ทนเท่าที่จะทนได้
หญิงสาวเดินก้มหน้าก้มตานำสิ่งที่ตนสั่งมาให้ แก้วน้ำที่ยื่นให้ชายหนุ่มก็พลาดไม่มีคนรับดพราะร่างสูงเดินหนีไปยืนรออยู่อีกด้านเสียแล้ว
“ก้มหน้าคงจะเห็นหน้าฉันหรอก ฉันอยู่ด้านนี้ ไม่เห็นรึไง”
หญิงสาวแหงนหน้าและนำไปให้เขาอีกด้าน ปรินทรขี้เกียจเห็นสีหน้าเฉยเมยเมื่อได้น้ำดื่มจึงไล่คนหน้าตาไม่มีชีวิตทันที อีกทั้งวันนี้ตัวเขานั้นมีงานรออยู่ด้วย “วันนี้ฉันไม่มีอะไรให้ทำอีกแล้ว ไปได้”
แม้เขาพูดด้วย คนโดนไล่ยังทำเหมือนไม่ได้ยิน ปรินทรรู้สึกเดือดขึ้นมา ‘โว้ย ตอบหน่อยจะเป็นไรมากเปล่าวะเนี้ย’ “ดูท่านางบำเรอของฉันจะฟังเสียงครางของตัวเองจนหูหนวกไปแล้วมั้ง ” เสียงสำทับหยันๆ จึงเกิดขึ้นอีก ปิ่นคณางค์อ้าปากเล็กน้อยในครั้งนี้ แต่ไม่นานก็ปรับสีหน้า หากพอหันหลังให้คนปากร้าย แก้มสาวก็แดงขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้ แม้ภายในใจนั้นอยากต่อว่ากลับเหลือเกินเมื่อชายหนุ่มพูดบ้าบอให้ต้องอาย แต่สะกดกลั้นไว้ หากต่อความยาวอาจจะหาเรื่องพูดให้เธอได้หน้าแดงอีกเป็นแน่ เงียบไว้จึงเป็นการดีที่สุด
“อย่าเพิ่งไป” เมื่อเริ่มออกเดินเสียงเรียกทำให้ร่างบางต้องหยุดเดิน…อะไรอีกล่ะคราวนี้ ถ้ารับไม่ไหวตนเองจะเลิกเป็นใบ้แล้วนะ
“วันนี้ไม่ดี ไม่พอใจ ไม่ถึงห้ายกหรือไงถึงทำหน้าแบบนั้นฮึ” เพราะทันเห็นใบหน้าแดงก่ำ ปรินทรจึงสุขใจและอยากจะเห็นว่าถ้าแม่เชลยสาวหน้าแดงมากกว่าเมื่อครู่จะเป็นอย่างไรจึงเปลี่ยนใจเรื่องหยุดตอแยขึ้นมาแบบกะทันหัน หญิงสาวหันมองใบหน้าที่กำลังสุขใจด้วยสายตาขุ่นมัว ปรินทรสุขใจสมใจมากเมื่อเห็นหน้าตามีชีวิตชีวา จึงเดินเข้าไปใกล้เชยคางมน นิ้วโป้งถูไถไปมาบนเรียวปากจิ้มลิ้ม
“ปล่อยนะ ฉันจะกลับ”
“งานด่วนก็รอได้ ขอแค่เธอขยันทำสีหน้ามีชีวิตสะกิดความรู้สึกฉัน...จะรีบกลับทำไมล่ะ” ไม่อยากเชื่อชายหนุ่มพูดแบบนี้ แต่เมื่อคิดว่าตนเองอยู่ในฐานะอะไร จึงห้ามหัวใจไม่ให้หวั่นไหวกับน้ำคำนั้น หญิงสาวจึงรีบก้าวเดินกลับออกจากห้องโดยไม่รอให้ชายหนุ่มตอบตกลง ปรินทรมองตามหลังคนที่ทำหัวใจตนเองกระตุกวาบไหวแปลกๆ… ผู้หญิงคนนี้ทำให้ปรินทรไม่มั่นใจในเสน่ห์ตนเองเป็นครั้งแรก เพราะหญิงสาวเฉยชาออกปานนั้นแม้วันนี้ดวงตาวิบไหวหน้าแดงก่ำนิดหน่อยเมื่อโดนกลั่นแกล้งด้วยวาจา สุดท้ายจบลงที่ก้มหน้าก้มตาเหมือนเคยและแม้บางครั้งจะแสดงความรู้สึกเร่าร้อนเมื่ออยู่บนเตียงก็ตามที หากให้เดาใจผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
เดินห่างคอนโดหรูมาพักใหญ่ ปิ่นคณางค์ยกสองมือซุกซ่อนในกระเป๋าเสื้อแขนยาวต้องการทำให้ลำตัวอบอุ่น อดดีใจไม่ได้เมื่อคิดว่าพรุ่งนี้เป็นวันหยุดงานของตน เธอแหงนดูตึกสูงตระหง่าน สถานที่ซึ่งตนเองนั้นต้องมาอาทิตย์ละสองวัน ปรินทรใจดำนักเขาคงไม่เคยคิดว่าเรื่องราวที่ทำอยู่นั้นมันไม่ถูกต้อง เพราะตนไม่ได้รับรู้ในสิ่งที่ได้เกิดขึ้น “ต้นไม้พันธ์เดียวกันจะต่างกันหรือไง อย่ามาแกล้งปั้นหน้าขอความเห็นใจ เธอต้องชดใช้แทนผู้หญิงเลวๆ คนนั้น” ปิ่นคณางค์จำประโยคนี้ได้ไม่มีวันลืม
“หนูจะทนเท่าที่ทนได้นะคะแม่” นึกถึงแม่ผู้ให้กำเนิด ความรักที่มีให้แม่ จึงทำเป็นเพิกเฉยเรื่องนี้ไม่ได้ รู้ทั้งรู้ทำแบบนี้ยิ่งทำให้แม่ทำผิดมากขึ้นแต่ก็ยังไม่มีทางเลือกอื่นใดในตอนนี้
“คุณพ่อ อย่าโกรธกันเลยนะคะ” พร่ำขอโทษที่ทำเรื่องเสื่อมเกียรติและศักดิ์ศรี ได้แต่หวังว่าพ่อคงให้อภัยเมื่อวันหนึ่งถ้าหากเธอได้เจอท่านอีกครั้ง
เรื่องอัปยศที่ทำตนเองต้องยอมทิ้งศักดิ์ศรีลูกผู้หญิงนั้นเกิดขึ้น เพราะแม่ลอบมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับเพื่อนสนิทคนหนึ่งของคุณลุงตรัย ปิ่นคณางค์รู้จักผู้ชายคนนั้นพร้อมกับที่รู้จักคุณลุง หญิงสาวไม่เข้าใจแม่เลย ทำไมแม่ถึงชอบผู้ชายหน้าตากระล่อนคนนั้น หรือเพราะผู้ชายคนนั้นหนุ่มอย่างที่ปรินทรเคยพูดเย้ยใส่หน้ากัน
ปิ่นคณางค์หน้าแดงเรื่อเมื่อเข้าใจความหมายของปรินทรกับคำพูดที่ว่า “เพราะมันเด็กไง แม่เธอถึงติดใจ”
คิดถึงครั้งแรกที่เจอปรินทร วันนั้นเรือนร่างสูงใหญ่อยู่ในชุดสูทสีดำเรียบกริบ อย่างที่เคยเห็นเสมอแม้ในช่วงหลัง หน้าตาหล่อเหลาของเขามีลักษณะพิเศษดูโดดเด่น เส้นผมดกหนามีสีน้ำตาลอมดำรับกันเหมาะเจาะกับแนวคิ้วหนาสีเดียวกับเส้นผม ต่ำลงมาคือดวงตาคมกริบซึ่งมีสีฟ้าอมน้ำทะเลซึ่งดูช่างเปี่ยมด้วยเสน่ห์ชวนให้จับจ้อง แต่สำหรับปิ่นคณางค์ดวงตาคู่นั้นคงมีให้แค่ความดูถูกดูแคลนเช่นเดียวกับเรียวปากหยักได้รูปที่มีแต่รอยยิ้มหมิ่นแคลนให้เสมอ นานวันที่ชายหนุ่มแสดงออกมามันคงไม่เปลี่ยนไปในทางอื่นแน่นอน เขาเกลียดเธอ
ตลอดเวลาเกือบสามสี่เดือนที่แม่ยังเป็นคนมีศีลมีธรรมในใจ ปรินทรและตัวเธอนั้นเจอกันอาทิตย์ละสองสามครั้ง แต่ละครั้งไม่นานนัก ชายหนุ่มแค่เข้ามาร่วมทานมื้อค่ำกับคุณลุง ปรินทรพักคอนโดหรูของครอบครัว ยามเจอกันแววตาลุ่มลึกคมคายแค่ปรายตามองเธอแต่ไม่เคยพูดจากันสักครั้ง แม้ในบางครั้งปิ่นคณางค์จะเห็นสายตาหยันแปลกส่งมาบ้าง แต่ก็ทำแกล้งไม่เห็นเสีย มหาเศรษฐีอย่างเขาจะชอบเธอซึ่งเปรียบเสมือนกาฝากก็แปลก หากวันนี้หญิงสาวทำเป็นแกล้งไม่เห็นไม่ได้เพราะทุกอย่างมันเปลี่ยนไปหมดแล้ว...ปิ่นคณางค์ชงกาแฟ จัดอาหารว่างให้ชายหนุ่มเพราะปกติก็ดูแลแม่และคุณลุงเช่นนั้นทุกวัน ทั้งเริ่มปรับตัวและหัวใจว่าจะอยู่ที่นี่เพื่อครอบครัวที่เหลืออยู่ นั่นคือแม่ จึงถือคติอยู่บ้านท่านอย่านิ่งดูดาย ระหว่างปรินทรและแม่หญิงสาวรู้ดีทั้งสองเพียงแกล้งทำดีใส่กันก็เท่านั้น เธอได้แต่อึดอัด สายตาปรินทรเมื่อมองแม่เหมือนมีประกายไฟพร้อมที่จะเผาผลาญ หญิงสาวแกล้งทำไม่เห็นได้แต่ให้แกล้งเลิกคิดมากไม่ได้ และพยายามเลี่ยงเสียมากกว่าเมื่อรู้เวลาที่ลูกชายคุณลุงจะกลับมาบ้าน กระทั่งเรื่องนั้นเกิดขึ้น เธอช็อกมากและแทบลืมหายใจเมื่อรู้ว่าปรินทรรับรู้เหมือนกัน คนสายตาเป็นไฟกลายเป็นจอมอสูรไปโดยปริยาย ความนิ่งเงียบหายวับไป ช็อกคำรบสองเมื่อชายหนุ่มและแม่มีปากเสียงกันในวันหนึ่ง หญิงสาวได้ยินแม่ท้าว่า “คุณตรัยไม่มีวันเชื่อหรอก ฉันมั่นใจ คุณไม่ต้องเสียเวลาไปฟ้องหรอกน่า”
แม่ทำไมท้าทายคนสายตาดุแบบนั้น ตนเองใจสั่นหวาดหวั่น แม่บอกไปสิคะว่า ขอโทษ เราจะไปจากที่นี่ ภาวนาให้แม่เอ่ยแต่ก็ต้องผิดหวัง เธอทรุดลงหมดแรงข้างมุมห้องนั่งเล่นซึ่งแม่และปรินทรโต้เถียงกันอยู่ ทำไมต้องเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นด้วย เริ่มเห็นลางร้ายที่จะตามฝันร้ายที่ยังไม่จางหายมา และมันก็เกิดขึ้นอย่างที่หวาดกลัวจริงๆ มันเกิดขึ้นในวันที่แม่และคุณลุงไม่อยู่บ้าน ปรินทรเข้ามาพูดกับเธอด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด “น่ารังเกียจจริงๆ กล้าทำเรื่องสมเพชกับคนที่ให้ชีวิตใหม่ เธอว่าไง รู้ดีทุกอย่างใช่ไหม ดีถ้าอย่างนั้นต้องรับผิดชอบด้วยกัน”
“แต่ฉันไม่…คุณต้องการอะไร ” เธอตัวสั่น ใบหน้าซีด
“ไม่อะไร ไม่รู้ เชื่อก็มี ‘เขา’ แล้วล่ะ และที่ฉันต้องการก็คือการชดใช้ ทุกอย่างที่ฉันพอใจ” สิ่งที่คนโมโหเป็นพายุบอกทำเอาปิ่นคณางค์ต้องใคร่ครวญ
ทุกอย่างที่ฉันพอใจ ! มันหมายความว่าอย่างไร ? หายงุนงงจึงปฏิเสธออกไป คิดว่าตัวเขาเป็นเจ้าชีวิตคนอื่นรึไง ทั้งต่อว่าชายหนุ่มไปว่าเขาไม่ยุติธรรมเพราะเธอไม่ใช่คนผิด ชายหนุ่มพูดเสียงดังว่าบิดาคงหัวใจสลายและพูดอีกว่าเธอไม่ต่างจากแม่ ไม่คิดถึงใจคนที่มีบุญคุณ เจอคำนี้หญิงสาวก็สะอึกแต่ที่ปรินทรพูดออกมามันน่ากลัวเกินไป ความหมายมันกว้างเกินไป เธอมีลางสังหรณ์บางอย่าง แม้บอกปฏิเสธ สุดท้ายเพราะไม่อยากให้คุณลุงผู้แสนดีซึ่งมีโรคประจำตัวต้องเสียใจ ตนจึงกลายเป็นเชลยนางบำเรอนายปรินทรมาตั้งแต่วันนั้น แม้ตอนไปหาเขา คิดจะเปลี่ยนใจแต่ชายหนุ่มก็ไม่รับยอมฟัง ตอนนี้ทำได้แค่เพียงรออยู่ รอว่าทุกเรื่องราวจะยุติเมื่อไหร่...
