ตอนที่ 1 ร้านสะดวกซื้อ
ตอนที่ 1 ร้านสะดวกซื้อ
แสงไฟสลัวจากร้านสะดวกซื้อขนาดย่อมส่องลอดกระจกใส หลิน หญิงสาววัยยี่สิบห้าปี สวมเสื้อยูนิฟอร์มสีเขียวหม่น มือข้างหนึ่งจับไม้ถูพื้น ส่วนอีกข้างวางไว้บนสะโพก ผมหางม้ารวบหลวม ๆ ติดเหงื่อเล็กน้อย ใบหน้าสวยหวานมีความเรียบง่ายแบบธรรมชาติที่สะท้อนถึงต้นกำเนิดจากหมู่บ้านเล็ก ๆ บนดอย ดวงตาของเธอแม้จะเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า แต่ยังคงเปล่งประกายมีชีวิตชีวา
“หลิน วันนี้ถูพื้นรอบสามแล้วนะ” เพื่อนร่วมงานคนหนึ่งเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง
หลินยิ้มตอบบาง ๆ “อยากให้ร้านสะอาดน่ะ เดี๋ยวโดนผู้จัดการบ่นอีก” เสียงของเธอมีสำเนียงที่แฝงกลิ่นอายของถิ่นฐานเดิม แม้จะพยายามปรับให้เหมือนคนกรุงเทพฯ แต่ก็ยังมีความน่าฟังในแบบของตัวเอง
เมื่อเพื่อนเดินจากไป หลินหันกลับมาสนใจพื้นตรงหน้า กลิ่นน้ำยาถูพื้นลอยคลุ้งในอากาศ เธอเหม่อมองภาพสะท้อนของตัวเองบนพื้นกระเบื้องขาว ก่อนจะถอนหายใจเบา ๆ ความคิดหนึ่งผุดขึ้นมาในใจ ‘ชีวิตมนุษย์เงินเดือนนี่มันน่าเบื่อจริง ๆ เลยเนอะ’
เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า จนกระทั่งร้านใกล้ปิด หลินกลับมาเก็บกวาดอีกครั้ง แต่จังหวะที่หลินถอยหลังไปหนึ่งก้าว เท้าของเธอเผลอไปโดนถังน้ำที่วางอยู่ข้างหลัง เสียงน้ำกระฉอกดัง “ฉ่า!” พื้นกระเบื้องที่เพิ่งถูยังเปียกลื่น ร่างของหลินก็เสียหลักทันที
“ว้ายย!!...” เธอร้องเสียงหลง ร่างบางล้มกระแทกพื้นอย่างแรง หัวของเธอฟาดเข้ากับกระเบื้องขาวเสียงดัง โป๊ก!
ความเจ็บแล่นแปลบเข้ามาในเสี้ยววินาที ทุกอย่างในสายตาพร่าเลือน ราวกับเวลาหยุดหมุน ลมหายใจเธอสะดุด หัวใจเต้นช้าลง ความรู้สึกหนาวเย็นค่อย ๆ แผ่ซ่านไปทั่วร่าง
เธอพยายามตั้งสติจะลุกขึ้น แต่ร่างกายกลับไม่ตอบสนอง ใจหนึ่งยังคงห่วงงานที่ค้างคา อีกใจหนึ่งก็นึกถึงแม่ที่อยู่บ้านเกิด ความคิดถึงบ้านที่เธอพยายามเก็บซ่อนเอาไว้พลันเอ่อล้นออกมาในวินาทีที่เธอรู้สึกว่าร่างกายกำลังจะหมดแรง
“แม่…หลินคิดถึงแม่…” เสียงกระซิบแผ่วเบาเล็ดลอดจากริมฝีปาก ก่อนที่สติของเธอจะค่อย ๆ เลือนหายไป
หลินรู้สึกเหมือนตัวเองจมดิ่งอยู่ในห้วงความฝัน เธอค่อย ๆ ลืมตาขึ้นอย่างยากลำบาก สิ่งแรกที่เห็นคือหญ้าคา ตรงมุมห้องมืดสลัวปรากฏแสงจากกองไฟเล็ก ๆ ริมเตียง เธอรู้สึกร่างกายหนักอึ้ง
‘นี่เราตายแล้วหรือ…? หรือว่ายังไม่ตาย?’
หลินค่อย ๆ ขยับนิ้วมือและแขนขา พบว่ายังขยับได้ เธอพยายามยันตัวลุกขึ้นนั่ง สายตากวาดมองไปรอบห้อง มันเป็นกระท่อมเล็ก ๆ ผนังดินเรียบง่าย มีของใช้พื้นบ้านเก่า ๆ กระจัดกระจายอยู่บนพื้น ด้านหนึ่งของห้องมีโต๊ะเตี้ย ๆ ที่วางถ้วยชามดินเผาไว้
“เอ๊ะ…?”
เสียงของเธอแหบพร่าอย่างไม่คุ้นเคย หลินซูเหยาเอามือจับศีรษะ มึนงงอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อเห็นมือของตัวเอง เธอก็ต้องตกใจ นิ้วมือเรียวยาว ผิวขาวนวลเนียนแตกต่างจากเดิมที่เป็นผิวขาวเหลือง
จังหวะนั้นเอง ประตูไม้เก่า ๆ ที่ผุพังส่งเสียงดังเอี๊ยดอ๊าดเหมือนจะหลุดจากบานพับ ร่างสูงโปร่งของชายหนุ่มผู้หนึ่งเดินเข้ามาในห้อง
เขาสวมเสื้อผ้าผ้าฝ้ายหยาบสีหม่น ใบหน้าหล่อเหลา ดวงตาดำขลับแวววาวเหมือนหยกดำ ทว่ารูปร่างของเขาผอมไปหน่อย เขาเดินเข้ามาหยุดตรงปลายเตียง ก้มหน้ามองหญิงสาวบนเตียงด้วยสายตาสงสัย
หลินอ้าปากพยายามจะพูดอะไรสักอย่างแต่เสียงติดอยู่ในลำคอ ชายหนุ่มยืนนิ่งเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง สายตาเต็มไปด้วยความไร้เดียงสาแบบแปลกๆ มองมาที่เธอ
“เหยาเหยา…เป็นอะไรหรือเปล่า?”
หลินเบิกตากว้างด้วยประหลาดใจอีกครั้ง เธอเข้าใจสิ่งที่เขาพูดได้อย่างชัดเจน ทั้งที่ประโยคเหล่านั้นไม่ใช่ภาษาไทย แต่เป็นภาษาจีน!
‘นี่เราเข้าใจภาษาจีนได้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?’ หลินคิดในใจอย่างตื่นตระหนก เธอไม่เคยเรียนภาษาจีนมาก่อนเลยในชีวิต แต่คำพูดของชายหนุ่มกลับชัดเจนในหัวของเธอราวกับเป็นภาษาแม่
เธอพยายามจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ความสับสนทำให้เธออึกอักอยู่ชั่วครู่ ก่อนที่คำพูดจะหลุดออกมาจากปากของเธอโดยไม่ทันได้ตั้งใจ “ข้า… ข้าไม่เป็นไร…”
ทันทีที่เสียงของเธอเปล่งออกมา หลินก็ต้องตกใจอีกครั้ง เพราะคำพูดที่ออกมาจากปากของเธอกลับเป็นภาษาจีนเช่นกัน! น้ำเสียงของเธอฟังดูแปลกหู ราวกับเป็นของใครอีกคนที่ไม่ใช่ตัวเธอเอง
หลินมึนงง นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันแน่?!
