ้นอย่างเป็นห่วงแพรววนิตอยู่ไม่น้อย ขณะที่เดินเข้ามาวางถาดอาหารบนโต๊ะข้างเตียง

“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมดูแลเอง”

“งั้นป้ากลับไปทำงานก่อนนะคะ” นางลอบยิ้มที่เห็นสายตาห่วงใยเล็ก ๆ เวลาที่ชายหนุ่มทอดมองภรรยา

“ครับ ขอบคุณนะครับ” หลังจากที่แม่บ้านปิดประตูแล้วเขาก็จัดการปลุกคนตัวเล็กขึ้นมา

“ตื่นได้แล้ว” ธาวินนั่งลงบนเตียงแล้วใช้หลังมือสัมผัสที่แก้มนวลแผ่วเบา

“อืม” แพรววนิตค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมามองคนตรงหน้า

“กินข้าวก่อนแล้วค่อยกินยา จะได้หายเร็ว ๆ คุณพ่อจะได้ไม่ด่าฉัน”

หญิงสาวค่อย ๆ ลุกขึ้นนั่งโดยลืมไปว่ายังไม่ได้ใส่เสื้อผ้า ทำให้ผ้าห่มร่นลงไปกองอยู่ที่เอวเล็ก ร่างสูงเหลือบมองที่อกอวบตรงหน้าโดยอัตโนมัติ

“อุ๊ย อย่ามองนะคะ” แพรววนิตยกผ้าห่มขึ้นมาปิดบังร่างกายตัวเอง

“มากกว่านี้ก็เห็นมาแล้ว ยังไม่ชินอีกเหรอ” ธาวินเอ่ยแซวขำ ๆ โดนดูดจนช้ำไปหมดแล้วยังจะมาอายอะไรอีก

เธอมองค้อนเขาทันควัน เพิ่งแต่งงานกันมาได้แค่สองวันจะให้เดินแก้ผ้าไปมาแบบเขาได้ยังไงกัน

“รออยู่นี่แหละ เดี๋ยวฉันไปหยิบเสื้อผ้ามาให้” เขาผละออกไปสักพักแล้วกลับมาพร้อมกับเสื้อและยาในมือ

“เอ่อ นี่มันเสื้อพี่วินนี่คะ”

“ใส่ไปเถอะ อย่าเรื่องมาก”

เขาต้องแกล้งเธอแน่ ๆ ที่หยิบเสื้อยืดสีขาวตัวบางของเขามาให้ทั้งที่เสื้อสีเข้มผ้าหนาก็น่าจะมีตั้งเยอะแยะ แล้วยังไม่มีอะไรปกปิดส่วนล่างอีกด้วย จงใจให้เธอเดินโล่งโจ้งไปมาสินะ เธอรู้ทันความเจ้าเล่ห์ของคนตรงหน้า

แพรววนิตรับเสื้อไปใส่อย่างว่าง่ายขณะที่ธาวินเดินไปลากเก้าอี้มานั่งข้างเตียง

“กินข้าวกันเถอะ ฉันหิวแล้ว” เขานั่งลงแล้วยื่นชามข้าวต้มไปตรงหน้าเธอ ก่อนจะก้มหน้าก้มตากินข้าวของตัวเองโดยไม่พูดอะไรอีก เธอเองก็นั่งกินอย่างเงียบ ๆ เช่นกันเพราะรู้สึกเสียงเริ่มแหบ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะมีไข้หรือเพราะก่อนหน้านี้ร้องมากเกินไปกันแน่

หลังจากกินข้าวเสร็จแล้วแพรววนิตจึงกินยา ก่อนจะแกล้งทำน้ำหกไปตามลำคอจนชุ่มไปทั่วหน้าอก

“อ๊ะ หกหมดเลย” เธออุทานเรียกร้องความสนใจ

ธาวินเงยหน้าขึ้นมองตามก่อนที่ลมหายใจจะสะดุดกึก เข้าวางช้อนลง สนใจกับภาพที่เห็นตรงหน้า

ร่างบางกำลังวางแก้วไว้บนโต๊ะ เสื้อที่เปียกแนบไปกับตัวทำให้เห็นจุกสีชมพูชัดเจน ชายหนุ่มกลืนน้ำลายลงคอ แต่อีกฝ่ายกลับแกล้งไม่รู้สึกรู้สาอะไร ล้มตัวลงนอนตะแคงหันหน้ามาทางเขาแล้วหลับตาพริ้ม

สิ่งที่อยู่ระหว่างขาของเขาเริ่มแข็งตัวขึ้นเมื่อมองไปยังอกอวบที่เบียดชิดกันอยู่ระหว่างต้นแขนเรียว แพรววนิตพลิกตัวหันตะแคงไปอีกด้านทำให้ก้นของเธอปรากฏสู่สายตาคม ไม่ใช่แค่เพียงก้นงอนงาม แต่มุมนี้มันทำให้เขาเห็นกลีบเล็กของเธอวับๆ แวม ๆ อีกด้วย

ความร้อนรุ่มในกายที่เกิดขึ้นทำให้ร่างหนาต้องยกน้ำขึ้นมาดื่มเพื่อดับกระหาย แต่เหมือนจะไม่ช่วยอะไร เมื่อคนบนเตียงนอนดิ้นไปมาจนชายเสื้อร่นไปอยู่ที่เอว

ความอดทนของชายหนุ่มขาดผึงทันที เขาควบคุมอารมณ์ไม่อยู่แล้วเดินตรงไปจับขาเธอที่กำลังนอนหงายให้กางออกกว้าง

“พี่วินคะ แพรวไม่สบายอยู่นะ” คนที่แกล้งหลับสะดุ้งตื่นขึ้นมาทันที นึกว่าเขาจะไปช่วยตัวเองในห้องน้ำซะอีก

“ฉันสัญญาว่าจะไม่สอดใส่ เธอนอนนิ่ง ๆ ก็พอ” พูดจบธาวินก็ก้มหน้าลงจุมพิตที่จุดกึ่งกลางสาว

“แพรวเหนื่อยแล้วค่ะ” เมื่อคืนเขาก็ไม่ได้รักษาคำพูดที่บอกจะเสียบคาไว้เฉย ๆ แต่กลับทรมานเธอทั้งคืน

“บวมกว่าเมื่อวานอีกนะ งั้นถ้าไม่อยากเจ็บตัวอีก เธอก็ต้องให้ความร่วมมือด้วย”

“ยังไงคะ” ร่างบางรู้ดีว่าเขาไม่ยอมปล่อยให้เธอเป็นอิสระง่าย ๆ หรอก ขัดขืนไปก็เหนื่อยเปล่า สู้ทำตามที่อีกฝ่ายต้องการดีกว่า

“ถอดเสื้อออก” เธอทำตามโดยไม่อิดออด

“ลุกขึ้นมาคร่อมหน้าฉัน” แพรววนิตถึงกับตกตะลึงก่อนจะถูกมือหนาจับยกขึ้นให้คุกเข่าหันหน้าเข้าหาหัวเตียง ก่อนที่เขาจะนอนลงมุดใบหน้ามาอยู่ระหว่างขาของเธอ

ธาวินเอื้อมมือไปปลดซิปแล้วรูดกางเกงกับชั้นในตัวเองลงเล็กน้อย ปลดปล่อยแก่นกายให้เป็นอิสระ อีกมือจับเอวบางให้หย่อนตัวลงมาจนจุดอ่อนไหวของเธอชิดริมฝีปากหนา

ภาพที่มองลงไปข้างล่างทำให้เธอเสียวสะท้านไปทั้งร่าง ลิ้นหนาไล้เลียรอยแยกของเธอขึ้นลง แพรววนิตรีบจับหัวเตียงไว้เป็นที่ยึดเหนี่ยว ก่อนจะส่ายสะโพกไปมาตามอารมณ์กระสัน ลิ้นร้ายกาจชำแรกเข้าไปในร่างกายของเธอแล้วรัววนไปมา จังหวะเดียวกันกับที่มือหนารูดแก่นกายตัวเองขึ้นลง

ร่างบางเงยหน้าขึ้นกัดริมฝีปากล่างแน่น ลิ้นสากของเขาขยับพลิ้วอยู่ในช่องทางรักของเธอไม่มีหยุด เธอถูไถปุ่มกระสันเข้ากับจมูกโด่งไปมาอย่างลืมอาย

“พะ พอก่อนค่ะ” ร่างบางขาสั่นเมื่อโดยเล่นงานหนักขึ้น เธอเสียวกระสันไปทั่วช่องท้อง

ธาวินจัดการด้วยความช่ำชองทำให้เธอดิ้นเร่า ๆ อยู่บนปากเขา มือหนาจับเอวเล็กให้แนบชิดลงมาอีก รัวลิ้นใส่ความหวานตรงหน้าถี่ยิบจนส่งเธอถึงจุดหมายปลายทาง

“อ๊าา” แพรววนิตปลดปล่อยน้ำหวานออกมาให้คนข้างล่างดื่ม

ปากหนาอ้าครอบรองรับทุกหยาดหยด เมื่อเลียจนทั่วแล้วธาวินจึงลุกขึ้นคุกเข่า ถอดเสื้อผ้าออกจนหมด ดึงร่างบางให้หันมาประจันหน้า จับแท่งร้อนถูไถช่องทางรักเปียกชื้น เขาไม่ได้สอดใส่แต่เลือกที่จะขยับสะโพกสอบให้แก่นกายอยู่ระหว่างขาของเธอแทน

“หนีบขาเข้ามาหน่อย อา” แก่นกายใหญ่ถูกบีบรัดด้วยต้นขาทั้งสองข้าง

ร่างหนากอดเอวเธอไว้แน่นแล้วโยกสะโพกสอบเข้าใส่ หญิงสาวโอบแขนรอบลำคอหนา รับแรงเสียดสีที่ร่องฉ่ำเยิ้ม น้ำหวานถูกผลิตออกมาอีกรอบทำให้เข้าออกได้ลื่นไหลขึ้น ธาวินเริ่มโยกเอวเธอใส่เธอเร็วขึ้น

“ครางชื่อฉันหน่อยสิ”

“พี่วินขา อ๊ะ ๆๆ” เสียงครางหวานใกล้ใบหูทำให้เขาฮึกเหิมมากขึ้น ขยับถี่ยิบรัวเอวใส่คนตรงหน้า

สองร่างช่วยกันขับเคลื่อนให้ความทรมานนี้สิ้นสุดลง หน้าอกนุ่มนิ่มที่บดเบียดอกแกร่งทำให้ร่างหนายิ่งจ้วงแทงไม่ยั้ง จนในที่สุดเสียงครางต่ำพร้อมกับเสียงกรีดร้องก็ดังขึ้นพร้อมกัน ใบหน้าเล็กชื้นเหงื่อซบลงที่บ่าแกร่ง แม้จะไม่ได้สอดใส่เข้ามาแต่ก็รู้สึกเสียวไม่ต่างอะไรจากการร่วมรัก

“สบายตัวแล้วสินะ” เขาวางเธอลงแล้วหาผ้าชุบน้ำมาเช็ดเรียวขาที่เต็มไปด้วยคราบรักจากเขา ร่างบางผล็อยหลับไปอีกครั้งด้วยความอ่อนเพลีย

แพรววนิตตื่นขึ้นมาอีกทีในตอนค่ำ เมื่อหันไปมองรอบตัวก็เจอกับสามีของเธอนอนหลับอยู่ข้าง ๆ หญิงสาวรู้สึกดีขึ้นหลังจากได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ ทำให้เธอมองค้อนคนที่เป็นต้นเหตุให้เธอป่วย อยากจะแอบหยิกใบหน้าหล่อเหลาสักทีแต่ก็ไม่กล้า กลัวโดนจัดการจนสลบไปอีกรอบ

ตั้งแต่แต่งงานมาได้สองวันเขาก็ทำตัวติดหนึบกับเธอตลอด ต่างจากตอนก่อนแต่งที่แทบไม่เคยเจอหน้ากันด้วยซ้ำทั้งที่อยู่บ้านหลังเดียวกัน เขาเอาแต่ขลุกตัวอยู่ที่ทำงานเพราะเพิ่งเข้ารับตำแหน่งได้ไม่นาน แต่ต่อให้เดินผ่านกันเขาก็เลือกที่จะเมินเธอกับแม่อยู่บ่อย ๆ จนเธอทำตัวไม่ถูก ไม่กล้าเข้าไปคุยด้วยแบบตอนเด็ก ๆ ถึงตอนนี้จะยังไม่ค่อยได้คุยกันเท่าไหร่เพราะเขาเอาแต่ฉวยโอกาสเอาเปรียบเธอตลอดเวลา แต่อย่างน้อยก็มีการหยอกล้อเธอให้ได้อายบ้าง ไม่ได้เมินเฉยเหมือนปกติ เธอก็ได้แต่หวังว่าสักวันจะชนะใจเขาได้บ้างถึงได้ยอมทำเรื่องน่าอายตามที่เขาสั่งอย่างไม่คิด

“ตื่นแล้วเหรอ ลงไปกินข้าวกันมั้ย เธอดูดพลังงานฉันซะเกลี้ยงเลย” ธาวินรู้สึกถึงการขยับตัวจากคนข้างเตียงจึงตื่นขึ้น

“บ้า แพรวไม่ได้ทำอะไรเลยค่ะ พี่วินต่างหากที่หื่นเกินไป” แพรววนิตรีบหยิบเสื้อจากบนพื้นขึ้นมาสวมแล้ววิ่งตรงไปยังห้องแต่งตัว

ธาวินมองตามร่างบางจนเผลอยิ้มออกมา เดี๋ยวนี้เธอเริ่มกล้าต่อปากต่อคำกับเขา จากที่แต่ก่อนชอบทำหน้าเหมือนหมาหงอยจนน่าเบื่อ ยายตัวเล็กนี่ก็มีมุมดื้อเหมือนกันแฮะ ชักจะน่าสนใจขึ้นทุกวัน

“ได้ยินว่าแพรวไม่สบาย หายดีแล้วเหรอลูก” ธนากรเอ่ยทักลูกสะใภ้บนโต๊ะอาหาร

“หายแล้วค่ะ”

“สงสัยมีคนดูแลดี ใช่มั้ยครับน้องแพรว” ธาวินหันมาส่งยิ้มให้

“คงงั้นมั้งคะ” เธอแอบเบ้ปากในใจกับสรรพนามที่เขาเรียกเธอ ดูแลดีที่ไหนกัน ขนาดคนป่วยยังไม่เว้นเลย

หญิงสาวก้มหน้าก้มตาสนใจอาหารต่อ เพราะยังไม่กล้าสบตากับแม่ตัวเอง ยิ่งนึกถึงเรื่องเมื่อกลางวันแล้วยิ่งอยากจะโกรธคนที่ไม่รู้จักล็อกประตูห้องจริง ๆ

“แล้วนี่พวกลูกแพลนกันรึยังว่าจะไปฮันนีมูนที่ไหน” ธนากรถามลูกชายกับลูกสะใภ้

“ยังเลยครับ” ก็ในหัวเขาไม่ทันได้คิดถึงเรื่องอื่นเลยยังไม่ได้คุยกับภรรยาเรื่องฮันนีมูนสักที

“งั้นไปพักที่พูลวิลล่าที่กระบี่ดีมั้ย พ่อซื้อเอาไว้แต่แทบไม่มีโอกาสได้ไปเลย พ่อเช็กให้แล้วแหละว่ายังมีบ้านว่างอยู่ ไปเที่ยวกันก่อนเถอะ ถือว่าเป็นของขวัญวันแต่งงานจากพ่อด้วย”

“ขอบคุณครับพ่อ”

“แล้วแพรวว่ายังไงล่ะลูก” ธนากรหันมาถามลูกสะใภ้หัวแก้วหัวแหวนด้วยน้ำเสียงอบอุ่น เล่นเอาธาวินหมั่นไส้แต่ก็ต้องแกล้งส่งยิ้มให้เธอแทน พลางคิดในใจว่าคอยดูเถอะ ถ้าได้อยู่กันสองคนอย่าหวังว่าเธอจะได้เห็นเดือนเห็นตะวันเลย

“อะไรที่คุณพ่อว่าดีแพรวก็ว่าดีค่ะ” แพรววนิตยิ้มให้ธนากร จนคนตัวสูงข้าง ๆ เก็บทรงไม่อยู่ เผลอเบ้ปาก เธอยังสอพลอเก่งเหมือนตอนเป็นเด็กเลย

“เป็นอะไรรึเปล่าวิน” พราวลดาเห็นชายหนุ่มทำสีหน้าแปลก ๆ จึงเอ่ยถาม

“เปล่าครับ พอดีอาหารค่อนข้างเค็ม” ธาวินแกล้งยกน้ำขึ้นดื่ม

“งั้นพรุ่งนี้วินพาน้องไปซื้อชุดว่ายน้ำสิลูก” พราวลดาเสนออย่างกระตือรือร้น

“หนูว่ายน้ำไม่เป็นนะคะแม่”

“ก็ให้พี่เขาสอนสิ รบกวนวินด้วยนะลูก”

“ครับ คุณน้า” เขาตอบรับเสียงเรียบ แม้จะแต่งงานกับลูกสาวของพราวลดาแล้ว แต่ชายหนุ่มก็ไม่อยากเรียกเธอว่าแม่

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel