6:รสมือของเซียวหลินหลิง (1)
6
รสมือของเซียวหลินหลิง
สักพักก็มีเสียงเปิดประตูตามด้วยเสียงฝีเท้าสองคู่ ก่อนที่ร่างสูงโปร่งของซือหยวนซาจะเดินเข้ามาพร้อมกับจุ้นเผิง
“คารวะคุณชายสามเจ้าค่ะ” เซียวหลินหลิงพูดพลางย่อตัวทำความเคารพ เมื่อชิงปี้เห็นดังนั้นก็ทำตาม
เรียกเช่นนี้แหละจะได้ชิน... ข้าจะได้ไม่เผลอมองว่าท่านเป็นท่านพี่ของข้าอีก
ซือหยวนซานิ่งไปครู่หนึ่ง แววตาเรียบเฉยยากที่จะรู้ได้ว่าคิดอะไรอยู่ภายในใจ
“อืม” หลังจากส่งเสียงตอบรับเบาๆ เขาก็เดินไปนั่งที่เก้าอี้ โดยมีจุ้นเผิงยืนอยู่ข้างหลัง
“จุ้นเผิง” เซียวหลินหลิงเรียกชื่อบ่าวชายคนสนิทของซือหยวนซาเบาๆ
“ขอรับ...”
“เจ้าก็นั่งลงเถิด ข้าได้เตรียมอาหารและที่นั่งให้เจ้าแล้ว เจ้าจะได้กินไปดูแลคุณชายสามไปพร้อมกัน” กล่าวจบก็ผายมือไปยังเบาะรองนั่งที่อยู่ตรงข้ามชิงปี้ เมื่อเห็นท่าทีลังเลของอีกฝ่ายก็พูดต่อ
“ไปเถอะ ไหนๆ ก่อนที่ข้าจะไป ข้าก็อยากให้ทุกคนในจวนได้ลิ้มลองฝีมือข้าอย่างทั่วถึง”
โดยเฉพาะนายของเจ้า!
“อ... เอ่อ...” จุ้นเผิงลังเล ก่อนหันหน้ามาทางคุณชายสาม
“ไปนั่งเถิด” ซือหยวนซาเอ่ย
“มานั่งด้วยกันกับข้านี่มา” ชิงปี้พูดพลางยิ้มให้อีกฝ่าย
“ขอรับ... ขอบพระคุณคุณชายสามกับคุณหนู” จุ้นเผิงกล่าวขอบคุณก่อนเดินไปนั่งตรงข้ามสาวใช้ของเซียวหลินหลิง
“แล้วเจ้าล่ะ...”
ซือหยวนซาเอ่ยพร้อมกับมองมายังเซียวหลินหลิงที่ยืนอยู่
“เมื่อไรจะนั่ง... ข้าจะได้รีบกินรีบกลับ”
“…...” ร่างบางนั่งลงโดยไม่พูดอะไร ทำเพียงเปิดฝาที่ครอบอาหารออก เผยให้เห็นโฉมหน้าของอาหารที่วางอยู่บนโต๊ะ
ก็บอกแล้ว... งานนี้นางทุ่มสุดตัว!
ทั้งเต้าหู้ผัดเผ็ดที่ได้รับสูตรมาจากท่านแม่ที่ล่วงลับไปแล้ว...
หั่วกัวแบบไม่จุดไฟ ที่นางได้ต้มทุกอย่างใส่หม้อเหล็กเรียบร้อยแล้วทั้งหมู ไก่ แกะ ผัก...
เนื้อปลานึ่ง ที่มีน้ำจิ้มสองแบบแยกไว้ให้... เปรี้ยวหวานกับเผ็ดเค็ม โดยนางดัดแปลงมาจากปลานึ่งราดพริก…
เสี่ยวหลงเปา ที่นางยังคงภูมิใจนำเสนอ แม้คราวที่แล้วจะถูกเขากระทืบจนเละก็ตาม...
อ้อ! คราวนี้นางประยุกต์โดยการใช้แป้งผสมหูหลอปอ[1]และใส่ผงพริก ฮวาเจียว ทำให้สีของแป้งที่ห่อหุ้มไส้ข้างในเป็นสีแดงอมส้ม
และตั้นตั้นเมี่ยน[2]ชามใหญ่ ที่นางเอาเส้นมาแช่น้ำหมึก ทำให้สีของเส้นบะหมี่เปลี่ยนเป็นสีดำ...
ทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณชิงปี้จริงๆ ที่ลำบากในการเลือกซื้อทุกอย่างมาให้นาง
ซือหยวนซากวาดตามองอาหารตรงหน้าอย่างเรียบเฉย ดวงตาเรียวสีนิลฉายประกายออกมาวูบหนึ่ง ก่อนจะกลับมาเย็นชาตามเดิม จากนั้นก็นำเข็มเงินที่ถือติดตัวมาด้วยทดสอบพิษในอาหารบนโต๊ะเพื่อความปลอดภัย โดยมีเซียวหลินหลิงลอบมองด้วยความหมั่นไส้
หากเป็นเกาเชียนจือทำ ท่านคงตักเข้าปากทันทีไม่มีลังเล
เมื่อซือหยวนซาทดสอบอาหารเสร็จแล้ว ทั้งสองก็เริ่มลงมือทานอาหารบนโต๊ะ ในขณะที่ชิงปี้และจุ้นเผิงที่นั่งอยู่ห่างออกไปพอสมควรพากันกินจนจะหมดแล้ว
อาหารฝีมือคุณหนูเซียวนี่ช่างอร่อยเสียจริง!! แต่น่าเสียดายที่ข้ามีวาสนาได้ลิ้มรสมือคุณหนูแค่ครั้งเดียว จุ้นเผิงนึกในใจอย่างเสียดาย
คราแรกที่เห็นเซียวหลินหลิงคีบเสี่ยวหลงเปาขึ้นมา แวบหนึ่งซือหยวนซาเกิดคิดว่านางจะคีบให้เขาจึงเผลอยื่นจานออกไป แต่เมื่อเห็นสายตางุนงงของอีกฝ่ายก็รีบแก้เก้อ
“พอดีข้ากลัวทำหล่นก่อนจะมาถึงจานน่ะ”
สักพักเขาก็กะว่าจะคีบเนื้อปลาให้นางบ้างอย่างที่สามีภรรยาปกติเขาทำกัน
แม้ความสัมพันธ์ของเขากับนางกำลังจะสิ้นสุดในอีกไม่นานก็เถอะ
แต่นางก็ไม่ได้มีท่าทีหันมาสนใจเขาเลย ซ้ำยังยกจานไปไว้อีกฝั่ง!
ข้าก็นึกว่าเจ้าต้องการ จึงคิดจะช่วยเมตตาสักครั้ง แต่กลับทำเป็นเล่นตัว ต่อไปข้าก็จะไม่สนละกัน กินอย่างเดียวเท่านั้น ถือว่าข้าได้ให้โอกาสเจ้าแล้ว
ก่อนที่ร่างสูงจะตักน้ำแกงหั่วกัวที่มีสีแดงเดือดดั่งเลือดใส่ถ้วยแล้วยกซด เมื่อสัมผัสถึงความเผ็ดร้อนและความซ่าที่สุดแสนจะกลมกล่อมก็ทำให้เขาชะงักไปเล็กน้อย แต่ไม่พูดอะไรออกมา มือที่จับตะเกียบนั้นหันไปคีบอย่างอื่นเข้าปาก แต่กลับยิ่งสร้างความแปลกใจให้เขา
นี่นางทำอาหารอร่อยถึงเพียงนี้เลยหรือ แถมยังทำออกมาได้เผ็ดร้อนถูกใจข้ายิ่ง... เนื้อปลานึ่งหาได้คาวแม้แต่น้อย น้ำจิ้มหรือก็มีทั้งแบบเผ็ดกับเปรี้ยวหวาน แป้งของเสี่ยวหลงเปานางก็ช่างเข้าใจคิด ไหนจะเส้นหมี่สีดำอีก หากไม่มีการประยุกต์ดัดแปลงข้าคงนึกสงสัยว่านางใช้ให้ชิงปี้ไปซื้อมาจากเหลาห้าดาวเป็นแน่แท้
วูบหนึ่งก็นึกเสียดายถึงอาหารที่นางเคยพยายามทำให้เขากินตลอดสามปี แต่เขากลับให้คนเอาไปเททิ้ง ทั้งยังตอนที่เทเสี่ยวหลงเปาลงพื้นแล้วเหยียบซ้ำเพื่อหวังจะทำให้นางเสียกำลังใจ จะได้ไม่ต้องทำนั่นทำนี่มาให้เขาอีก
พลันเรื่องราวต่างๆ ในวันวานก็ย้อนกลับเข้ามาในหัว
“ข้าทำขนมเข่งมาให้เจ้าค่ะ” ร่างบางพูดพร้อมกับยื่นถาดขนมเข่งในมือให้เขา
“ข้าไม่รับ เจ้าเอากลับไปเถิด” ซือหยวนซาพยายามปฏิเสธอย่างนุ่มนวล
“ข้าตั้งใจทำมาให้ท่านก็ต้องให้ท่านสิเจ้าคะ”
“หากข้าเอาไปทิ้งเล่า!?” เซียวหลินหลิงชะงักไปเล็กน้อยก่อนยิ้มแล้วเอ่ยว่า
“นั่นก็เป็นสิทธิ์ของท่านเจ้าค่ะ”
“เช่นนั้น... จุ้นเผิง... เอาไปเทให้สุนัขกินเสีย...”
…
“ข้าทำหั่วกัวมาให้เจ้าค่ะ ใส่ฮวาเจียวเยอะเป็นพิเศษด้วย เพราะรู้ว่าท่านชอบกินเผ็ด”
“ข้าเททิ้งไปแล้ว”
…
“เจ้าเลิกทำนั่นทำนี่มาให้ข้าเสียทีได้หรือไม่...”
“ทำไมหรือเจ้าคะ?”
“หากเจ้าอยากทำเพื่อข้า มีอย่างนึงที่เจ้าทำได้”
“อะไรหรือเจ้าคะ?” เซียวหลินหลิงถามด้วยแววตาใสซื่อ ทว่าซือหยวนซามองว่านางกำลังเสแสร้ง
“ลงนามในหนังสือหย่าให้ข้า ส่วนของคาวของหวานเหล่านั้น ข้ามิต้องการ อย่างอื่นก็เช่นกัน!”
…
สวรรค์... นี่ข้า...
ครู่หนึ่งซือหยวนซาก็รีบสะบัดหัวไล่ความคิดเหล่านั้นออกไป
