พื้นที่มิติในแหวนโบราณ 1
วันนี้วันคล้ายวันเกิดอายุครบยี่สิบห้าปีของซูลี่หยาง เธอจึงได้วันหยุดจากบริษัทในต้นสังกัดเป็นเวลาเจ็ดวัน จึงใช้โอกาสนี้ไปทำบุญที่วัดหนานซาน สถานที่แห่งนี้มีคนเข้ามาเป็นจำนวนมาก ทั้งต่างชาติที่มาท่องเที่ยวและตั้งใจมาทำบุญเหมือนกับเธอ หลังจากใช้เวลาอยู่ภายในวัดนานกว่าหนึ่งชั่วโมงจึงได้กลับไปหาครอบครัว
ซึ่งนัดกันไว้ในช่วงเย็น ซูลี่หยางไม่ลืมซื้อของเข้าไปฝากคนในบ้าน เพราะหน้าที่การงานทำให้เธอไม่ได้กลับบ้านบ่อยนัก ครอบครัวของเธอมีฐานะค่อนข้างดี คุณพ่อเป็นคุณหมอในโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง ส่วนคุณแม่เป็นข้าราชการครูในมหาลัยชื่อดัง ส่วนพี่ชายเป็นหมอเหมือนคุณพ่อ
มีแค่เธอเท่านั้นที่แหวกแนว ไม่เหมือนคนในครอบครัว ซูลี่หยางผันตัวเองมาเป็นนางแบบ และมีห้องเสื้อเป็นแบรนด์ของตัวเอง โชคดีที่ครอบครัวไม่ได้บังคับ แต่กลับสนับสนุนอย่างเต็มใจ
หลังจากซื้อของฝาก เธอก็ขับรถกลับบ้านตามเส้นทางที่คุ้นเคย เพียงไม่นานก็มาถึงบ้านหลังใหญ่หลังหนึ่ง บ้านหลังนี้เป็นมรดกของครอบครัวเธอ ทุกคนจึงไม่ได้ย้ายไปอยู่ในคอนโดเช่นเดียวกับเธอ
“คุณอาลี่หยางมาแล้วค่ะ!”
เมื่อจอดรถได้หลานสาวตัวน้อยหรือลูกสาวคนเล็กของพี่ชายก็วิ่งออกมาต้อนรับเธอด้วยรอยยิ้มเริงร่า ซูลี่หยางจึงรีบลงจากรถพร้อมอ้าแขนรับหลานสาวตัวน้อยอย่างรักใคร่ พร้อมเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม
“เหมยลี่เด็กดีคิดถึงน้าหรือเปล่าคะ”
“หนูคิดถึงอาลี่หยางที่สุดค่ะ”
สาวน้อยวัยห้าขวบรีบตอบรับอย่างเอาอกเอาใจคุณอาสาว เมื่อถูกหอมแก้มก็หัวเราะอย่างชอบใจ ภาพตรงหน้าทำให้พี่ชายและพี่สะใภ้ที่เดินออกมารับมองตามด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะมาช่วยยกข้าวของเข้าไปในบ้าน
“เข้าบ้านก่อนพ่อกับแม่รออยู่”
ซูลี่หยางพยักหน้ารับ พร้อมจูงมือหลานสาวเข้าไปในบ้านอย่างอารมณ์ดี เมื่อเห็นหลานชายคนโตชะเง้อมองทางเข้าประตูจึงเดินไปหาพร้อมขยี้หัวอีกคนอย่างเอ็นดู
“อาลี่หยางผมโตแล้วครับ”
เด็กชายวัยแปดขวบเอ่ยบอกอาสาวอย่างจริงจัง ทำให้ซูลี่หยางหัวเราะอย่างขำ ๆ ไม่ได้ถือสาเด็กน้อยแต่กลับจูงมือเข้าบ้านไปอีกคน ส่วนข้าวของที่ซื้อมาพี่ชายหิ้วมาคนเดียวเกือบทั้งหมด
“คุณพ่อคุณแม่คิดถึงจังเลยค่ะ”
เมื่อเห็นพ่อกับแม่นั่งอยู่บนโซฟา ซูลี่หยางจึงปล่อยมือจากหลานทั้งสองคน เดินเข้าไปกอดพ่อกับแม่อย่างคิดถึง เธอไม่ได้กลับบ้านหลายเดือนแล้ว หากไม่ใช่วันเกิดเธอคงขอลาหยุดหลายวันแบบนี้ไม่ได้
“แม่ทำของโปรดไว้รอลูก เดี๋ยวเราไปทานข้าวเย็นกัน”
เลี่ยงหรูกอดตอบลูกสาวพร้อมเอ่ยบอกด้วยรอยยิ้มดีใจ ลูกสาวคนเล็กของเธอไม่ค่อยกลับบ้านบ่อยหนัก แม้จะเป็นห่วงแต่เมื่อลูกชอบแบบนี้ เธอก็ได้แต่สนับสนุนเท่านั้น
“ค่ะ คุณแม่”
ซูลี่หยางตอบรับเพราะเธอทานข้าวตั้งแต่เช้าแล้ว และมื้อกลางวันยังไม่มีอะไรตกถึงท้อง เมื่อคุณแม่เอ่ยชวนจึงรีบตกปากรับคำทันที
“ไม่ทานข้าวกลางวันมาอีกแล้วใช่ไหม” เมื่อเห็นลูกสาวตอบรับเร็ว เลี่ยงหรูจึงเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง แต่แม่สาวน้อยที่ไม่รู้จักโตกลับแลบลิ้นทำหน้าทะเล้นตอบรับ พร้อมคำพูดเอาอกเอาใจคนแก่ เธอส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ
“หนูหิ้วท้องไว้รอทานอาหารของคุณแม่ค่ะ”
“เดี๋ยวจะปวดท้องกระเพาะ ครั้งหน้าอย่าลืมดูแลตัวเองด้วย”
ซูลี่หยางยิ้มรับคำห่วงใยของคุณแม่ ก่อนจะพากันไปทานอาหารเย็น ซึ่งมีบะหมี่อายุยืนสำหรับเธอโดยเฉพาะด้วย แม้ไม่ได้เป่าเค้กในวันเกิดเช่นบ้านอื่น ๆ แต่ความรักความห่วงใยที่พวกเขามีให้เธอก็ไม่น้อยไปกว่าใครเลย ระหว่างนั้นก็ได้พูดคุยกันไปด้วย บ้านเธอไม่ได้มีกฎระเบียบเคร่งครัดว่ารับประทานอาหารห้ามพูดคุยกัน
หลังจากที่รับประทานอาหารเย็น พร้อมคำอวยพรจากครอบครัวแล้ว ซูลี่หยางจึงได้ไปพักที่ห้องเก่าของตัวเอง วันนี้เธอตั้งใจว่าจะไม่กลับคอนโด เพราะอยากใช้วันหยุดอยู่กับครอบครัว ส่วนเด็ก ๆ ได้เข้านอนกันเรียบร้อยแล้ว โชคดีที่พี่ชายกับพี่สะใภ้อยู่บ้านหลังเดียวกับคุณแม่ด้วย พวกท่านจึงไม่เหงามากนัก
