บท
ตั้งค่า

บทนำ สวัสดี... ความตาย

‘เบื่อ... เบื่อจังเลย’

ฉันนอนมองเพดานที่ควรเป็นสีขาว แต่กลับมีคราบสกปรกสีน้ำตาลเป็นดวงๆ จากอายุการใช้งานซึ่งมีมานานกว่าสามสิบปี ของสิ่งก่อสร้างสี่เหลี่ยมคับแคบ ที่ควรเรียกว่ารูหนูมากกว่าห้องเช่า

รู้สึกหดหู่ สิ้นหวัง ไร้เรี่ยวแรงจะลุกขึ้นจากที่นอนเตรียมตัวอาบน้ำไปทำงาน ปล่อยนาฬิกาปลุกซึ่งตั้งไว้ในสมาร์ทโฟนเก่าๆ หน้าจอแตกเกือบละเอียด แทบจะมองไม่เห็นฟังก์ชันต่างๆ ภายใน วนดังซ้ำแล้วซ้ำเล่า

“เฮ้อ~”

ฉันพ่นลมออกจากปากจนสุดปอด จำนวนการถอนหายใจในเช้าวันนี้ มากกว่าการกะพริบตาเสียอีก

คิดตัดพ้อในใจถึงโชคชะตาของตัวเอง ชีวิตที่ผ่านมาว่าเลวร้ายแล้ว หลังตาซึ่งเป็นเครือญาติคนสุดท้ายเสีย ถึงได้รู้ว่าหายนะที่แท้จริงกำลังรออยู่

ฉันเพิ่งรู้ว่าค่าใช้จ่ายสารพัดภายในบ้าน รวมถึงค่าเทอมและค่ากินอยู่ระหว่างที่ฉันกำลังเรียนมหาลัย เป็นเงินซึ่งได้มาจากการที่ตาเอาบ้านและที่ดินไปจำนอง

เมื่อตาไม่อยู่แล้ว เจ้าหนี้ซึ่งจ้องจะฮุบบ้านหลังนั้นก็ประกาศตัว ความลับทั้งหมดที่ตาพยายามปกปิดซ่อนเร้นไม่ให้ฉันรู้จึงแดงขึ้น ประหนึ่งสายฟ้าผ่าลงกลางศีรษะทั้งๆ ที่ไร้เงาเมฆฝน

ฉันไม่มีบ้านให้กลับ เงินก็ยังหาใช้เองไม่ได้ จำต้องเอาเงินก้อนสุดท้ายที่ได้มาจากประกันของตา ดำรงชีวิตอยู่ต่อในหอพักซอมซ่อเพราะยังเรียนไม่จบ

ไม่มีใครให้พึ่งพา พ่อทิ้งไปตั้งแต่ฉันยังไม่ลืมตาดูโลก ส่วนแม่... ก็ใช้ลมหายใจเฮือกสุดท้ายให้กำเนิดฉันออกมา ตาเป็นคนเลี้ยงดูฉันตั้งแต่เด็ก จำความได้ก็มีแค่เราสองคนตาหลานมาโดยตลอด

เคยเอะใจสงสัยเหมือนกันนะ ตาทำอาชีพรับจ้างทั่วไป วันๆ หนึ่งได้เงินมาบางทีไม่ถึงสามร้อยบาท แต่ท่านกลับมีเงินส่งฉันเรียนจนถึงระดับปริญญาได้

เคยพยายามถาม แต่ตาเลี่ยงไม่ยอมตอบ พอบอกจะทำงานหาเงินเรียนเองท่านก็ไม่ยินยอม ยื่นคำขาดไม่ให้ฉันกระเสือกกระสนดิ้นรนใดๆ ทั้งสิ้น

กลัวแต่หลานจะเหนื่อยและเรียนไม่รู้เรื่อง แต่กลับไม่ห่วงความลำบากของตัวเอง ลมหายใจสุดท้าย ยังใช้ไปกับการรับจ้างถางหญ้าในสวนของชาวบ้าน เพื่อหาเงินส่งฉันเรียนให้จบปีสี่

อีกไม่ถึงเดือนแล้วแท้ๆ ฉันเกือบเอาใบปริญญาไปให้ตาเชยชมได้แล้ว ทำไมถึงรีบทิ้งกันไป เพราะอะไรถึงไม่อดทนอยู่รอดูความสำเร็จกันก่อน แล้วที่พยายามทำกันมาทั้งหมด ไม่เท่ากับว่ามันสูญเปล่าหรอกเหรอ

‘หนูคิดถึงตาจังเลย’

ฉันกัดฟันดึงตัวเองให้ลุกจากฟูกรองนอนเก่าๆ ที่ไม่มีแม้แต่ผ้าปูปิดบังราดำ ซึ่งกระจายตัวขึ้นเป็นหย่อมๆ บางจุดขาดเป็นรูโบ๋มองเห็นใยสังเคราะห์ด้านใน

สภาพเอนจอนาถไม่ต่างจากตัวผู้ใช้งาน โทรมจนดูคล้ายศพเดินได้ ร่างกายผอมซูบใกล้เคียงกับคำว่าหนังหุ้มกระดูก ตาโบ๋ลอยจากการพักผ่อนเพียงวันละสามชั่วโมงเท่านั้น

หลังกัดฟันประคับประคองเรียนจนจบ ฉันไม่มีเวลาแม้แต่จะพักผ่อนเที่ยวเล่นเหมือนลูกบ้านอื่น ก่อนที่พวกเขาจะค่อยๆ เริ่มหางานทำกันอย่างไม่รีบร้อน

ตรงกันข้าม อะไรที่ทำแล้วได้เงินฉันรับหมด แม้แต่งานพาร์ทไทม์ล้างจานที่ร้านอาหารโต้รุ่ง เด็กเติมน้ำมันในปั๊มช่วงกะดึก หรือแคชเชียร์ตามร้านสะดวกซื้อในช่วงวันหยุดเทศกาล

ขอแค่มันเป็นอาชีพสุจริตที่ไม่ทำให้ใครเดือดร้อน ไม่สร้างปัญหาให้กับสังคม และได้ค่าจ้างอย่างยุติธรรมเป็นพอ

สองปีแล้วที่ฉันใช้ชีวิตวนลูปซ้ำๆ กลางวันทำงานประจำในบริษัทเอกชนเงินเดือนหมื่นห้า ส่วนกลางคืนก็หาอาชีพอื่นทำเสริม ยี่สิบสี่ชั่วโมงทำสามงานเป็นอย่างต่ำ

ไม่ได้ขยันนะแต่มันร้อนเงิน ฉันก็เป็นมนุษย์คนหนึ่งที่มีความขี้เกียจ อยากนอนตื่นสายในวันหยุดสุดสัปดาห์ เลิกงานกลับห้องไปพักผ่อนดูซีรีย์เหมือนคนอื่นๆ บ้าง

แต่เพราะการดำรงชีวิตอยู่ในเมืองมันมีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง และฉันไม่ยอมให้เจ้าหนี้ยึดบ้าน ที่เป็นเหมือนของต่างหน้าของตาไปง่ายๆ จึงต้องเร่งหาเงินส่งไปใช้หนี้ตัวเป็นเกลียวยังไงล่ะ

การพักผ่อนไม่เพียงพอจากการโหมทำงานหลายอย่าง อีกทั้งพยายามประหยัดโดยการกินแต่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเป็นหลัก ส่งผลให้ร่างกายเกิดการประท้วง

นั่งๆ ทำงานอยู่เกิดการชัตดาวน์กลางอากาศ วูบหมดสติ สมองช้าทำงานไม่รู้เรื่อง เพื่อนที่เข้ามาทำงานพร้อมกันได้เลื่อนตำแหน่งไปหลายขั้นแล้ว แต่ฉันยังเป็นแค่ลูกจ้างต่อสัญญารายปีอยู่เลย สิ้นปีนี้ยังไม่รู้อนาคตตัวเองด้วยซ้ำ

มืดมนซะไม่มี...

วันๆ หนึ่งแอบร้องไห้นับครั้งไม่ถ้วน มีความคิดอยากฆ่าตัวตายไปซะให้มันจบๆ จะได้ไม่ต้องเหนื่อยอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ ลำบากเพื่ออะไร ทำไปเพื่อใคร ในเมื่อตอนนี้ฉันตัวคนเดียว

แต่ภาพของตามักแวบเข้ามาในหัวเสมอ ท่านอุตส่าห์ตรากตรำเลี้ยงดูเรามาเป็นอย่างดีจนเติบใหญ่ จะเอาชีวิตที่แลกมาด้วยหยาดเหงื่อหยาดน้ำตาของตา มาทิ้งง่ายๆ อย่างนั้นเหรอ

ไม่เท่ากับว่าฉันเป็นเด็กอกตัญญูหรือไง นั่นจึงเป็นเหตุผลให้ฉันต้องกล้ำกลืนฝืนใช้ชีวิตอันน่าสมเพชต่อไป

ด้วยความที่เช้านี้ฉันใช้เวลาอย่างไร้ค่า ไปกับการนอนถอนหายใจมองเพดานร่วมสิบห้านาที ส่งผลให้ฉันเหลือเวลาอาบน้ำแต่งตัวไม่ถึงสิบนาทีด้วยซ้ำ

ไหนจะระยะทางระหว่างที่พักกับบริษัท ซึ่งต้องใช้รถโดยสารสาธารณะฟรี ในการเดินทางไปทำงานร่วมยี่สิบกิโลเมตร

การจราจรบนถนนในเมืองติดขัดเป็นปกติ ฉันไม่สามารถดึงเวลาส่วนนั้นมาทดเวลาบาดเจ็บให้ตัวเองได้ สิ่งที่ทำได้คือต้องจัดการตัวเองให้เสร็จในเวลาที่เหลืออยู่

ปึด!

ด้วยความเร่งรีบเพราะต้องแข่งกับเวลาจนทำให้เกิดความประมาท บวกกับสภาพแวดล้อมในห้องน้ำที่ทั้งเปียกและลื่น อุบัติเหตุจึงเกิดขึ้น

ในชั่วพริบตา ร่างของฉันลอยละลิ่วขึ้นกลางอากาศ เกิดเป็นภาพสโลวโมชั่น ขณะกำลังเอนตัวล้มหงายหลังตามแรงโน้มถ่วงของโลก

โครม!!

เสียงร่างกายของฉันกระทบลงบนพื้นห้องน้ำดังสนั่นหวั่นไหว รู้สึกชาไปแทบทุกส่วนโดยเฉพาะศีรษะ อาจเพราะมันฟาดเข้ากับขอบส้วมด้วยหรือเปล่า อันนี้ไม่แน่ใจเหมือนกัน

สายตาเริ่มพร่าเลือนไปทีละนิด สติสัมปชัญญะค่อยๆ ดับวูบ พร้อมกับกลิ่นคาวที่ฉันเดาว่าน่าจะเป็นเลือดลอยเข้ามาแตะจมูก

‘ฉัน... กำลังจะตายแล้วสินะ’

‘ดีจัง... ต่อไปก็ไม่ต้องเหนื่อยแล้ว’

นี่ถือว่าเป็นการทำผิดต่อตาหรือเปล่า ไม่ได้ฆ่าตัวตายสักหน่อย มันคืออุบัติเหตุที่ฉันไม่ได้ตั้งใจให้เกิดขึ้น ก็แค่... ไม่ได้รู้สึกเดือดร้อนหรือเป็นทุกข์ ที่จะต้องตายก็เท่านั้นเอง

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel