บท
ตั้งค่า

2.เพียงแรกเห็น

กรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย

บนถนนสายบันเทิงในยามค่ำคืนแบบนี้ ร้านค้าและหน้าโรงแรมใหญ่ๆ ที่ตั้งอยู่สองข้างทางของอาบัต สตรีท (Arbat Street) หรือถนนคนเดินของชาวรัสเซีย ถูกประดับประดาด้วยดวงไฟเล็กๆ หลากสีสันเพื่อดึงดูดนักชอปปิงและนักท่องราตรีเข้าไปใช้บริการ

เฉกเช่นเดียวกับไนต์คลับขนาดใหญ่ที่อยู่ภายในโรงแรมสุดหรูอย่างมอสโกรอยัล ก็ได้จัดโปรแกรมโชว์พิเศษทุกคืนวันเสาร์เพื่อดึงดูดนักท่องราตรีเข้ามาใช้บริการ วันนี้ก็เป็นอีกหนึ่งเสาร์ที่จะมีโชว์สุดอลังการจากประเทศบราซิล และที่พิเศษไปกว่านั้นคือ วันนี้เป็นวันเกิดของวิกกี้ มาติน บุตรสาวเจ้าของโรงแรมอีกด้วย

ภายในห้องวีไอพีของโรงแรม วิกกี้และแอนนา สาวสวยรูปร่างบอบบางด้วยกันทั้งคู่ กำลังช่วยกันผสมเครื่องดื่มเพื่อฉลองวันเกิด และสาวสวยอีกหนึ่งนางที่อยู่ในชุดราตรีสีแดงสด กำลังยืนฮัมเพลงจัดโน่นนี่นั่นอยู่ที่โต๊ะอาหาร

“งานนี้เริดเวอร์นะจ๊ะทุกคน เพราะนังแจ๊สซี่มีดีต้องโชว์อย่างฉัน เป็นคนลงมือจัดโต๊ะเอง” เสียงแหลมแบบมีจริตของสาวประเภทสองแต่สวยเวอร์จนผู้หญิงต้องอายดังขึ้น เรียกความสนใจให้วิกกี้และแอนนาหันไปมอง

“จ้า แม่ดีไซน์เนอร์คนเก่ง ถ้าฉันแต่งงานขอยืมตัวไปเป็นแม่งานได้ไหมยะหล่อน” แอนนาซึ่งมีดีกรีเป็นถึงคุณหมอสาวเอ่ยบอก ขณะถือเครื่องดื่มไปวางบนโต๊ะ

“ว้าย! ตายแล้ว! ยัยป้าแอนนา ถ้าแกหาผัวได้นะ ฉันจะยอมปิดร้านเสื้อไปช่วยงานแกเจ็ดวันเจ็ดคืนเลยเชียว” แจ๊สซี่รีบเดินซอยเท้าถี่ๆ ไปหาแอนนาด้วยท่าทีตื่นเต้น แอนนายกมือเท้าสะเอวมองเพื่อนรัก

“นี่แกคิดว่าฉันจะหาคนมาแต่งงานด้วยไม่ได้หรือไงนังแจ๊ส”

“อย่างแกนี่นะ ถ้าหาได้คงมีลูกเป็นโหลแล้วมั้งยะ แม่แกเลยต้องหาผัวให้ไง ได้ข่าวว่าถูกสั่งให้บินกลับมาดริดด่วน เพื่อไปให้ว่าที่สามีในอนาคตดูตัวไม่ใช่เหรอ” แจ๊สซี่ใช้หัวไหล่กระแทกบ่าแอนนาเบาๆ อย่างสัพยอก

“แกอย่าพูดเรื่องหมอนั่นให้ไมเกรนฉันขึ้นได้ไหม พูดเรื่องนี้ทีไรฉันสติแตกตลอด” คุณหมอสาวยกมือกุมขมับประกอบคำพูด วิกกี้กับแจ๊สซี่ถึงกับปล่อยคิกออกมาอย่างอดไม่ได้

“ทำไมเหรอแอนนา ผู้ชายคนนั้นขี้เหร่มากเลยเหรอ” วิกกี้หันมาถามยิ้มๆ

“ไม่รู้สิ ไม่เคยเห็นหน้า รู้แต่ว่าเป็นลูกชายคนเล็กของตระกูลอาร์คาดิโอ” แอนนาตอบเพื่อนเหมือนไม่สนใจเท่าไร แจ๊สซี่เห็นหน้าอมทุกข์ของเพื่อนก็เดินไปปลอบ

“ได้ข่าวว่าตระกูลนี้รวยจนน่าเกลียดไม่ใช่เหรอ แล้วแกจะนอยด์ทำไมแอนนา ถ้าเป็นฉันนะจะรีบปล้ำทำ 'ปั๋ว' เสียเลย เดี๋ยวพวกชะนีจะคาบไปกินซะก่อน”

“ถ้าแกอยากได้ แต่งแทนฉันไหมนังแจ๊ส”

“ว้าย! แกจะบ้าเหรอยัยหมอ ฉันไม่ยอมสละโสดง่ายๆ หรอกนะยะ จะอยู่ให้ผู้ชายน้ำลายหกแบบนี้แหละ”

แจ๊สซี่ตีแขนเรียวขาวของแอนนาเบาๆ ก่อนจะมองไปที่ประตู “ยัยนาเดียมันทำอะไรอยู่นะ ป่านนี้ยังไม่โผล่หน้ามาซะที”

“คงกำลังเดินทางน่ะแก ช่วงนี้บ้านนาเดียมันกำลังวุ่นๆ เรื่องหลานชายอยู่” วิกกี้บอกขณะเดินไปล้างมือในห้องน้ำ

“ลูกของมิคาเอลน่ะเหรอ” แอนนาถาม ขณะยกมือขยับแว่นสายตาให้เข้าที่

“จะว่าไปแล้วคนที่ต้องรับผิดชอบก็คือนายนิคนั่นแหละ ใจร้ายพรากครอบครัวคนอื่น” แจ๊สซี่ต่อว่าพี่ชายฝาแฝดของเพื่อน

ส่วนคนที่ถูกพาดพิงกำลังเลี้ยวรถเข้าไปจอดที่ลานจอดรถหน้าโรงแรม กังสดาล ชาโรน็อฟ ก้าวลงไปยืนบนพื้นและเดินตรงไปที่ประตูทางเข้า ชุดราตรีเกาะอกสีเหลืองทองยาวเหนือเข่า ขับผิวผ่องของร่างโปร่งระหงที่ได้เชื้อตะวันตกจากบิดา แถมใบหน้าสวยซึ้งอย่างคนเอเชียที่ได้จากมารดา ส่งให้เธอสวยน่ามอง โดยเฉพาะนัยน์ตาดำขลับหวานวาวระยับสุกใสราวแสงดาวบนฟ้า บวกกับรอยยิ้มหวานที่ประดับอยู่บนใบหน้า ทำให้เธอมีเสน่ห์น่าค้นหาจนผู้คนที่เดินผ่านไปมาต้องหันไปมอง

วันนี้เธอผู้เป็นดั่งนางฟ้าของชาโรน็อฟ บินเดี่ยวโดยไม่มีบอดี้การ์ดมาดูแล เพราะอยากมีเวลาอยู่กับเพื่อนๆ ตามลำพัง ขณะที่กังสดาลกำลังเดินไปที่ลิฟต์ เสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น มือเรียวสวยหยิบโทรศัพท์ออกจากกระเป๋าสะพายและกดรับทันที

“จ้ะนิค” กังสดาลเอ่ยทักทายพี่ชายฝาแฝดเสียงอ่อนหวาน

“อยู่ที่ไหนนาเดีย ทำไมไม่เอาการ์ดไปด้วย” เสียงเข้มที่เต็มไปด้วยความห่วงใยจากปลายสายทำให้กังสดาลไม่ถือสา แถมตอบกลับไปเสียงอ่อนหวาน

“เรามางานวันเกิดวิกกี้แค่นี้เอง ทำไมต้องเอาการ์ดมาด้วย เดี๋ยวเราก็กลับแล้ว ว่าแต่อีวานหลับหรือยัง” กังสดาลได้ยินเสียงถอนหายใจของคนปลายสายก็แปลกใจ

“กว่าจะหลับได้ร้องไห้จนตาบวมเลยล่ะ” นิโคลัสบอกอย่างอ่อนใจ กังสดาลรู้ว่าพี่ชายฝาแฝดต้องการจะไถ่โทษเรื่องน้องชาย จึงหักดิบลักพาตัวหลานชายมาจากเมืองไทย จนพุดแก้วน้าสาวของหลานชายตามมาเอาเรื่อง ยังไงเรื่องนี้เธอและพี่ชายรวมไปถึงพุดแก้วต้องหาทางออกร่วมกัน

“ใจเย็นๆ นะนิค เด็กยังไม่คุ้นกับเรา เดี๋ยวเราจะรีบกลับไปช่วยรับมือกับอีวานนะ”

“ขอบใจ บินเดี่ยวหนีเที่ยวระวังตัวด้วยล่ะ” นิโคลัสเตือนอีกครั้งด้วยความเป็นห่วง

“จ้าคุณพ่อคนที่สอง แค่นี่ก่อนนะจ๊ะ” กังสดาลบอกยิ้มๆ ก่อนจะตัดสายไป ดวงตาคู่งามลดสายตามองกระเป๋าและหย่อนโทรศัพท์ลง จึงไม่เห็นว่าร่างสูงสง่าสวมสูทสีน้ำเงินเข้มเดินมา ไหล่บางจึงกระทบไหล่คนที่เดินสวนมาโดยไม่ตั้งใจ

“ซอร์รี่…” หญิงสาวกล่าวขอโทษเป็นภาษาอังกฤษนุ่มหู ตามด้วยรอยยิ้มหวานที่กระชากใจคนข้างๆ ได้อย่างน่ามหัศจรรย์ ดวงตาสีอำพันมองดวงหน้าเรียวสวยนิ่งนาน กลิ่นหอมเย้ายวนใจจากปลายผมที่พลิ้วผ่านไหล่หนา ทำให้เขาต้องสูดเข้าไปเก็บไว้ในปอดจนปลายประสาทบางส่วนตื่นตัว กลิ่นเนื้อนางของสาวคนไหนก็ไม่ทำให้เขาอยากสัมผัสมากเท่าสาวสวยตรงหน้านี่เลย

อา… แม่สาวปริศนากำลังจ้องเขาตาเป็นมัน…

“คุณกำลังเสียมารยาทกับฉัน คุณสุภาพบุรุษ” เสียงหวานที่ดูจะดุขึ้น ดึงสติของอัลฟาโล่ อาร์คาดิโอกลับมา กังสดาลมองร่างสูงสง่าที่ยืนอยู่ท่ามกลางบอดี้การ์ดมากมาย จนเธอรับรู้รัศมีน่ากลัวและน่าเกรงขามของคนตรงหน้าได้เป็นอย่างดี

“ต้องขอโทษที่ผมสะกดคำนั้นไม่เป็น” อัลฟาโล่สอดมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกง ตาคมยังคงมองใบหน้าเรียวสวยไม่วางตา

“ฉันก็ว่าอย่างงั้น เพราะสุภาพบุรุษดีๆ ที่ไหนจะจ้องผู้หญิงตาเป็นมันแบบนี้ ทั้งๆ ที่ไม่รู้จักกัน” หญิงสาวเชิดหน้าขึ้นอย่างถือดี จนอีกฝ่ายรู้สึกอยากเอาชนะ

“มีคนบอกผมว่าถ้าได้เจอสาวสวยเข้ามาทัก แสดงว่าเป็นลิขิตกามเทพ เราน่าจะทำความรู้จักกันอีกสักหน่อยนะ”

“บังเอิญฉันไม่อยากรู้จักผู้ชายไร้มรรยาทซะด้วยสิ กรุณาหลีกทางด้วยค่ะเพราะฉันรีบ” อารมณ์ของกังสดาลเริ่มกรุ่นๆ ขึ้นมาบ้าง

“นัดเพื่อนหรือนัดใคร”

“ฉันนัดใครมันก็เรื่องของฉัน หลีกทาง…” พูดโดยเน้นเสียงหนักแต่กำแพงยักษ์ก็ยังยืนนิ่งอยู่ที่เดิม ทำเอาอารมณ์กรุ่นของกังสดาลพุ่งแรงกว่าเดิม

“อย่าใช้ตามองหาเรื่องแบบนี้ เพราะคุณจะไม่มีโอกาสมองเห็นอีกต่อไป” เธอขู่ แต่คนถูกขู่กลับหัวเราะหึๆ ในลำคอ

“ผมมองเฉพาะคนที่สนใจ และคุณก็อยู่ในข่ายนั้น ถ้าไม่รังเกียจไปนั่งดื่มด้วยกันหน่อยดีไหมคนสวย” ร่างสูงขยับเข้าไปใกล้หมายจะวางมือบนเอวบาง พอเธอถอยหลังไปสองก้าว เขาก็ขยับตาม

“ฉันบอกแล้วไงว่าไม่อยากรู้จักคุณ”

เมื่ออีกฝ่ายไม่ยอมรามือ กังสดาลก็เหยียดยิ้ม พลางหยิบปืนพกขนาดเล็กที่พกติดตัวออกมาจ่อที่หน้าท้องแกร่งอย่างรวดเร็ว อัลฟาโล่ก้มมองวัตถุสีเงินด้วยใบหน้าเรียบเฉย จนกังสดาลอ่านความรู้สึกเขาไม่ออก

เยี่ยม! พิษสงรอบตัวแบบนี้สเปกเลยล่ะ…

อัลฟาโล่บอกตัวเองอย่างครึ้มใจ แต่กังสดาลไม่คิดแบบนั้น เธอเกลียดผู้ชายที่เห็นผู้หญิงเป็นของเล่นเข้าไส้

“หลีกทาง ถ้าไม่อยากท้องพรุน” เธอบอกเสียงลอดไรฟัน

ครูซเห็นปลายปืนจ่ออยู่ที่ท้องเจ้านายก็เตรียมจะหยิบปืนออกมา แต่อัลฟาโล่ตวัดสายตาไปห้ามไว้ทัน

“โอเค วันนี้ผมยอมหลีกทางให้ แต่คราวหน้าถ้าเจอกันอีก ผมคงไม่ยอมหลบไปไหนจนกว่าจะได้ออกเดตกับคุณ โอเคมั้ย”

“บังเอิญว่าฉันไม่ชอบกินข้าวนอกบ้านด้วยสิคะ ยิ่งกับคนแปลกหน้าด้วยแล้วยิ่งไม่อยากเจอเลยล่ะ” เธอยิ้มยั่วและค่อยๆ เดินจากไปอย่างสง่าดุจนางพญา

ดวงตาสีอำพันมองตามจนกระทั่งหญิงสาวหายเข้าไปข้างใน ครูซมองตามสายตาของเจ้านายหนุ่ม รู้สึกแปลกใจที่คนเป็นนายไม่เดือดพล่านเหมือนทุกครั้งยามถูกศัตรูข่มขู่ หรือผู้หญิงคนนั้นจะสวยถูกใจจนทำไม่ลง แต่ดูแล้วเธอไม่ธรรมดา…

“จะให้สืบประวัติเธอไหมครับบอส” ครูซถามอย่างรู้ใจ อัลฟาโล่กระตุกยิ้ม สูดกลิ่นเนื้อนางที่ยังหอมกรุ่นอยู่บนไหล่เข้าไปในปอด

“เร็วที่สุด ฉันไม่อยากรอนาน” เสียงทรงอำนาจดังขึ้นพร้อมกับแววตาคมที่ฉายชัดถึงความมาดมั่นตั้งใจ

“เธอไม่ธรรมดา” ครูซบอกขณะเดินตามเจ้านายหนุ่มเข้าไปข้างใน

“กระทิงเปลี่ยวอย่างฉันเกิดมาเพื่อให้มาทาดอร์อย่างเธอปราบว่ะเพื่อน” อัลฟาโล่คลี่ยิ้ม หัวใจแกร่งสดชื่นและสูบฉีดแรงกว่าทุกวัน หรือเป็นเพราะสาวลึกลับคนนั้นก็ไม่อาจทราบได้

ร่างสูงหยุดยืนข้างประตูเพื่อปรับสายตาให้ชินกับแสงสลัว ก่อนจะมองหาคนที่เชิญมาผ่อนคลาย ไม่นานชายร่างยักษ์ก็เดินมาหยุดตรงหน้าชายหนุ่มอย่างนอบน้อม

“คุณอีวาน็อฟรออยู่ชั้นบนครับ เชิญครับ” ชายร่างยักษ์ผายมือเชิญและเดินนำชายหนุ่มขึ้นบันไดไปที่ชั้นสอง คนที่นั่งรออยู่ลุกขึ้นเพื่อให้เกียรติคนมาใหม่

“สวัสดีอัลฟาโล่ ขอบคุณมากๆ ที่รับคำเชิญ” อีวาน็อฟ เจ้าของบริษัทอีเกอร์ยนตกรรม ซึ่งเป็นบริษัทผลิตรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในรัสเซียเอ่ยทักทาย อัลฟาโล่ยื่นมือไปจับและคลายออก

“ผมต่างหากที่ต้องขอบคุณคุณลุง ที่ให้โอกาสผมเข้าไปบริหารอีเกอร์ยนตกรรม” อัลฟาโล่เอ่ยกับเพื่อนบิดาอย่างนอบน้อม อีวาน็อฟมองสบตาสีอำพันที่เต็มไปด้วยพลังอำนาจอย่างชื่นชม

“อัลโตนิโอโชคดีที่มีลูกชายเก่งๆ ถึงสองคน แต่ลุงเหมือนไม้ใกล้ฝั่ง ทำต่อคงไม่ไหว เลยต้องติดต่อขายบริษัทให้พ่อของหลาน” อีวาน็อฟวัยหกสิบเจ็ดปีบอกเสียงแหบพร่า ก่อนจะหยิบเอกสารส่งให้ชายหนุ่ม

“เอกสารซื้อขาย หลานจะเอากลับไปอ่านก่อนก็ได้ วันมะรืนค่อยไปคุยกันที่บริษัท”

“ขอบคุณครับ ยังไงผมขอดูรายละเอียดก่อนนะครับ” อัลฟาโล่ส่งซองเอกสารให้ครูซ ก่อนจะยกแก้วเครื่องดื่มส่งให้อีวาน็อฟ

“เพื่ออนาคตของอีเกอร์กรุ๊ป ผมจะทำให้ดีที่สุดครับ” พูดจบอัลฟาโล่ก็แตะขอบแก้วกับแก้วของอีวาน็อฟ จากนั้นทั้งสองก็พูดคุยกันถึงเรื่องงานบริหารในอีเกอร์ยนตกรรมเพื่อเป็นข้อมูลในการทำงาน

กังสดาลเปิดประตูเข้าไปในห้องจัดเลี้ยงโดยไม่เอ่ยทักทายใคร มือเรียวสวยคว้าแก้วเครื่องดื่มขึ้นมาดื่มพรวดเดียวจนหมดแก้ว วิกกี้ แอนนา และแจ๊สซี่ อ้าปากค้าง เมื่อเห็นใบหน้าของคนมาใหม่บูดบึ้งราวกับโกรธใครมาสักสิบชาติ

กังสดาลวางแก้วเปล่าลงบนโต๊ะแล้วคว้าแก้วที่สองขึ้นไปดื่มจนหมด ก่อนจะกระแทกแก้วกับโต๊ะเพื่อระบายความโกรธกรุ่นที่อัดแน่นอยู่ข้างใน พอจะคว้าแก้วที่สามขึ้นดื่มอีก แจ๊สซี่ก็รีบเข้าไปห้ามทันที

“หยุดๆ ไวน์ปั่นนะแกไม่ใช่น้ำ เดี๋ยวก็เมากันพอดี” แจ๊สซี่คว้าแก้วออกห่างจากกังสดาล แอนนาและวิกกี้มองหน้ากันแล้วเดินไปหา

“นาเดีย ใครทำอะไรให้แกโกรธขนาดนี้เนี่ย” วิกกี้ประคองแก้มนวลของเพื่อนรัก และจ้องลึกเข้าไปในดวงตาคู่งาม

“หลับตานาเดีย หลับตาซะแล้วสูดลมหายใจเข้ายาวๆ” แอนนาบอกเสียงหวาน

กังสดาลทำตามและสูดหายใจเข้ายาวเหยียด ก่อนจะปล่อยออกมาช้าๆ

“ดีมากคุณหนูนาเดีย รู้สึกดีขึ้นไหม”

“ดีขึ้นมากเลยเพื่อน ขอบใจนะ” กังสดาลยิ้มให้เพื่อนๆ แจ๊สซี่บังคับกังสดาลให้นั่งลงบนเก้าอี้

“บอกมาว่าใครทำให้แกโกรธขนาดนี้ยะ” แจ๊สซี่จีบปากจีบคอถาม กังสดาลกำมือแน่นเมื่อใบหน้าคมเข้มลอยเข้ามาในหัว

“ผู้ชายเฮงซวยที่ไหนไม่รู้มาทำชีกอกับฉัน ฉันก็เลยเอาปืนจี้พุงมันวิ่งหางจุกตูดไปเลย” กังสดาลพูดติดตลก

สามสาวถึงกับยกมือทาบอกด้วยความตกใจ แต่เพื่อนๆ ก็ไม่หัวเราะเพราะความเป็นห่วง

“เฮ้ แกสามคนทำไมทำหน้าแบบนั้น ฉันไม่เป็นไร ยังสวยเด้งเช้งวับอยู่เหมือนเดิม”

“ผู้ชายที่ไหนไม่รู้จักคุณหนูนาเดียกัน” วิกกี้ถามด้วยแววตาครุ่นคิด เพราะคนในมอสโกไม่มีใครไม่รู้ว่าเพื่อนเธอคนนี้เป็นใคร

“ผู้ชายตาถั่วมั้งแก อย่าไปสนใจเลย ฉันกับหมอนั่นคงไม่เดินมาเหยียบเล็บขบกันอีกแน่” กังสดาลบอกอย่างไม่สนใจ แต่หากเธอรู้อนาคตอันใกล้ว่าจะได้เข้าไปพัวพันกับผู้ชายตาถั่วอย่างอัลฟาโล่ เธอคงจะไม่พูดแบบนี้แน่

“งั้นเรามาเป่าเค้กกันเลย” แอนนาเดินถือเค้กไปวางบนโต๊ะ แจ๊สซี่คนสวยจุดเทียน กังสดาลโอบบ่าวิกกี้และร้องนำเพลงสุขสันต์วันเกิด

“แฮปปี้เบิร์ดเดย์ทูยู แฮปปี้เบิร์ดเดย์ทูยู แฮปปี้เบิร์ดเดย์ แฮปปี้เบิร์ดเดย์ แฮปปี้เบิร์ดเดย์ แฮปปี้เบิร์ดเดย์ทูยู”

ทั้งสี่สาวกอดคอกันโยกตัวไปมา แววตาเต็มไปด้วยความสุข ความผูกพันระหว่างเพื่อนกระจายอยู่รอบกาย

“เป่าเลย เป่าเลย” ทั้งสามเชียร์ วิกกี้ยิ้มให้เพื่อนแล้วเป่าเทียนพรวดเดียว

“เฮๆๆๆ” สี่สาวปรบมือและหอมแก้มเจ้าภาพคนละฟอด

“มีความสุขมากๆ นะวิกกี้ ฉันรักแกและทุกคนที่สุด” กังสดาลบอกพลางสวมกอดวิกกี้ แอนนาและแจ๊สซี่จึงกอดทั้งสองไปด้วย

“ฉันก็ขอให้แกมีความสุข สมหวังในทุกอย่างนะวิกกี้” แอนนาอวยพรพลางซบหน้ากับแผ่นหลังของกังสดาล

“ส่วนฉันขอให้แกมีผู้ชายมาหมายตาเร็วๆ แก๊งเราจะได้ลงจากคานบ้าง” แจ๊สซี่จีบปากจีบคอบอก เรียกเสียงหัวเราะจากเพื่อนได้ไม่น้อย

“ก็แอนนาไง กำลังจะมีหนุ่มมาดูตัว” วิกกี้บอกยิ้มๆ แอนนาได้ยินก็รีบยกมือห้ามทันที

“หยุดเลยวิกกี้ อย่าทำให้ไมเกรนฉันขึ้นอีกเชียว”

“นี่ฉันตกข่าวอะไรไปหรือเปล่าแอนนา” กังสดาลมองหน้าเพื่อนคนนั้นทีคนนี้ที

วิกกี้จับมือแอนนาแกว่งไปมาก่อนจะเอ่ยตอบ “ก็คุณหมอแอนนาของเรา กำลังจะมีหนุ่มฮอตทายาทตระกูลดังมาดูตัวน่ะสินาเดีย”

“ว้าว! ว้าว! เพื่อนเราขายออกแล้วแจ๊สซี่” กังสดาลยกมือประกบกับแจ๊สซี่ แต่คนที่กำลังจะได้ลงจากคานทำหน้าบอกบุญไม่รับ

ขณะที่สามสาวกับหนึ่งชายแต่หัวใจเป็นหญิงกำลังพูดจาหยอกล้อกันอยู่นั้น นายซานโต้พ่อของวิกกี้ก็เดินเข้ามาอวยพรวันเกิดให้ลูกสาวด้วยใบหน้าเคร่งเครียด

“ไงลูก เป่าเค้กกันหรือยัง”

“เรียบร้อยแล้วค่ะพ่อ” วิกกี้เดินไปเกาะแขนบิดาอย่างเอาใจ

“พ่อขอโทษนะที่มาช้า พอดีคณะโชว์จากบราซิลมาไม่ทันโชว์คืนนี้ แขกรอนานเลยโวยวาย พ่อเลยต้องเคลียร์ให้เสร็จ”

“ตายจริง กะทันหันแบบนี้เราหาโชว์ไม่ทันแน่ๆ” วิกกี้จับมือบิดาอย่างไม่สบายใจ นายซานโต้ถอนหายใจยาวๆ แล้ววางมือบนศีรษะของบุตรสาว

“เดี๋ยวพ่อจะไปขอโทษแขกแล้วก็ลดราคาให้ทุกโต๊ะ น่าจะทำให้พวกเขาพอใจ”

“ทำแบบนั้นเราก็ขาดทุนสิคะคุณพ่อ” กังสดาลบอกพลางคิดหาทางช่วย

“ยังไงก็ต้องยอมแล้วล่ะนาเดีย เพราะกะทันหันแบบนี้พ่อไม่รู้จะไปหาโชว์ที่ไหนมาให้แขกดู”

“ถ้าหาไม่ได้เราก็โชว์เองเลยสิคะคุณพ่อ” แจ๊สซี่ออกความเห็น ทำเอาทุกสายตามองไปที่ร่างบอบบางของนางอย่างตกใจ

“ยังไงยัยแจ๊ส” แอนนาถามพลางขยับแว่นสายตา แจ๊สซี่เดินนวยนาดไปรอบเพื่อนๆ ด้วยแววตาเจ้าเล่ห์ สามสาวสวยออกอาการร้อนๆ หนาวๆ เพราะรู้ว่าแจ๊สซี่คิดอะไรไม่เหมือนชาวบ้านสักเท่าไร

“จะอะไรยะ ถ้าไม่มีโชว์ แก แก แก แล้วก็ฉัน ต้องช่วยคุณพ่อน่ะสิ” แจ๊สซี่ชี้ไปที่เพื่อนแต่ละคน และมาจบที่ตัวเอง สามสาวถึงกับสะดุ้งโหยงเพราะเป็นงานที่ไม่ถนัด อย่าว่าแต่เต้นเลย ร้องเพลงยังไม่จบด้วยซ้ำ

“เฮ้ย!..” สามสาวอุทานออกมาพร้อมกันอย่างตกใจ คุณหมอแอนนาขยับแว่น กลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคอกับความคิดแผลงๆ ของแจ๊สซี่ เพราะในกลุ่ม เธอไม่กล้าแสดงออกที่สุด

“ฉันไม่เอาด้วยนะ” แอนนาออกตัว

นายซานโต้เห็นท่าทีอึดอัดของสามสาวก็ฝืนยิ้มให้ “ขอบใจมากนะแจ๊ส พ่อไปบอกแขกจะดีกว่า พวกเราจะได้สนุกกันต่อ” นายซานโต้เดินออกจากห้อง แต่แจ๊สซี่วิ่งไปดักหน้าไว้ทัน

“ไม่ต้องค่ะคุณพ่อ คุณพ่อไปบอกแขกเลยนะคะ ว่าจะมีโชว์พิเศษสุดอลังการยิ่งกว่าคณะโชว์จากบราซิลมาแสดงให้ดู”

“จะดีเหรอแจ๊ส” วิกกี้ถามพลางมองหน้ากังสดาลและแอนนา

“ทำไมพวกแกต้องทำหน้าตาตื่นกันขนาดนั้นยะ ฉันก็หมายความตามนั้นแหละ ไม่ต้องห่วงนะคะคุณพ่อ พวกเราโชว์เอง คุณพ่อให้ดีเจเปิดเพลงเรียกแขกไปก่อน พวกเราขอเวลาแต่งตัวครึ่งชั่วโมงค่ะ” แจ๊สซี่ทำสัญลักษณ์โอเคให้บิดาของเพื่อน

“แล้วจะโชว์อะไรแจ๊สซี่ เราไม่ได้ซ้อมกันเลยนะ” กังสดาลออกอาการตื่นเต้น วิกกี้มองเพื่อนพลางบีบมืออูมขาวของบิดาอย่างให้กำลังใจ

“เราทำได้อยู่แล้ว เชื่อฉันสิ แกสามคนจำวันงานโรงเรียนได้ไหม เราสี่คนทำโชว์จนได้รางวัลชนะเลิศมาแล้ว วันนี้เพื่อนลำบากแล้วไม่ช่วยเพื่อนได้ยังไง ใช่ไหมนาเดีย แอนนา” คำพูดของแจ๊สซี่ทำให้กังสดาลและแอนนามองไปที่วิกกี้ ก่อนจะตัดสินใจพยักหน้าพร้อมกัน

“ตกลง ลองเป็นนางโชว์สักวันก็น่าสนุกดีเนอะหมอแอน” กังสดาลบอกยิ้มๆ ทำให้นายซานโต้ยิ้มออก

“ขอบใจทุกคนนะลูก ขอบใจจริงๆ” พูดจบซานโต้ก็เดินออกไปบอกแขก ส่วนสี่สาวมองหน้ากันอย่างตื่นเต้น

“เอาจริงเหรอแจ๊ส” แอนนาถามไม่เต็มเสียงเพราะกลัวคำตอบ แจ๊สซี่ยิ้มหวานให้เพื่อนๆ ก่อนจะไปหยุดสายตาที่วิกกี้

“ห้องแต่งตัวอยู่ที่ไหนวิกกี้ รีบนำไปด่วนเลยเดี๋ยวไม่ทันกาล แขกโวยวายเหวี่ยงขวดเหวี่ยงแก้วจะยุ่ง” แจ๊สซี่เร่ง

วิกกี้เดินไปกอดคอเพื่อนๆ อย่างซึ้งใจ “ขอบใจทุกคนมากๆ นะ”

“อย่าเพิ่งซึ้งกันตอนนี้ได้มั้ยหล่อน พาพวกเราไปแต่งตัวก่อน” กังสดาลเร่งด้วยความตื่นเต้น เมื่อทุกคนตัดสินใจร่วมกัน แอนนาก็รวบรวมความกล้าพยักหน้าให้

“เอาไงเอากัน ไป”

“มันต้องอย่างนี้สิยัยหมอ ไป รีบไปกัน” แจ๊สซี่เดินตามวิกกี้ไปที่ห้องแต่งตัว

“งานนี้ผับพ่อแกดังระเบิดแน่ๆ วิกกี้” แจ๊สซี่จีบปากจีบคอ มือก็เลือกชุดเกาะอกสีแดงเพลิงสั้นเหนือเข่าไปทาบบนตัวกังสดาล

“เอ้า! นาเดียของเธอ รีบแต่งตัวเร็วเข้า คุณหมอไปยืนหน้าซีดอะไรตรงนั้น มาแต่งตัวสิคะ ยัยวิกกี้แกก็ด้วย เร็วเข้า” แจ๊สซี่จัดแจงแล้วยื่นชุดให้เพื่อน ก่อนจะเลือกของตัวเอง แล้วเดินเข้าไปแต่งตัวบ้าง

“ขอบคุณนะจ๊ะ ขอบคุณทุกคน” วิกกี้ขอบคุณเพื่อน น้ำตาซึมออกมาอย่างตื้นตัน

“เอ้า...คุณนายระเบียบเร็วสิยะ ถ้าแขกประท้วงพ่อแก พวกฉันช่วยไม่ได้นะ” แจ๊สซี่โผล่หน้าออกมาเห็นวิกกี้ยืนน้ำตาคลออยู่ที่เดิมก็ต่อว่ายกใหญ่ พอหันไปเห็นคุณหมอสาวยืนสั่นอยู่ก็เอ็ดขึ้นมาอีก

“ยัยหมอ แกเก็บอาการเขินอายไว้สักวันได้ไหม วันนี้ช่วยเพื่อนก่อน” แอนนาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เพื่อเรียกความกล้าให้ตัวเองแล้วรีบเข้าไปแต่งตัว

พอแต่งตัวเสร็จ ทุกคนก็ทยอยออกจากห้องเปลี่ยนชุดมายืนดูตัวเองในกระจก แจ๊สซี่อยู่ในชุดกระโปรงสั้นสีเหลืองมีขนนกเสียบอยู่บนศีรษะ วิกกี้อยู่ในชุดเดรสสีชมพูสั้น ส่วนแอนนาอยู่ในชุดสีเขียวอ่อนสั้นเหนือเข่าเดินบิดตัวไปหน้ากระจก สามสาวหมุนไปมาเพื่อเช็คความพร้อม พอไม่เห็นกังสดาลออกจากห้องเปลี่ยนชุด แจ๊สซี่ก็เอ่ยถาม

“นาเดียเสร็จหรือยัง”

“เสร็จแล้ว เสร็จแล้ว” เสียงขานรับหวานใสดังมาก่อนตัว พอเจ้าของเสียงเปิดประตูออกมา ทุกคนถึงกับอ้าปากค้างอย่างตกตะลึง ร่างโปร่งระหงเดินเฉิดฉายออกมาอย่างสง่าดุจนางพญา ในขณะที่สีของชุดขับผิวนวลเนียนสวยเด่น ผมหยักศกสีน้ำตาลยาวสลวยทิ้งตัวลงมา ส่งให้ใบหน้าเรียวสวยดูเซ็กซี่ขึ้นไปอีก

“สุดยอดไปเลยนาเดีย” แจ๊สซี่จับร่างกลมกลึงหมุนไปมา ทำเอากังสดาลหน้าแดงระเรื่อ จากนั้นสี่สาวก็ทำความเข้าใจกันเรียบร้อย

“เดี๋ยวฉันไปบอกพ่อก่อนนะว่าเราพร้อมโชว์แล้ว” วิกกี้เดินออกไปหน้าเคาน์เตอร์ เห็นบิดาคุยกับแขกอยู่ที่โซนวีไอพี จึงตัดสินใจเดินไปหาดีเจหน้าเวทีแล้วกระซิบบอกความพร้อมของงานโชว์ พอนัดแนะกับฝ่ายเวทีเสร็จ วิกกี้ก็เดินกลับเข้าไปข้างใน

“ฉันตื่นเต้นมากเลยอ่ะนาเดีย” คุณหมอสาวกำมือเย็นเฉียบของตัวเอง กังสดาลจับมือแอนนามากุม แล้วใช้วิธีเดียวกับที่คุณหมอสาวใช้กับเธอเมื่อชั่วโมงที่ผ่านมา

“สูดหายใจลึกๆ หมอแอน นั่นล่ะอีกครั้ง” กังสดาลบอกพลางทำไปพร้อมกัน แจ๊สซี่เติมเครื่องสำอางบนใบหน้าเสร็จก็หันไปยิ้มให้

“คิดๆ แล้วก็คิดถึงสมัยเรียนเนอะแก” แจ๊สซี่พูดขึ้นมาลอยๆ ภาพวันเก่าๆ สมัยเป็นนักศึกษาลอยเข้ามาในห้วงคำนึง ในวันรับน้องของมหาวิทยาลัย เธอทั้งสี่จับฉลากได้อยู่กลุ่มเดียวกัน ความลำบากในช่วงรับน้องที่มหาวิทยาลัย ทำให้คนทั้งสี่สัญญาจะเป็นเพื่อนรักกันตลอดไป และหลังจากที่เรียนจบ สี่สาวก็แยกย้ายกันไปทำงานตามสาขาที่เรียนมา แต่ก็ยังติดต่อและไปมาหาสู่กันอย่างสม่ำเสมอ

วิกกี้เรียนการโรงแรม พอจบก็กลับมาช่วยธุรกิจของครอบครัว แอนนาบ้านเดิมอยู่ในมาดริด พอเรียนจบก็ต้องย้ายตามครอบครัวไป แต่เพราะไม่อยากห่างเพื่อน คุณหมอสาวเลยขอทำงานที่โรงพยาบาลต่ออีกสองสามปี ส่วนแจ๊สซี่เป็นหลานสาวของเจ้าของห้องเสื้อชื่อดัง พอเรียนจบก็ไปช่วยงานที่ห้องเสื้อ จนตอนนี้กลายเป็นดีไซน์เนอร์ชื่อดังไปแล้ว

“อยากกลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง จะได้ไม่ต้องคิดอะไรเยอะ” กังสดาลบอกเสียงหม่นลง จนแจ๊สซี่และแอนนาหันไปมอง

“เรื่องหลานแกเป็นไงบ้างนาเดีย” แจ๊สซี่ถามขณะเก็บเครื่องแต่งหน้าใส่กระเป๋า

“นิคทำผิดมหันต์เลยล่ะแจ๊ส ตอนนี้น้าของอีวานตามมาเอาหลานคืน แต่นิคไม่ยอม” กังสดาลบอกอย่างหนักใจกับปัญหาในครอบครัว

“ถ้าแย่งกันไปแย่งกันมา แกก็ให้นายนิคปล้ำน้าหลานแกทำเมียซะเลยสิ จะได้ไม่ต้องแย่งกัน” แจ๊สซี่พูดติดตลกแต่กังสดาลกลับจริงจัง เพราะพี่ชายฝาแฝดของเธอก็ไม่มีใครเป็นตัวเป็นตน ส่วนพุดแก้วก็สวยน่ารัก แถมยังเก่งตรงสเปกพี่ชายเธออีกต่างหาก วิธีนี้น่าจะพอมีลุ้นบ้าง ดีกว่าปล่อยให้ทั้งสองคนทะเลาะกันไปมา

“ขอบใจนะแจ๊ส ฉันคิดว่ามีทางเป็นไปได้”

“เฮ้ย…ฉันพูดเล่นนะแก เดี๋ยวนายนิคก็มาจิกฉันหรอก คู่แฝดแกดุยังกับหมาแน่ะ” แจ๊สซี่อุทานอย่างตกใจ กังสดาลปล่อยคิกออกมากับคำเปรียบเปรยของเพื่อน

ถึงแม้กังสดาลจะหาทางออกเรื่องพี่ชายและพุดแก้วได้แล้ว แต่เรื่องราวในอดีตที่ครอบครัวเธอพบเจอยังคงเป็นแผลในใจของทุกคนโดย เฉพาะพี่ชายของเธอที่ได้ทำเรื่องที่ไม่น่าให้อภัยขึ้น

นิโคลัสพรากน้องชายของเขาจากผู้หญิงไทยทื่ชื่อพุดกรองอย่างเลือดเย็น การกระทำของเขาครั้งนั้น ส่งผลให้มิคาเอลน้องชายของเธอต้องจบชีวิตลงในเวลาต่อมา เนื่องจากมิคาเอลต้องการจะไปใช้ชีวิตอยู่กับหญิงสาวที่เขารักที่เมืองไทย แต่เขาก็ไปไม่ถึงเพราะเครื่องบินที่เขาโดยสารลำนั้นตก

หลังจากการตายของน้องชาย นิโคลัสก็เฝ้าแต่โทษตัวเอง ชายหนุ่มไม่ยอมหันไปมองหรือเฉียดกายเข้าไปยังห้องพักส่วนตัวของน้องชายอีกเลยตั้งแต่เกิดเรื่องครั้งนั้น

แต่แล้วสามปีต่อมา เขาก็ให้คนเข้าไปทำความสะอาดห้องของมิคาเอล และครั้งนี้ก็มีคนพบจดหมายที่มิคาเอลเขียนทิ้งไว้ จดหมายฉบับนั้นทำให้นิโคลัสรู้ว่าน้องชายกับผู้หญิงไทยคนนั้นกำลังจะมีลูกด้วยกัน เพราะความรู้สึกผิด ชายหนุ่มจึงสืบจนรู้ว่าหลานของเขาอยู่ที่ไหน และได้รู้ว่าน้องสะใภ้คนไทยของเขานั้นตายไปแล้ว

นิโคลัสเดินทางไปที่ประเทศไทยเพื่อพบหลานชายของเขา และต้องการเจราจาต่อรองขอรับหลานชายคนเดียวกลับไปเลี้ยงดูที่รัสเซีย แต่พุดแก้วซึ่งเป็นน้องสาวของพุดกรองไม่ยินยอม เพราะไม่อยากให้หลานชายไปอยู่ในตระกูลมาเฟียอย่างชาโรน็อฟ

แจ๊สซี่เห็นหน้าเพื่อนหม่นลงก็มองด้วยความเห็นใจ แต่เรื่องภายในครอบครัว เธอซึ่งเป็นคนนอกคงเข้าไปยุ่งไม่ได้ นอกจากคอยให้กำลังใจอย่างห่วงๆ เท่านั้น ขณะที่กังสดาลกำลังตกอยู่ในภวังค์ของความกังวล เสียงของวิกกี้ก็ดังขึ้น

“ได้เวลาแล้วนางโชว์ทั้งหลาย” วิกกี้โผล่หน้าเข้ามาบอก บรรดานางโชว์จำเป็นจึงพากันเดินออกจากห้องไปยืนรออยู่หลังเวที แอนนาดูจะตื่นเต้นกว่าใครเพื่อน เพราะชีวิตอันราบเรียบในตอนเป็นนักศึกษาแพทย์ ทำให้เธอไม่เคยได้ทำอะไรตื่นเต้นแบบนี้มาก่อน

“จับมือกันไว้พวกเรา” กังสดาลบอกขณะยื่นมือไปจับมือเย็นเฉียบของแอนนา “วันนี้เป็นอีกหนึ่งวันในความเป็นเพื่อนของเราที่จะช่วยกันผ่านไปให้ได้”

“เราต้องทำได้” แจ๊สซี่ย้ำแล้วสี่สาวก็ขยับเข้าไปกอดกันกลม

หลังจากโยกย้ายสะโพกกันอย่างสุดมันมาหลายเพลงติดๆ กัน เสียงดนตรีจังหวะร้อนแรงก็จบลง เพื่อให้บรรดานักท่องราตรีได้พักหายใจหายคอ จากนั้นเสียงดีเจก็ดังขึ้น

“แขกผู้มีเกียรติครับ ในค่ำคืนนี้เป็นค่ำคืนสุดพิเศษ ทางผับของเราได้เตรียมงานโชว์สุดอลังการไว้ต้อนรับทุกท่าน และเวลาต่อจากนี้ ขอเชิญทุกท่านพบกับโชว์สุดอลังการได้เลยคร้าบ” สิ้นเสียงดีเจ แสงไฟในห้องก็หรี่ลง แสงสปอร์ตไลต์ส่องไปที่หน้าเวที

จากนั้นการรอคอยของทุกคนก็สิ้นสุดลง เมื่อเพลงสากลสุดฮอตของเลดี้กาก้าดังกระหึ่มขึ้น ท่ามกลางเสียงโห่ร้องและเสียงปรบมือดังกึกก้องอย่างชอบใจ อัลฟาโล่และอีวาน็อฟหันไปมองหน้าเวที ดวงตาคมเข้มจ้องร่างโปร่งระหงในชุดสีแดงเพลิง ที่โยกย้ายส่ายสะโพกผายไปตามจังหวะร็อกได้อย่างสวยงาม ผมยาวสลวยพัดพลิ้วไหวตามจังหวะการเคลื่อนไหวของเจ้าตัว แถมดวงตากลมโตยังทิ้งสายตาให้แขกหน้าเวทีอย่างเซ็กซี่

อัลฟาโล่เพ่งมองร่างโปร่งระหงอย่างคาดไม่ถึง ว่าคนที่ต้องตาจะกลายร่างไปเป็นนางโชว์เสียแล้ว ซานโต้มองไปหน้าเวทีเห็นบุตรสาวและเพื่อนๆ วาดลวดลายสวยงามตามจังหวะเพลงอย่างพลิ้วไหวไม่มีสะดุด บรรดาแขกต่างตบมือและเต้นตามอย่างสุดมัน นางโชว์จำเป็นพากันยิ้มร่าและรู้สึกสนุกไปกับเสียงดนตรี กังสดาลเต้นไปหน้าเวทีเพื่อจับมือกับแขก อัลฟาโล่มองหญิงสาวด้วยสายตาเหยียดหยัน..นี่คงเป็นอาชีพของเธอสินะ…

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel