ตอนที่ 12 ข้อเสนอ
ส่วนคีรยานั้น เธอยังคงลืมตามองไปที่เพดาน คำพูดของเพื่อนที่พูดในฝันยังวนเวียนอยู่ในหัวของตัวเอง
ภาพที่ไพรภูมิจูบกอดเธอยังวนเวียนกลับมาอีกครั้ง ภาพความทรงจำในครั้งนั้นยังติดตราตรึงอยู่ในใจไม่เคยลืมเลือน ทั้งที่รู้ว่าเขาเป็นสามีของเพื่อนรัก
แต่ก็นั่นแหละคีรยาแอบประทับใจไพรภูมิตั้งแต่แรกเห็น ตอนที่ปันฐิตาพาเขามาแนะนำให้เพื่อนทุกคนได้รู้จัก ความประทับใจแรกช่างเหมือนการตกหลุมรัก
คีรยาแอบพึงใจในตัวของคนรักของเพื่อน จนทั้งคู่ได้แต่งงานกัน สิ่งเดียวที่คีรยาทำได้ก็คือ เธอต้องตัดใจจากเขา
‘คงจะเป็นกรรมแต่ชาติปางใด ทำให้ฉันต้องตกอยู่ในสภาพนี้ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ พรุ่งนี้ลูกจะลุกขึ้นใส่บาตร ขอให้นำพาเรื่องราวบ้า ๆ นี้ออกไปจากหัวของลูกเสียที’
กว่าจะข่มตาหลับลงไปได้ ก็นานพอดู
กริ๊ง กริ๊ง กริ๊ง...
เสียงนาฬิกาปลุกดังสนั่น สองสาวตกใจตื่น
“ยายแยมทำไมแกตั้งเสียงปลุกแบบนี้เนี่ย”
“ทำไม ถ้าไม่ตั้งเสียงแบบนี้ ฉันก็ไม่ตื่นนะสิ”
“แกจะรีบตื่นไปไหนอะ แกไม่ต้องไปทำงาน”
“วันนี้ฉันจะไปใส่บาตร แกก็ตื่นได้แล้ว ไหนว่าจะรีบไปประชุม แกจะต้องกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่บ้านอีกนี่”
“เออ...” ปันฐิตาลุกขึ้นบิดขี้เกียจ
แต่คีรยานั้นลงจากเตียงได้ ก็ตรงไปเปิดประตูห้อง
“ฉันจะหุงข้าว ทำกับข้าวก่อน แล้วจะกลับมาอาบน้ำ”
“โอเค งั้นฉันอาบก่อนนะ”
“จ้า”
ปันฐิตาอาบน้ำเสร็จ เธอก็ใส่ชุดเดิม แล้วออกมา
“ไปก่อนนะแยม แล้วฉันจะโทรหา”
“โอเค”
“เดี๋ยวปัน”
“อะไร”
“แกอย่าเพิ่งไป มาอธิษฐานตรงหม้อข้าวก่อน ฉันจะให้แกทำบุญด้วย”
ปันฐิตารีบทำตามที่เพื่อนบอก สองมือจับหม้อหุงข้าวเอาไว้แน่น แล้วอธิษฐานจิต พอเสร็จก็หยิบเงินออกมาจากกระเป๋าสองร้อย
“ฉันฝากใส่ซองปัจจัยให้พระท่านด้วย”
“สาธุแก”
“ไปก่อนนะ” รีบเร่งออกไปจากทางหน้าบ้าน
คีรยาวิ่งตามหลัง แล้วไปเปิดประตูรั้วให้ ปันฐิตานั่งประจำที่รถ สตาร์ตแล้วใส่เกียร์ถอยทันที
สองสาวต่างรู้ใจของกันและกันมาก
“บ๊าย บาย”
“ขับรถดี ๆ นะ”
คีรยากลับเข้าบ้าน เธอเตรียมของทุกอย่างเสร็จแล้ว ก็เดินเข้าไปอาบน้ำแต่งตัว ก่อนจะเดินไปที่หน้าเซเว่นที่มีพระสงฆ์หลายรูปมาบิณฑบาตทุกเช้า
ระหว่างที่ปันฐิตาขับรถไปทำงาน เธอก็ได้รับข้อความของหมอภูบดีส่งเข้ามารัว ๆ
(ปัน พี่คิดถึง เย็นนี้เราสองคนมาเจอกันที่บ้านเหมือนเดิม)
เธออ่านข้อความของเขาแล้ว แต่ปันฐิตาก็ไม่ได้ตอบ
หลังจากนั้นเขาก็ทวงถามมาอีกหลายหน
(วันนี้ สรุปว่าปันจะไปหาพี่ไหม)
(ว่าอย่างไรปัน)
(พี่รักปันมากนะ แม้พี่จะรู้ว่าปันไม่ได้รักพี่)
(ปันจ๋า ความคิดถึงปัน กำลังจะฆ่าพี่ให้ตาย)
ก่อนที่หมอภูบดีจะส่งรูปของปันฐิตาที่นอนหลับอยู่ในอ้อมกอดของเขาบนเตียงนอนมาให้
ปันฐิตาจึงจำใจส่งสติกเกอร์
(โอเคค่ะ)
หมอภูบดีถึงกับยิ้มให้กับมือถือ
ปันฐิตารู้สึกเจ็บปวด แต่เธอไม่อาจจะปฏิเสธหมอภูบดีได้แม้สักครั้งเดียว
แปดเดือนก่อน ที่คลินิกหมอภูบดี
“ทำไมวันนี้มาคนเดียวล่ะวันนี้”
“พี่เชนเขาติดงานนะคะพี่หมอ เขาไปสัมมนาที่เชียงราย” ปันฐิตานั่งหน้าเหี่ยว แววตาไร้ความสุข
“ผิดหวังอีกแล้ว”
“ค่ะ พี่เชนเขาคงจะเสียใจ และเขาก็คงรู้แล้วว่ามันจะไม่ได้ผลเหมือน ๆ เดิม” ท่าทางของเธอเหนื่อยหน่าย
“เอาแบบนี้ไหม ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว พี่กำลังจะเลิกงาน เราสองคนไปดื่มกัน”
“ดื่มหรือคะ ปันคิดว่าพี่หมอจะไม่ดื่มซะอีกค่ะ เป็นหมอก็ต้องรักษาสุขภาพนี่คะ”
“มันไม่เกี่ยวกันหรอก เรื่องการดื่มหรือไม่ดื่ม บางทีคนเราหัวสมองตื้อกันได้ ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ แล้วก็ฟังเพลงกับคนรู้ใจ มันก็ทำให้เรารู้สึกดีขึ้น” หมอภูบดีได้แต่ยิ้ม เขานึกถึงเรื่องสมัยที่ยังเรียนหนังสือ เขาเป็นพวกชอบปาร์ตี้คนหนึ่งเหมือนกัน
“ปันไม่คิดว่าพี่หมอจะคิดและเป็นคนอย่างนี้นะคะ” แล้วก็รีบปิดปากตัวเอง
“คือปันไม่ได้หมายถึงว่าพี่หมอเป็นคนไม่ดีนะคะ”
“ปันน่ะไม่รู้อะไร พวกหมอนี่แหละขี้เหล้าเมายาที่สุด ตอนที่พี่เรียนอยู่ที่เชียงใหม่ พวกพี่มักจะไปสังสรรค์กันทุกวันศุกร์เลย”
“จริงหรือคะ”
“การดื่มมันเป็นการคลายเครียดได้ดีทีเดียวแหละ ยิ่งตอนที่เราหัวหนัก ๆ เพราะอ่านหนังสือเยอะ”
“ปันคิดว่ามันจะไม่ยิ่งแย่ไปกันใหญ่สิคะ พอเมาแล้ว คนเราก็ยิ่งหัวหนักเข้าไปอีก ถ้าเป็นปัน ปันคงจะคิดอะไรไม่ออกค่ะ” เธอหัวเราะชอบใจ
“ไม่หรอกปัน มันดีจริง ๆ นะ ลองดูไหม”
“ปกติปันจะดื่มเวลาที่เข้าสังคม หรือว่ามีงานเลี้ยงเท่านั้นค่ะ ปันรู้สึกไม่ชอบค่ะ ดื่มแล้วมันไม่ถูกใจ”
“มันยังไงหรือจ๊ะ”
“ทั้งกลิ่น ทั้งรสชาติมันไม่น่าพิสมัยนะคะ”
“แสดงว่าเราไปเจออะไรที่ไม่อร่อยนะสิ”
“หื้อ มีเหล้าที่อร่อยด้วยเหรอคะ”
“มีสิ พี่จะชงให้ดื่ม”
“พูดแบบนี้หมายความว่ายังไงคะ จะให้ดื่มที่ไหนเนี่ย ไม่ได้ไปผับหรือว่าไปที่ค็อกเทลเลานจ์หรือคะ”
“ไม่หรอก พี่มีที่นั่งดื่มส่วนตัวที่บนชั้นห้าของบ้านพี่” เขาชี้ไปด้านบน
“ที่คลินิก”
“ครับผม พี่พักที่นี่ พี่ทำชั้นห้าของที่นี่เป็นบ้านนะครับ แล้วในห้อง พี่ก็ได้ทำเคาน์เตอร์เล็ก ๆ เอาไว้สำหรับนั่งดื่มชิล ๆ มีทีวีจอใหญ่ ๆ มีเครื่องเสียงดี ๆ ที่อยากจะนำเสนอนะ เผื่อว่าปันจะเป็นไอเดียไปทำที่บ้าน จะได้มีช่วงเวลาที่ดี ๆ เอาไว้พักผ่อนหย่อนใจกันกับคุณเชน”
“ก็ได้ค่ะ” เธอตอบตกลง
หมอภูบดีกดอินเตอร์คอมออกไปที่ด้านหน้า
“ลูกค้าหมดหรือยัง”
“หมดแล้วค่ะคุณหมอ”
“ถ้าอย่างนั้นก็ปิดประตูเลยนะ”
“แล้วคุณปันฐิตาล่ะคะ”
“หมอกับคุณปันจะทำอาหารดินเนอร์กินกันที่บ้านหมอน่ะ”
“อ๋อค่ะ”
“จัดการปิดด้านหน้าไปเลยนะ”
“ค่ะ”
คุณหมอวางสายไป แล้วก็ยกหน้าขึ้นมามองหน้าของปันฐิตาที่มีแต่ความสงสัยอยู่เล็กน้อย
“ที่บ้านพี่มีประตูด้านข้างสามารถออกไปข้างนอกได้โดยไม่ต้องยกประตูหลายชั้น ออกจากประตูข้าง เลี้ยวซ้าย ก็ถึงที่จอดรถเลย รถของปันจอดดีไหม หรือว่าจะไปขยับให้เข้าที่”
“ปันจอดดีแล้วค่ะพี่หมอ ไม่ได้เกะกะใครค่ะ”
“โอเค ถ้าอย่างนั้น เราไปกันเถอะ” หมอภูบดีลุกขึ้น พร้อมกับเดินนำหน้าเธอออกไปตามทางเดินที่ตรงไปยังลิฟต์
ปันฐิตาเพิ่งรู้ว่าที่นี่มีลิฟต์ด้วย หลังจากนั้นเขาก็พาเธอขึ้นไปบนชั้นห้าของตัวอาคาร เขาทำชั้นห้าเป็นที่อยู่อาศัย ช่างกว้างขวางโอ่อ่าพอสมควร เมื่อประตูลิฟต์เปิดออกมาก็เจอกับห้องโถงรับแขก ทันทีเมื่อผ่านประตูเข้าไปด้านในก็กลายเป็นอีกห้องหนึ่ง ในห้องนั้นเป็นห้องพักที่หรูหราสะดวกสบาย คล้ายกับโรงแรมห้าดาว
