บทที่ 3.5
“แสดงว่าคุณเดชก็เกิดที่นี่ซิคะ” หญิงสาวพูดด้วยความตื่นเต้น
“ครับ เกิดที่นี่โตที่นี่ ไม่เคยไปที่อื่นเลย” ชายหนุ่มพยักหน้ายอมรับอย่างภาคภูมิใจ
“ว้าว อย่างนี้คุณต้องรู้จักที่นี่ทุกซอกทุกมุมแน่”
“ก็รู้ครับ ทุกที่ในไร่ผมเดินมาหมด คุณมาถามทำไมครับ” เดชมีสีหน้าแปลกใจเล็กน้อย
“ฉันคิดว่า ฉันน่าจะเจอครูดีที่จะสอนเรื่องสตรอว์เบอร์รี่ให้แล้วน่ะซิคะ” หญิงสาวพูดยิ้มๆ
“ต่อไปถ้ามีอะไรฉันมาถามคุณเดชได้ไหมคะ ท่าทางว่าคุณเจ้าของไร่คงงานยุ่งมากไม่น่าจะมีเวลามาอธิบายให้ฉันรู้เรื่องอย่างรวดเร็ว” หญิงสาวมัดมือชก
“อ๋อ นึกว่าอะไร ถามได้ครับผมบอกได้เท่าที่รู้นะ” เดชพูดตามความจริง
“อย่าถ่อมตัวเลยค่ะ คุณเกิดที่นี่โตที่นี่ต้องรู้เรื่องสตรอว์เบอร์รี่ดีกว่าใครอยู่แล้ว” ชุติมามั่นใจเช่นนั้น
เดชไม่โต้ตอบอะไรทั้งสิ้น เขาพูดคุยกับชุติมาอีกสองสามคำก่อนที่จะขอตัวไปทำงานต่อ ส่วนเธอไม่มีคำสั่งของกวินให้ทำอะไรจึงได้แต่เดินเตร่ไปมาเพื่อดูว่าคนอื่นทำอะไรกันบ้าง
กวินหน้าตูมเมื่อเห็นชุติมาเดินกลับมาที่บ้านพักในตอนเย็นพร้อมกับผู้จัดการไร่ของตน ท่าทีสนิทสนมหัวเราะกระซิกของทั้งคู่ทำให้ชายหนุ่มไม่พอใจจนระงับอารมณ์ไว้ไม่อยู่
“ไปไหนมา” เขากระชากเสียงถามทันทีที่ชุติมาเหยียบเข้าตัวบ้าน
“เปล่าค่ะ อยู่ในไร่” หญิงสาวเงยหน้ามองเขาถึงได้รู้ว่าสีหน้าของกวินเหมือนคนกำลังไม่พอใจ
ชุติมาไม่รู้ว่าชายหนุ่มมีเรื่องไม่พอใจอะไรหรือโกรธใครที่ไหนมา แต่เดชดูออกว่าตอนนี้เจ้านายหนุ่มกำลังอารมณ์ไม่ดี แต่จะเป็นเรื่องอะไรและจากใครนั้นก็สุดจะรู้ได้
“งานที่ฉันสั่งเรียบร้อยไหมเดช” กวินหันมาเล่นงานผู้จัดการไร่
“เรียบร้อยครับ พรุ่งนี้คนงานจะทยอยไปท้ายไร่” เดชตอบอย่างนอบน้อม
“ทำไมต้องพรุ่งนี้ฉันบอกแล้วใช่ไหม ใครว่างก็ให้ไปทำก่อน” เจ้านายหนุ่มถามเสียงดัง
เดชก้มหน้าไม่โต้ตอบอะไรทั้งนั้น ตามคำสั่งมันควรเป็นเช่นนั้น แต่เนื่องจากผู้จัดการหนุ่มวางแผนจัดระบบการทำงานใหม่เพราะอีกไม่กี่วันจะมีแปลงสตรอว์เบอร์รี่เพิ่มถึงห้าไร่ เท่ากับว่างานในไร่จะเพิ่มขึ้นเขาจึงต้องวางแผนแบ่งหน้าที่คนงานให้พอดีเพื่อไม่ให้มีผลกระทบกับงานอื่นในไร่ ซึ่งไม่เข้าใจว่าทำไมกวินจึงมีท่าทีไม่พอใจมากมายขนาดนี้เพราะเรื่องนี้ทั้งสองได้หารือกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ท่าทีก้มหน้าของผู้จัดการไร่ทำให้กวินรู้สึกตัวอารมณ์เย็นขึ้น เขาไม่ควรตำหนิลูกน้องต่อหน้าคนอื่นแบบนี้ แต่ไหนแต่ไรมาต่อให้งานยุ่งงานเยอะแค่ไหนชายหนุ่มก็ไม่เคยอารมณ์เสียใส่คนงาน แต่นี่จู่ๆ กลับโมโหโกรธาจนใครก็เข้าหน้าไม่ติด ช่างเป็นเรื่องประหลาดเสียจริง
“พรุ่งนี้ฉันจะจัดการเรื่องนี้เอง ไปพักผ่อนได้แล้ว” น้ำเสียงกวินเย็นลงอย่างเห็นได้ชัด
เดชเดินคอตกกลับไปที่บ้านพักเหลือเพียงชุติมากับกวินอยู่ที่โต๊ะอาหาร แต่อารมณ์ที่เย็นลงเมื่อครู่กลับพุ่งปรี๊ดขึ้นมาอีกเมื่อได้ยินคำพูดของหญิงสาว
“ฉันทานมาเรียบร้อยแล้วค่ะ” ชุติมาขอตัวเข้าห้องพัก เธอทานอาหารมื้อเย็นแสนอร่อยร่วมกับคนงานในโรงอาหารก่อนจะกลับมาที่นี่ เป็นเหตุให้กวินโมโหจนพาลเล่นงานอีกรอบ
“ใครสั่งให้กินข้าวที่นั่น” เขาถามเสียงแข็ง
“ไม่มีใครสั่งแต่ฉันหิวก็เลยกินค่ะ” เธอตอบตามตรง
ชุติมาไม่เห็นว่ามันจะเป็นเรื่องใหญ่โตมากมายกับการที่เธอจะกินข้าวที่โรงอาหารพร้อมกับเดชและคนงานในไร่ เพราะหญิงสาวคิดว่าตนเองก็เป็นลูกจ้างเหมือนกับคนอื่นเช่นกัน ดังนั้นการทำอะไรที่เหมือนกับคนงานจึงเป็นสิ่งที่ควรทำ
“เมื่อวานฉันบอกเธอว่าไง จำไม่ได้แล้วซิ”
“จำได้ค่ะ แต่ฉันไม่รู้ว่าคุณจะกลับตอนไหน พอคุณเดชชวน...”
“อ๋อ ลืมไปเธอชอบอยู่ท่ามกลางเพศตรงข้าม เป็นไงกินข้าวในโรงอาหารท่ามกลางผู้ชายเป็นร้อยเจริญอาหารดีไหมล่ะ”
ชุติมาถึงกับอึ้งไม่คิดว่ากวินจะพูดจาแขวะตนได้ขนาดนี้ หญิงสาวเชิดหน้าแล้วยิ้มให้เขากลับไปอย่างอ่อนหวาน
“กินไปสองจานเลยล่ะค่ะ ทั้งอิ่มท้องอิ่มตาอิ่มใจ ดีกว่าต้องมานั่งกินข้าวกับผู้ชายเพียงคนเดียวที่ไม่มีอะไรเจริญหูเจริญตาสักนิด” ว่าแล้วชุติมาก็ปรายตามองตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าไปที่กวินทำยิ้มเยาะใส่แล้วหันหลังเดินจากไปทันที
“เธอพูดแบบนี้หมายความว่าไง” กวินควันออกหูทันที เอาไงล่ะ แม่นี่แสบไม่ใช่เล่น มาอยู่วันแรกก็แผลงฤทธิ์บริหารเสน่ห์อวดดีกับเขาเสียแล้ว
“นี่คุณ ถอยไปนะ ฉันจะเข้าห้อง” ถึงแม้จะกล้าตีฝีปากกับชายหนุ่มด้วยนิสัยไม่ยอมให้ใครมาดูถูก แต่ชุติมาก็รู้ว่าที่นี่คือบ้านพักเขาซึ่งเธอไม่ควรจะสร้างศัตรูที่เป็นถึงเจ้าของไร่
“เธอมีสิทธิ์อะไรกล้าพูดว่าไม่อยากกินข้าวกับฉัน อย่าลืมนะว่าตอนนี้เธอเป็นคนงานในไร่ ฉันสั่งเธอต้องทำ” สีหน้าของกวินตอนนี้แทบจะกลืนกินชุติมาด้วยความโมโห
“คุณกวิน ฉันไม่ได้เต็มใจมาทำงานที่นี่และที่ต้องมาก็เพราะเจ้านายของฉันสั่ง ถ้าคุณไม่พอใจก็ให้ฉันกลับไปได้นะคะ แต่ฉันจะไม่มีวันยอมทำตามคำสั่งบ้าๆ ของคุณเด็ดขาด” หญิงสาวพูดทุกคำชัดเจน ชุติมาไม่กลัวสายตาของกวินที่มองมาด้วยความโมโห หากแต่กังวลในใจว่าตนจะอยู่ที่นี่ได้อีกนานแค่ไหน
“ที่แท้ก็หาเรื่องอยากกลับกรุงเทพฯนี่เอง ทำไม มาแค่วันเดียวมันโหยหามากหรือไง”
“คุณ” คำพูดกำกวมของเขาทำให้เธอร้อนผ่าวไปทั้งหน้า
“ใช่ ฉันอยากกลับกรุงเทพฯ มีอะไรไหม ในเมื่ออยู่ที่นี่ฉันต้องเจอคนบ้าอำนาจ”
“ชุติมา” กวินรวบตัวเธอเข้ามาใกล้ด้วยความโมโห
อีกแค่คืบใบหน้าของทั้งสองก็จะชิดติดกันแล้ว หญิงสาวสัมผัสลมหายใจอุ่นๆ ที่รดอยู่ที่ปลายคางได้ชัดเจน น่าแปลกที่มันทำให้ตัวเธอรู้สึกประหลาดกับตนเองอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน
“ปล่อยฉันค่ะ คุณไม่มีสิทธิ์ทำแบบนี้” หญิงสาวพยายามดันตัวออกห่าง
กวินคืนสติกลับมาได้ เขารู้ว่าไม่ควรทำอะไรรุ่มร่ามเพราะถึงอย่างไรชุติมาก็ได้ชื่อว่าเป็นคนในไร่ สมภารไม่กินไก่วัดอย่างไรกวินก็ไม่นิยมสร้างความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับลูกน้องตนเองอยู่แล้ว
“ต่อไปนี้งานของเธอคือสิ่งที่ฉันสั่ง นับตั้งแต่นาทีนี้เป็นต้นไปเธอมีหน้าที่ถือสมุดปากกาเดินตามหลังฉันเท่านั้น ฉันสั่งอะไรใครหรือจะไปไหนทำอะไร เธอมีหน้าที่ตามห้ามอยู่ห่างจากฉันเกินสามก้าว ไม่อย่างนั้นได้เห็นดีกันแน่ อ้อ ทุกมื้อไม่ว่าฉันจะอยู่หรือไม่อยู่เธอต้องกลับมากินข้าวที่นี่ และทุกเย็นต้องกินข้าวกับฉันห้ามไปกินข้าวกับ...” กวินกลืนคำว่านายเดชลงคอไปทันที
“ห้ามไปกินข้าวที่โรงอาหารอีก เธอไม่ได้ทำงานเป็นคนงานในไร่แบบพวกนั้น”
ชุติมางงกับคำสั่งของกวินเหลือเกิน หญิงสาวไม่เข้าใจว่าผู้ชายคนนี้เป็นอะไรกันแน่ เดี๋ยวร้ายเดี๋ยวดีจนปรับอารมณ์ตามไม่ทัน เห็นทีเธอควรขอกลับไปกรุงเทพฯโดยเร็วเสียแล้ว
