บท
ตั้งค่า

บทที่ 1.1

บ้านแดนสรวง

ประมุขของบ้านแดนสรวงนั่งอยู่ท่ามกลางบุตรชายและศรีสะใภ้ สีหน้าของทุกคนที่อยู่ในห้องโถงล้วนเคร่งเครียดจนทำให้บรรยากาศในห้องนั้นดูอึมครึมอึดอัด ต่างจากทุกวันที่มีแต่เสียงหัวเราะและรอยยิ้มของสมาชิกทุกคนในบ้านอย่างเห็นได้ชัด

“นี่มันเรื่องอะไรกัน ตาธี หนูณัช” คุณนายลอร แดนสรวงวัยเกือบหกสิบพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่แฝงด้วยความเด็ดขาดอย่างเห็นได้ชัด

ไม่มีใครตอบคำถามของหญิงวัยกลางคน ต่างฝ่ายต่างก้มหน้าปิดปากเงียบ ยิ่งทำให้บรรยากาศดูน่าอึดอัดมากขึ้นไปใหญ่ แม้แต่คนถามเองอย่างคุณนายลอรก็กำลังจะอกแตกด้วยความอยากรู้ เพราะเรื่องที่กำลังไล่เรียงซักถามกันอยู่นี้ เป็นเรื่องสำคัญที่ไม่เคยมีใครคาดคิดว่าจะเกิดขึ้นกับครอบครัวแดนสรวงมาก่อน

“ตาธี พูดมาให้หมดเกิดอะไรขึ้น” นางหันมาไล่บี้บุตรชายเป็นคนแรก

ธีระ แดนสรวงวัยสามสิบปีถอนหายใจออกมาเบาๆ ไม่รู้จะอธิบายเรื่องนี้กับมารดาอย่างไรให้เข้าใจได้ว่าตนกับภรรยาที่รักกันมาตั้งแต่สมัยเรียนตัดสินใจทบทวนความสัมพันธ์ของกันและกัน เพื่อให้แน่ใจว่าความรักนั้นยังไม่จางหายไปไหน พูดง่ายๆ ก็คือแยกกันอยู่สักพักเผื่ออะไรจะดีขึ้นนั่นเอง

ชายหนุ่มหันหน้ามาสบตากับมารดาด้วยความรู้สึกที่ว่างเปล่า เสมือนกำลังชั่งใจว่านางสามารถจะรับฟังเรื่องราวบางอย่างที่คนสองคน ตัดสินใจกันเองได้หรือไม่ ธีระห่วงความรู้สึกของคุณนายลอรมาเป็นที่หนึ่งเสมอ

หญิงวัยกลางคนถอนหายใจเบาๆ กับตนเอง ดูจากสีหน้าของ บุตรชายตอนนี้แล้ว ไม่ต้องพูดก็พอเดาออกได้ว่าท่าทางเรื่องที่เกิดขึ้นคงจะมีปัญหาพอควร ถึงได้ไม่มีใครยอมพูดอะไรแม้แต่คำเดียวเอาแต่นั่งก้ม หน้าทนอยู่กับความรู้สึกที่เจ็บช้ำของตนฝ่ายเดียว

ธีระละม้ายคล้ายกับสามีผู้ล่วงลับไปทั้งรูปร่างสูงใหญ่ผิวขาวตลอดจนนิสัยใจคอที่เหมือนกันชนิดที่เรียกว่าถอดพิมพ์กันออกมาทีเดียว นอกจากนี้ชายหนุ่มยังเป็นลูกชายที่ได้ดั่งใจคุณนายลอรทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการเรียนการทำงานหรือแม้แต่เรื่องชีวิตส่วนตัว

สิ่งที่บุตรชายตัดสินใจไม่มีสักครั้งที่จะไม่เห็นด้วย คุณนายลอร เลี้ยงลูกชายมากับมือมีหรือจะไม่รู้ว่าธีระเป็นคนมีเหตุผลเสมอ ชายหนุ่มไม่นิยมให้ความรุนแรงหรืออารมณ์อยู่เหนือเหตุผลมาตัดสินปัญหาต่างๆ ดังนั้นไม่ว่าเขาจะทำอะไรหญิงวัยกลางคนก็เห็นด้วยเสมอ

“ผมไม่มีอะไรจะพูดครับ” ธีระบอกเพียงสั้นๆ แล้วก้มหน้าต่อ

นางลอรรู้ดีว่าถ้าลองบุตรชายตัดบทแบบนี้แสดงว่าไม่อยากจะชี้แจงอะไรมาก แต่เรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้สำคัญกับชีวิตคู่ของธีระกับณัชชา เท่านั้น แต่ยังพัวพันไปถึงตาลูกหมี หลานชายหัวแก้วหัวแหวนวัยเพียงสองขวบที่กำลังน่ารักน่าชังเป็นขวัญใจของคนทั้งบ้านในเวลานี้ นางจะ ไม่มีวันยอมให้หลานกลายเป็นเด็กมีปัญหาเด็ดขาด

“หนูณัชล่ะ มีอะไรคับอกคับใจก็พูดมา” นางหันมาถามสะใภ้คนสวยที่นั่งก้มหน้าอีกคน

“ณัช เอ่อ อย่างที่เรียนคุณแม่ไปค่ะ” ณัชชา แดนสรวงวัยยี่สิบแปดปี สาวน้อยหน้าหวานท่าทางเรียบร้อย สะใภ้ที่คุณนายลอรอ้าแขนต้อนรับด้วยความยินดีในวันที่บุตรชายบอกว่าจะแต่งงานกับเธอ

“อ้อ ตกลงจะไม่มีใครพูดใช่ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น นึกจะรักก็รักนึก จะเลิกก็เลิก เคยคิดบ้างไหมคนอื่นจะรู้สึกยังไงโดยเฉพาะตาลูกหมี” ปลายเสียงนางสั่นเครือเล็กน้อย รู้สึกสงสารกับชะตากรรมของหลานชาย หากเกิดเรื่องนี้ขึ้นจริงๆ

ธีระออกไปดูแลตาลูกหมีตามคำสั่งของมารดา ในขณะที่ณัชชายังคงนั่งอยู่กับคุณลอรที่ห้องโถงกลางบ้าน หญิงวัยกลางคนถอนหายใจออกมาเล็กน้อย พลางหันมาหาศรีสะใภ้เพื่อเปิดอกคุยกันถึงปัญหาที่ เกิดขึ้น

“มีอะไรอึดอัดใจหรืออยากจะพูดอะไรกับแม่ไหม” น้ำเสียงแม่สามีอารีจนณัชชาน้ำตาคลอ

“แม่ไม่เคยเห็นหนูเป็นคนอื่นและไม่เคยคิดว่าหนูเป็นสะใภ้ แต่หนูเป็นลูกสาวคนหนึ่งของแม่จริงๆ ต่างหาก”

ณัชชาสะอื้นเบาๆ รีบเช็ดน้ำตาที่พรั่งพรูออกมาเปรอะแก้มสวย สัมผัสได้ถึงความรักความห่วงใยที่แม่สามีมีให้ตลอดมาไม่เคยเปลี่ยน หญิงสาวเองซะด้วยซ้ำที่รู้สึกว่าบางครั้งมัวแต่ยุ่งเรื่องอื่นจนละเลยเอาใจใส่ดูแลคุณนายลอรเท่าที่ควร

“คุณแม่” ณัชชาไม่รู้จะพูดอะไรได้ดีไปกว่า ถลาลงไปนั่งที่พื้นแล้วซบหน้าร่ำไห้อย่างสุดกลั้นบนตักของคุณนายลอร

“ใจเย็นๆ มีอะไรค่อยพูดค่อยจากัน” นางลูบศีรษะหญิงสาวเบาๆ

ณัชชากับธีระเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องที่เริ่มปลูกต้นรักกันตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย ทันทีที่หญิงสาวเรียนจบปริญญาโททั้งคู่ก็ลั่นระฆังวิวาห์กันตามที่สัญญาไว้ ข่าวการแต่งงานของสองตระกูลใหญ่และบ่าวสาวที่สมกันราวกิ่งทองใบหยกทำให้เป็นที่สนใจของผู้คนในสังคมนัก

คุณนายลอรทั้งเอ็นดูและชื่นชอบในตัวณัชชามาแต่ไหนแต่ไร ดังนั้นเมื่อบุตรชายมาบอกข่าวเรื่องน่ายินดี นางจึงแสนดีใจและต้อนรับสะใภ้ด้วยการยกกิจการที่ดูแลมาทั้งหมดให้กับธีระเป็นผู้ดูแล และปลดระวางตนเองมาพักผ่อนทำในสิ่งที่ตนชอบ

ไม่ช้าไม่นานต้นรักที่สุกงอมก็เกิดดอกออกผลเป็นเด็กชายตัวน้อยน่ารักน่าชังมาให้นางชื่นชม ภาพความสุขของครอบครัวแดนสรวงเป็นที่อิจฉาของใครต่อใครที่ได้พบเห็น และคงไม่มีใครคิดว่าวันหนึ่งต้นรักที่มีดอกผลสวยงามจะเริ่มทำท่าเฉาตายโดยไม่แสดงวี่แววใดมาก่อนเลย

ณัชชาไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นอย่างไรดีที่จะบอกแม่สามีถึงปัญหาที่เผชิญอยู่ในเวลานี้ ความเปลี่ยนแปลงของคนรักและสิ่งที่เธอรู้สึกว่ากำลังสูญเสีย หญิงสาวทบทวนตนเองมาหลายวันเพื่อหาทางแก้ไขและก็พบว่าหัวใจของตนยังไม่อาจตัดใจจากธีระได้ แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่สามารถทำใจที่จะยกสามีไปให้ใครได้เหมือนกัน

“อะไรนะ ตาธีมีคนอื่น” คุณนายลอรอุทานด้วยความตกใจ

นางแทบไม่อยากเชื่อว่าสิ่งที่ณัชชาพูดเกี่ยวกับบุตรชายจะเป็นเรื่องจริง ธีระไม่น่าใช่คนแบบนั้น หญิงวัยกลางคนรู้ดีว่านิสัยบุตรชายเป็นอย่างไร บางทีเรื่องนี้อาจเป็นการเข้าใจผิดมากกว่า

“ค่ะ คุณแม่ พี่ธีมีคนอื่น” ณัชชาพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าสลด แววตามีน้ำใสคลอเบ้าอยู่ตลอดเวลา

“หนูณัชเข้าใจผิดหรือเปล่า ได้คุยกับตาธีหรือยัง”

“ไม่ผิดหรอกค่ะ คุณแม่ ณัชมั่นใจ พี่ธีเองก็ไม่ปฏิเสธอะไรสักคำ” สะใภ้คนสวยสะอื้นจนตัวสั่น

“พี่ธีปกป้องผู้หญิงคนนั้นจนออกนอกหน้า เพิ่งทำงานไม่เท่าไรก็ให้มาดูแลบัญชีแล้วยังจะ...เรื่องส่วนตัวของพี่ธีทุกอย่างไม่เว้นแม้แต่ของลูกหมี”

“ตาลูกหมี เรื่องนี้ตาลูกหมีไปเกี่ยวข้องอะไรด้วย” แม่สามียิ่งงงหนักเข้าไปใหญ่ แม้รู้ว่าหลานชายจะน่าเอ็นดูจนมีผู้คนทั้งในและนอกบ้านที่ได้เห็นหน้าต่างพากันชื่นชมทุกครั้งไป แต่นางก็ไม่คิดว่าเรื่องนี้จะลามมาถึงเด็กชายตัวน้อยได้

“ผู้หญิงคนนั้นฝากของเล่นมาให้ลูกหมี บางทีพี่ธีก็พาลูกหมีไปเจอผู้หญิงคนนั้นค่ะ” ณัชชาสะอื้นยิ่งขึ้น

ปัญหานี้เธออดทนมานานหลายเดือนและหาทางออกไม่ได้จนกระทั่งตัดสินใจที่จะหลบไปพักใจสักระยะ ที่สำคัญหญิงสาวจะไม่มีวันยอมเสียลูกชายสุดที่รักไปให้ใครเด็ดขาด

หญิงสาวหวนคิดถึงวันที่ตนหายยุ่งกับการเรียนปริญญาเอกและตั้งใจจะกลับมาพาลูกหมีไปทานไอศกรีมตามที่เด็กชายเคยร้องขอ แต่กลับพบว่า

‘เมื่อวานลูกหมีไปกินมาแล้ว’ ลูกหมีตอบเสียงแจ๋วเมื่อณัชชาบอกข่าวดีที่คิดว่าบุตรชายรอคอย

‘ไปกินกับใครลูก เมื่อวานลูกหมีทานขนมที่คุณย่าซื้อมาฝากต่างหาก’ ณัชชาจำได้ว่ามื้อเย็นตนเพิ่งป้อนขนมที่คุณนายลอรให้เด็กเอาให้ตนกับบุตรชาย

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel