บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 1 นายใหญ่

บรรยากาศที่ดูอึมครึมในห้องประชุมเช้านี้ต่างทำให้หัวหน้าแผนกแต่ละคนนั่งไหล่ตั้งตัวตรงและเกร็งกันเป็นแถว นั่นก็เพราะวันนี้ นายใหญ่ จะมาเข้าร่วมประชุมด้วย แม้ว่าระดับหัวหน้าแผนกแต่ละคนจะเคยเห็นหน้าคนที่เป็นนายใหญ่มาบ้าง เนื่องจากต้องเข้าประชุมสรุปผลการดำเนินงานและความคืบหน้าในการทำงานให้ทราบทุกเดือน แต่นั่นก็แค่ในห้องประชุมเท่านั้น หลังจากเสร็จประชุมก็ไม่มีมีใครได้เห็นหน้าเจ้าของบริษัทเลยสักคน โดยเฉพาะพนักงานทั่วไปนั้นแม้จะทำงานมาหลายปีแต่ก็ได้ยินแต่ชื่อ ไม่มีโอกาสได้เห็นหน้าคนที่ทุกคนเรียกว่า นายใหญ่

โภไคย ลี แบตเลอร์ ชายหนุ่มลูกครึ่งไทย จีน อเมริกา คือนายใหญ่ของบริษัท Ocean Bluesky Shipping บริษัทเดินเรือสินค้าอันดับ 1 ของประเทศและเป็นเจ้าของเรือที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โภไคยเข้ามารับตำแหน่งหัวเรือใหญ่ของบริษัทแทนบิดาเมื่อห้าปีก่อน ซึ่งเป็นห้าปีที่นำความเปลี่ยนแปลงมาสู่ Ocean Blusky เป็นอย่างมาก เพราะการเป็นผู้นำด้านชิปปิ้งสายเดินเรืออันดับ 1 นั้น พึ่งจะได้มาเมื่อสามปีก่อน โภไคยเข้ามาบริหารงานต่อจากบิดาเพียงสองปีบริษัทก็ก้าวขึ้นมาเป็นเบอร์ต้นของธุรกิจสายเดินเรือด้วยความสามมารถของชายหนุ่ม

“เตรียมข้อมูลไว้ให้พร้อมนะคะ อีกสิบห้านาทีนายใหญ่จะมาถึง” เสียงเรียบของสาววัยต้นสี่สิบนามว่าพัชรีซึ่งเป็นเลขาของโภไคยบอกกับทุกคนในห้องประชุมที่ต่างกำลังตั้งหน้าตั้งตาเตรียมข้อมูลในส่วนของตนเองที่จะรายงานต่อเจ้านายของพวกตน

พัชรีคือเลขาของโภไคยที่ชายหนุ่มสัมภาษณ์เองตั้งแต่เริ่มเข้ามารับงานต่อจากบิดา แว่วว่ากว่าจะอยู่ตัวที่พัชรีโภไคยต้องเปลี่ยนตัวเลขามานับสิบคนเพราะแต่ละคนก่อนหน้านั้นเมื่อได้มาทดลองงานแล้วไม่ผ่านมาตรฐานที่ชายหนุ่มกำหนดไว้ ที่สำคัญผู้หญิงเหล่านั้นมีความสนใจในตัวเจ้านายมากกว่างาน

สิบห้านาทีไม่ขาดไม่เกินร่างสูงใหญ่ของชายหนุ่มวัยสามสิบห้าปีที่มีผิวขาวแบบคนจีนหน้าตาคมเข้มแบบไทยผสมชาติตะวันตกช่างดุลงตัวแบบหาที่ติยาก คิ้วคมทรงดาบดูราวกับถูกบรรจงวาดทับแต่ทว่ามันคือธรรมชาติที่ติดตัวมาของชายหนุ่ม สายตาคมกริบกวาดมองพนักงานของตนเองที่พร้อมใจกันลุกขึ้นยืนต้อนรับเจ้านาย ก่อนที่ฝ่ายผู้มาใหม่จะพยักหน้าเป็นเชิงทักทายแล้วนั่งลงบนเก้าอี้ตัวใหญ่ที่ถูกจัดเตรียมไว้ตรงหัวโต๊ะ หลังจากนั้นพนักงานที่เข้าร่วมประชุมทั้งหมดก็นั่งลงตาม

“สวัสดีครับทุกคน หวังว่าวันนี้ทุกฝ่ายคงจะเตรียมข้อมูลของตนเองมาอย่างดี เพราะทุกเรื่องที่จะคุยกันในวันนี้จะสรุปให้เสร็จก่อนเลิกประชุมในครั้งนี้เช่นกัน” เสียงเรียบเอ่ยแบบไม่ให้เสียเวลาพร้อมกวาดสายตามองพนักงานระดับหัวหน้าที่นั่งสงบอยู่ตรงหน้า แล้วหันไปมองเลขาพยักหน้าเป็นสัญญาณว่าให้เริ่มประชุม

“รบกวนทุกท่านเข้าไปในไดร์ฟกลางข้อมูลของแผนกตัวเองได้เลยครับ”หัวหน้าฝ่ายไอทีเงยหน้าบอกผู้ร่วมประชุมทุกคนหลังจากเลขาเจ้านายส่งสัญญาณให้เริ่มเข้าสู่การประชุม

เนื่องจากการประชุมครั้งนี้ทุกฝ่ายจะต้องรายงานข้อมูลในส่วนของตนเองให้โภไคยทราบไปพร้อมกับแสดงข้อมูลให้ชายหนุ่มเห็นแบบออนไลน์ผ่านไดร์ฟข้อมูลส่วนกลางให้เห็นควบคู่กัน จึงต้องให้ฝ่ายไอทีเป็นผู้ควบคุมด้านการออนไลน์ข้อมูลระหว่างการประชุมในครั้งนี้

โภไคยจะสามารถดูข้อมูลของทุกแผนกได้ในขณะที่แต่ละแผนกนั้นจะออนไลน์เฉพาะข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับแผนกของตนเองเท่านั้น

“คุณหนุ่ยตอนนี้ที่ท่าเรือเป็นยังไงบ้าง” เสียงทุ้มถามหัวหน้าฝ่ายคลังสินค้าที่ประจำอยู่ท่าเรือแหลมฉบัง ร่างสูงพิงหลังกับเก้าอี้ตัวใหญ่ดูท่าทีผ่อนคลายแต่สายตาจับจ้องไปยังผู้ถูกถามเพื่อรอฟังคำตอบ ในขณะที่นิ้วชี้ที่เรียวยาวมองเห็นข้อนิ้วอันแข็งแรงอย่างเด่นชัดนั้นก็เคาะลงบนโต๊ะเบา ๆ แบบไร้เสียง

หัวหน้าฝ่ายคลังสินค้ารู้สึกประหม่าไม่น้อย เนื่องจากรู้ดีว่าภายใต้ความราบเรียบและคำถามที่ถูกถามนั้นเจ้านายมีข้อมูลมาแน่นอยู่แล้ว เพียงแค่ต้องการทราบการทำงานของลูกน้องและการแก้ปัญหาของแต่ละฝ่ายมากกว่า

“ตอนนี้การจัดระบายสินค้าเป็นไปตามระบบไม่พบปัญหาใหญ่อะไร จะมีเพียงเรื่องเอกสารที่บางครั้งส่งข้อมูลและรายละเอียดของสินค้ามาไม่ครบก็อาจจะทำให้การขนถ่ายสินค้าล่าช้าไปบ้างครับ” เสียงแหบใหญ่ของชายที่ดูผิวเผินเหมือนนักเลงน้ำเมาตอบอย่างเป็นการเป็นงาน

สายตาคมละจากหัวหน้าฝ่ายคลังสินค้าไปฝ่ายประสานงานส่วนกลางทันที

“คุณจิตครับ เอกสารของฝ่ายคุณไม่มีการตรวจทานกันเหรอครับถึงมีผิดพลาดกันบ่อย จริงอยู่ที่คนที่ผิดพลาดหมายถึงคนที่ทำงานแต่คำนั้นมันเอาไว้สำหรับพนักงานใหม่จะเหมาะกว่านะครับ แล้วเท่าที่ทราบระยะหกเดือนมานี้แผนกคุณไม่มีรับพนักงานใหม่ เพราะฉะนั้นก็หมายความว่ามีแต่คนเป็นงานแล้วทั้งนั้น ความผิดพลาดมันควรจะน้อยลงนะครับ อย่ามองข้ามปัญหาเล็ก ๆ ที่มันจะกลายเป็นปัญหาใหญ่ในอนาคตได้ หากสินค้าไม่สามารถจัดลงตู้ได้เพราะต้องมารอเอกสารที่ผิดพลาด อีกหน่อยฝ่ายคลังสินค้าก็มีแต่ของมากองอยู่เต็มไปหมดจนระบายออกตามเวลาไม่ทันและคงไม่ต่างกับโรงรับซื้อของเก่า ถึงตอนนั้นพวกคุณจะรับผิดชอบสินค้าของลูกค้ากันยังไงครับ” คำตำหนิที่เยือกเย็นนั้นทำเอาคนฟังหน้าซีดไม่น้อย

“ดิฉันจะตรวจทานงานลูกน้องให้ดีกว่านี้ค่ะนายใหญ่ ต้องขออภัยกับความผิดพลาดที่เกิดขึ้นด้วยค่ะ”

“ครับ หวังว่าต่อไปจะมีคำว่าพลาดน้อยลงนะครับเพราะหากรอบหน้าปัญหาเดิมยังไม่ได้รับการแก้ไขให้ดีขึ้น ผมคงต้องพิจารณาศักยภาพของพวกคุณใหม่”

“ค่ะ นายใหญ่” เสียงอ่อยตอบรับหน้าเสียไม่น้อย

โภไคยไม่เคยสนใจว่าใครจะรับได้หรือไม่ได้กับการทำงานของเขา เพราะหากใครรับระบบการทำงานไม่ได้เขาก็ไม่เคยรั้งใครอยู่ แต่หากใครทำได้ค่าตอบแทนที่ให้ก็คุ้มค่าความเหนื่อยหลายเท่า

และพนักงานทุกคนต่างก็รู้ดีว่าเจ้านายพวกตนนั้นเวลางานคืองาน เวลาต้องซัพพอร์ตและดูแลพนักงานก็เปย์ไม่อั้นจนยอดTurn Over พนักงานแทบจะไม่มี แม้ว่าจะมีเจ้านายที่เข้มงวดกับงานแบบชายหนุ่มก็ตาม

คุณพัชรีสึกว่าข้อมูลของลูกค้าจะหายไปจากไดร์ฟกลางนะช่วยดูหน่อย” หลังจากพูดกับจงจิตหัวหน้าฝ่ายประสานงานส่วนกลางเสร็จ คิ้วเข้มทรงดาบก็ขมวดมุ่นเข้าหากันเมื่อมองเห็นความผิดปกติบางอย่างจากหน้าจอโน๊ตบุคที่อยู่ตรงหน้า จึงหันไปบอกกับพัชรีที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ซึ่งกำลังเช็คเมล์สำคัญที่ถูกส่งมาจากบริษัทสาขาที่ประเทศจีน

หัวหน้าฝ่ายไอทีที่เข้าร่วมประชุมด้วยในครั้งนี้ได้ยินสิ่งที่โภไคยพูดก็ไม่รีรอให้พัชรีหันมาถ่ายทอดคำสั่งต่อจากนายใหญ่ซ้ำ รีบจัดการบางอย่างบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ของตนเองทันที่ได้ยินผู้เป็นที่เจ้าเอ่ยถึงความผิดปกติขึ้นมา

“ข้อมูลในคอมพิวเตอร์ของพัชก็หายเหมือนกันค่ะ” พัชรีรีบเลื่อนดูข้อมูลในโน๊ตบุ๊กของตัวเองแล้วเงยหน้าบอกโภไคยก่อนจะหันไปมองที่อมรซึ่งกำลังรัวแป้นพิมพ์ลงบนโน๊ตบุ๊คตรงหน้าเพื่อหาสาเหตุที่เกิดขึ้น

“มีคนลบข้อมูลครับ” อมรเงยหน้าจากคอมพิวเตอร์บอกเจ้านายด้วยใจที่หวาดหวั่น เพราะรู้ดีว่าไฟล์ที่หายไปนั้นสำคัญต่อบริษัทแค่ไหน โดยเฉพาะโภไคยที่มองมาด้วยสายตาที่ดุดันเมื่อได้ฟังสาเหตุของไฟล์เอกสารที่หายไป

“คุณมะลิ!! คอมพิวเตอร์ของคุณยังสามารถเข้าถึงไฟล์งานแผนกคุณได้อยู่หรือเปล่า” โภไคยหันไปถามมะลิ หัวหน้าฝ่ายประสานงานและดูแลลูกค้าซึ่งเป็นฝ่ายที่จัดเก็บข้อมูลของลูกค้าบริษัททั้งหมดไว้ และวันนี้ก็มีข้อมูลของลูกค้ารายใหญ่ที่ต้องหยิบขึ้นมาหารือและหาข้อสรุป เนื่องจากเป็นการขนส่งสินค้าที่มีมูลค่าสูงจึงต้องวางแผนการขนส่งอย่างรัดกุมรวมถึงความปลอดภัยตั้งแต่ต้นทางยันปลายทาง

“มะ ไม่มีค่ะนายใหญ่ ที่คอมของมะลิตอนนี้ก็หายไปเช่นกันค่ะ” น้ำเสียงสั่น ๆ ตอบออกไปเพราะกำลังกลัวในสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น

“เช็คได้หรือเปล่าว่าถูกลบจากใคร และลบจากจุดไหน” เสียงเข้มหันไปทางเลขาและฝ่ายไอทีอีกครั้ง และก็เป็นฝ่ายไอทีที่รีบตอบคำถามของเจ้านายแบบไม่ต้องรอให้ถามซ้ำ

“ข้อมูลถูกลบเมื่อห้านาทีที่ผ่านมาจากฝ่ายประสานงานและดูแลลูกค้าของบริษัทเราครับ” คำตอบของอมรทำให้โภไคยตวัดสายตาไปมองทางมะลิอีกครั้งแต่สายตานั้นกลับดุดันขึ้นกว่าเดิม

“มะลิไม่ได้ลบค่ะนายใหญ่ เพราะกำลังจะเข้าเช็คข้อมูลเพื่อเตรียมรายงานเช่นกันค่ะแต่ก็เข้าไม่ได้เพราะไฟล์หายไป” น้ำเสียงละล่ำละลักนั้นบอกพร้อมกับใบหน้าที่ซีดเผือด

โภไคยพอจะมองออกในท่าทีที่มะลิแสดงออกมา รวมถึงคำพูดและสายตาของหัวหน้าฝ่ายประสานงานและดูแลลูกค้าที่ชายหนุ่มแน่ใจว่าหล่อนคงไม่ได้ทำเหมือนที่พูดจริง ๆ

“ต่อสายหาลูกน้องของคุณแล้วสอบถามว่าใครเป็นคนลบ เดี๋ยวนี้!” มะลิไม่รอช้า ร่างสมส่วนของสาววัยสี่สิบกลาง ๆ ลุกจากที่นั่งตรงไปยังมุมห้องที่มีโทรศัพท์สำหรับสายภายในเท่านั้นเพื่อต่อไปยังแผนกของตนเอง

ฝ่ายประสานงานและดูแลลูกค้า

“พี่พรคะมุขทำไฟล์ข้อมูลลูกค้าหาย คือมุขไม่ได้ลบนะคะมุขกำลังจะคลิกไปที่ไฟล์แต่จู่ ๆ มันก็วูบหายไปเลยค่ะ” พราวมุขน้องใหม่ของแผนกบอกรุ่นพี่ด้วยน้ำเสียงที่ดูร้อนรนและแสดงท่าทางหวาดหวั่นออกมาอย่างเห็นได้ชัด

“มุขหมายถึงไฟล์ตัวไหน” พรรัมภาที่นั่งโต๊ะใกล้กันลุกขึ้นเดินมาหาพราวมุขเพื่อจะช่วยดู แต่ก็ต้องใจหล่นไปถึงตาตุ่มเมื่อมองดูที่หน้าจอคอมของพนักงานรุ่นน้องแล้วรู้ว่าเป็นไฟล์ตัวไหนที่หายไป

พรรัมภาทำหน้าเครียดพยายามช่วยพราวมุขค้นหาไฟล์ที่อาจจะเผลอไปกดซ่อนไว้ที่อื่นแต่จนแล้วจนรอดก็หาไม่พบแม้แต่ในถังขยะ

“พี่พร..มุขกลัว ตอนนี้พี่มะลิกำลังประชุมกับนายใหญ่แล้วต้องใช้ข้อมูลด้วยถ้าเกิดว่าหาไฟล์ไม่พบ….” เสียงที่สั่นเครือเว้นจังหวะพร้อมกับน้ำตาที่กำลังรื้นขึ้นมาเพราะความหวาดกลัวอย่างที่สุด

“ใจเย็น ๆ มุข เดี๋ยวพี่ลองดูที่เครื่องพี่ก่อนว่ายังมีหรือเปล่า” พรรัมภาที่กังวลไม่น้อยไปกว่าพราวมุขพุ่งไปยังโต๊ะทำงานตัวเองแล้วกดเข้าดูไฟล์ข้อมูลส่วนกลางของแผนกอย่างรวดเร็วหวังว่าสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นจะเป็นเพียงความผิดพลาดเฉพาะเครื่องของสาวรุ่นน้องเท่านั้น

“เจอหรือเปล่าคะพี่พร” พรรัมภาหันมามองพราวมุขอย่างสิ้นหวังพร้อมส่ายหน้า

“พี่พรคะมุขต้องทำยังไง จะกู้ข้อมูลได้จากไหนแล้วต้องประสานใครคะ” น้ำเสียงสั่นเครือถามสาวรุ่นพี่ทั้งน้ำตา แต่ยังไม่ทันที่พรรัมภาจะได้ตอบสาวรุ่นน้อง ก็มีสายเรียกเข้าจากโทรศัพท์บนโต๊ะพรรัมภาดังขึ้น

พรรัมภาตบบ่าให้กำลังใจพราวมุขก่อนจะถลาไปรับสาย

“สวัสดีค่ะฝ่ายประสานงานและดูแลลูกค้าค่ะ”

“พร..มีใครในแผนกเผลอลบไฟล์ลูกค้าในไดรฟ์ส่วนกลางหรือเปล่า ข้อมูลของลูกค้าที่เรามีมันหายไปหมดรวมถึงข้อมูลลูกค้ารายสำคัญที่ต้องใช้ประชุมวันนี้ด้วย” เสียงเครียดของมะลิทำเอาพรรัมภาใจหายวาบแทนสาวรุ่นน้องเป็นครั้งที่สอง เมื่อสายที่โทรเข้ามาเป็นเรื่องที่พวกเธอกำลังกลัวและกำลังหาทางแก้ไขกันอยู่

“เอ่อ คือ…”พรรัมภาอึกอักที่จะตอบเพราะสงสารพราวมุขที่พึ่งมาทำงานแต่ต้องมาเจอปัญหาใหญ่ที่แม้แต่พวกเธอในแผนกที่ทำงานกันมาหลายปีก็ยังไม่เคยประสบปัญหานี้

“พร..นายใหญ่รออยู่พี่ต้องการคำตอบเดี๋ยวนี้” มะลิเสียงเข้มขึ้นเมื่อลูกน้องอึกอักไม่ยอมตอบ

“มุขคงไม่ได้ตั้งใจค่ะพี่มะลิ เพราะกำลังจะเข้าไปคีย์ข้อมูลแต่ไฟล์กลับวูบหาย พรไปช่วยดูแล้วไฟล์ไม่ได้ถูกลบค่ะเพราะในถังขยะก็ไม่มีแต่ก็ไม่รู้ไปอยู่ไหน” พรรัมภาพยายามอธิบายให้มะลิทราบถึงปัญหาเบื้องต้น

“แล้วตอนนี้มุขอยู่ไหน”

“ยืนร้องไห้ตัวสั่นอยู่ข้างพรนี่แหละค่ะ” มะลิไม่ได้พูดอะไรกับพรรัมภาต่อจากนั้นนอกจากวางสายแล้วถอนหายใจหนัก ๆ ก่อนจะเดินกลับไปยังโต๊ะประชุม

“ผมต้องการคำตอบครับคุณมะลิ” น้ำเสียงที่เยือกเย็นนั้นสวนทางกับสายตาที่ดุดันและอารมณ์ที่กำลังเดือดเป็นอย่างมาก

มะลินั่งลงที่เก้าอี้ตรงตำแหน่งเดิมแล้วแอบถอนหายใจอีกครั้ง รู้สึกลำบากใจที่จะต้องบอกความจริงออกไปเพราะรู้ว่าทันทีที่พูดไปชะตาชีวิตของลูกน้องตัวเองต่อจากนี้จะเป็นเช่นไร แต่ก็ไม่สามารถจะเลี่ยงบอกความจริงไปได้

“พราวมุข ลูกน้องของมะลิที่พึ่งเข้ามาทำงานเป็นคนเผลอลบค่ะ”

“เผลอลบอย่างนั้นเหรอ ผมว่าส่วนกลางทำงานแย่แล้วนะ ตอนนี้คงต้องเป็นแผนกคุณแล้วล่ะคุณมะลิที่แย่กว่า คุณก็รู้ใช่ไหมว่าข้อมูลที่หายไปสำคัญแค่ไหน มันไมใช่เพียงแค่รายชื่อและข้อมูลลูกค้า แต่บางอย่างมันเป็นความลับทางการค้าของลูกค้าที่หากว่าไม่สามารถกู้คืนได้แล้วต้องไปติดต่อกันใหม่มันจะกระทบความน่าเชื่อถือของบริษัทแค่ไหน แค่ข้อมูลในไฟล์ยังรักษาให้เขาไม่ได้แล้วจะเอาความน่าเชื่อถือที่ไหนให้เขามาไว้ใจฝากสินค้ามูลค่าเป็นร้อยล้านมาลงเรือเรา” เสียงที่เยือกเย็นก่อนหน้าแปรเปลี่ยนเป็นเข้มและดุดันตามอารมณ์ของคนพูดจนทุกคนในห้องหน้าซีดตัวสั่นไปตาม ๆ กัน โดยเฉพาะมะลิซึ่งเป็นแผนกที่รับผิดชอบโดยตรง

“คุณอมร ข้อมูลที่หายไปกู้คืนได้หรือเปล่าแล้วใช้เวลานานแค่ไหน” โภไคยหันไปถามฝ่ายไอทีของบริษัทสีหน้าเครียด

“อาจจะพอมีทางครับ แต่ด้วยข้อมูลที่เยอะและไฟล์ที่สร้างไว้มีความซับซ้อนอาจจะใช้เวลานานอยู่ครับในการกู้ข้อมูล”

“นานของคุณน่ะเท่าไหร่” เสียงเข้มถามย้ำ

“ไม่เกินสามวันครับ” อมรรีบตอบ

“หึ สามวัน..สามวันในการกู้ข้อมูลในขณะที่ต้องส่งสรุปงานให้เสร็จและส่งเอกสารให้ลูกค้าตรวจในวันนี้เนี่ยนะ แล้วสินค้าจะต้องไปถึงคลังท่าเรือวันพรุ่งนี้และลงเรือวันมะรืนนี้แล้วพวกคุณคิดว่าจะทันการกันหรือเปล่า ความเสียหายที่จะเกิดขึ้นหากไม่สามารถกู้ข้อมูลคืนมาได้ในวันนี้เป็นมูลค่าเท่าไหร่พวกคุณรู้หรือเปล่าที่จะต้องชดใช้ให้กับลูกค้า แล้วใครจะรับผิดชอบ!” โภไคยเดือดจัดกับที่ประชุมเพราะเป็นเหตุการณ์ที่สร้างความเสียหายให้บริษัทเป็นอย่างมากหากไม่สามารถแก้ไขได้ทันเวลา

ภายในห้องเงียบกริบ ทุกคนต่างก้มหน้าไม่กล้าสบตากับโภไคยแม้แต่คนเดียวไม่เว้นแม้แต่พัชรีที่ถือว่าชินกับอารมณ์และรู้นิสัยเจ้านายดีกว่าคนอื่น

“มะลิขอรับผิดชอบด้วยการลาออกค่ะนายใหญ่ เพราะลูกน้องมะลิทำงานพลาด และมะลิไม่ขอรับเงินเดือนและเงินชดเชยใด ๆ ทั้งสิ้นค่ะ มะลิรู้ว่าเงินสวัสดิการของมะลิคงเทียบไม่ได้กับเศษเสี้ยวของความเสียหายที่เกิดขึ้น แต่อยากให้นายใหญ่รู้ว่าทางมะลิเองก็รู้สึกแย่และเสียใจไม่แพ้กันกับความผิดพลาดของลูกน้องมะลิในครั้งนี้” หลังจากที่ทั้งห้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่อีมครึมสักพัก มะลิก็พูดออกมาเพื่อแสดงความรับผิดชอบท่ามกลางความตกใจของทุกคน

โภไคยทีท่าทีเฉย ๆ กับการแสดงความรับผิดชอบนั้น สายตาคมมองพนักงานตรงหน้าทีละคนด้วยสายตาที่ไม่มีใครอ่านออก รู้แต่ว่ารู้สึกขนลุกเมื่อสายตาคู่นั้นไล่มาถึงตนเอง

“คุณเป็นหัวหน้าย่อมต้องรับความผิดร่วมลูกน้องอยู่แล้ว แต่ผมก็คงไม่ยกย่องการกระทำครั้งนี้ของคุณที่เสนอตัวแบกความผิดที่ไม่ได้ก่อไว้คนเดียวแบบนี้หรอกคุณมะลิ ถ้าในเชิงธุรกิจคุณถือว่าพลาดมากนะที่เอาความมั่นคงของครอบครัวมาแลกกับพนักงานที่พึ่งมาทำงานใหม่เพียงแค่เดือนเดียวทั้งที่คุณก็ไม่ได้รู้พื้นฐานชีวิตของเขาดีพอ ความผิดของคุณฐานไม่ดูแลและเทรนด์พนักงานตนเองให้ดีผมจะจัดการทีหลัง แต่ตอนนี้คุณมีหน้าที่ไปบอกให้พนักงานที่ชื่อพราวมุขขึ้นไปพบผมที่ห้อง..เดี๋ยวนี้ และให้ไปคนเดียวเท่านั้น”

น้ำเสียงที่เยือกเย็นแฝงความกระด้างสร้างความหวาดหวั่นให้คนที่ได้ฟังไม่น้อยราวกับว่าเมฆหมอกอันหนาดำกำลังเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้ทุกขณะ และทุกคนก็อดที่จะเป็นห่วงพนักงานที่ชื่อพราวมุขไม่ได้ว่าหญิงสาวน้องใหม่ของฝ่ายประสานงานและดูแลลูกค้านั้นจะได้รับโทษทัณฑ์หนักหนาขนาดไหนจากคนที่เป็น นายใหญ่

---------------------------------------

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel