โชคชะตานำพา 1
ณ สนามบินขนาดใหญ่ที่คลาคล่ำไปด้วยผู้คนมากมายจากทั่วสารทิศ หนึ่งในนั้นก็มี หม่าเหยา หญิงสาวเจ้าของวงหน้าเมล็ดแตง และมีจมูก ดวงตา และริมฝีปากรับกันไปหมดทุกส่วน ซึ่งจัดได้ว่าเป็นผู้หญิงที่น่ามองคนหนึ่งเลยก็ว่าได้
และตอนนี้หม่าเหยาก็กำลังเดินลากกระเป๋าพร้อมกับเหล่าเพื่อนร่วมงานนับสิบ ซึ่งทั้งหมดกำลังจะไปสัมมนาที่อีกเมืองหนึ่งของจีน นี่เป็นครั้งแรกของเธอที่ได้เดินทางไปต่างเมืองในฐานะตัวแทนของบริษัท และเป็นโอกาสอันดีที่เธอจะได้แสดงศักยภาพของตัวเองออกมาให้ทุกคนได้เห็น
“นี่หม่าเหยา แกดูตื่นเต้นมากเป็นพิเศษเลยนะ”
เสียงของ หลิวเจี๋ย เพื่อนร่วมงานคนสนิทของหม่าเหยาดังขึ้นจากทางด้านข้าง หม่าเหยาจึงหันไปยิ้มบาง ๆ ให้ก่อนจะเอ่ยตอบ
“เพราะว่าการสัมมนาในครั้งนี้มันสำคัญกับฉันมากเลยน่ะสิ”
“แกนี่จริงจังกับงานมากเกินไปแล้ว วางแผนไปถึงขั้นไหนแล้วล่ะ”
“ฉันเตรียมข้อมูลลูกค้าไว้ทั้งหมดแล้ว พรุ่งนี้ถ้ามีโอกาสฉันจะลองเจรจากับพวกเขาดู”
“สุดยอดเลย แต่คืนนี้พักผ่อนก่อนเถอะนะ ดูสิ ขอบตาแกดำเป็นหมีแพนด้าหมดแล้ว”
หลิวเจี๋ยบอกกับเพื่อนรักด้วยความเป็นห่วง หม่าเหยาแค่เพียงพยักหน้ารับเท่านั้น แต่เธอไม่ได้บอกใครว่าคืนก่อนออกเดินทาง เธอแทบไม่ได้นอนเลย เพราะเอาแต่จัดเอกสารและเตรียมตัวสำหรับการเสนองานลูกค้า
เมื่อเดินทางมาถึงโรงแรม พนักงานบริษัทต่างแยกย้ายกันเข้าห้องของตัวเองรวมถึงหม่าเหยาด้วย และสิ่งแรกที่เธอทำทันทีที่เข้าไปในห้องพักก็คือหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู ซึ่งก็พบว่ามีข้อความจากผู้เป็นแม่ส่งมา
แม่ : ถึงหรือยังลูก
หม่าเหยา : หนูถึงแล้วค่ะแม่ เดี๋ยวตอนกลางคืนหนูโทรหานะ
หลังจากที่หม่าเหยาตอบข้อความของแม่เสร็จ เธอก็รีบเปลี่ยนชุดเพื่อไปงานรับรองในค่ำคืนนี้ ซึ่งแน่นอนว่าเธอก็ยังไม่ได้พักผ่อนอีกเช่นเคย
…จนกระทั่งงานเลี้ยงได้จบลง หม่าเหยาเดินกลับมาที่ห้องพักคนเดียว เธอรู้สึกอึดอัดเล็กน้อยที่ต้องดื่มแอลกอฮอล์กับลูกค้า ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ดื่มมาก แต่ร่างกายของเธอกลับรู้สึกหนักอึ้งอยู่ไม่น้อย
หม่าเหยาค่อย ๆ นั่งลงที่ปลายเตียง ก่อนที่จะยกมือขวาขึ้นมากุมหน้าอก เพราะรู้สึกว่าตัวเองแน่นที่หน้าอกมากขึ้นเรื่อย ๆ ก่อนที่เธอจะพึมพำกับตัวเองด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาคล้ายกำลังจะหมดแรงว่า…
“สงสัยจะเครียดมากเกินไป”
หม่าเหยาพูดอย่างไม่ได้ใส่ใจมากนัก ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดดูข้อความของแม่ ซึ่งสิ่งที่แม่ส่งมาให้นั้นเป็นรูปถ่ายอาหารมื้อเย็นที่แม่กำลังกินกับพ่อ
แม่ : รีบกลับมากินข้าวด้วยกันนะลูก
หม่าเหยา : หนูจะรีบกลับไปอย่างแน่นอน…
หม่าเหยาพิมพ์ข้อความเสร็จแล้ว แต่ยังไม่ทันได้กดส่งสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เพราะทันใดนั้นอาการแน่นหน้าอกกลับรุนแรงขึ้น ราวกับมีบางสิ่งกำลังบีบรัดหัวใจของเธออย่างโหดร้าย
“อึก!”
ร่างกายของหม่าเหยาชาวาบ เหงื่อเย็นผุดขึ้นทั่วหน้าผาก เธอพยายามเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์เพื่อจะโทรหาหลิวเจี๋ย แต่กลับไม่มีเรี่ยวแรงมากพอ
ลมหายใจของหม่าเหยาขาดห้วง ก่อนที่ความมืดในดวงตาจะเริ่มครอบงำ พร้อมกับสติสัมปชัญญะที่เริ่มเลือนราง
…รุ่งเช้าของวันต่อมา หลิวเจี๋ยเดินมาตามหม่าเหยาเพื่อไปทานอาหารเช้าด้วยกัน แต่เธอพยายามเคาะประตูห้องพร้อมส่งเสียงเรียกเท่าไร เพื่อนสนิทก็ไม่ยอมออกมา
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
“หม่าเหยา ๆ ยังไม่ตื่นอีกเหรอ”
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
หลิวเจี๋ยเคาะประตูซ้ำหลายครั้ง แต่ก็ไม่มีเสียงตอบกลับใด ๆ จากข้างใน ทำให้ความรู้สึกไม่ชอบมาพากลเกิดขึ้น
ก่อนที่หลิวเจี๋ยจะรีบไปแจ้งพนักงานโรงแรมให้ใช้กุญแจสำรองมาเปิดประตู และภาพที่ปรากฏต่อหน้าก็ทำให้ทุกคนต้องตกตะลึง
ร่างของหม่าเหยานอนแน่นิ่งอยู่บนเตียง ดวงตาปิดสนิท สีหน้าเรียบเฉยราวกับกำลังหลับใหล หลิวเจี๋ยจึงรีบเข้าไปเขย่าตัวของเพื่อนทันที
“หม่าเหยา! ตื่นสิ! อย่ามาเล่นแบบนี้นะ!”
แต่ก็ไม่มีการตอบสนอง แพทย์ถูกเรียกตัวมาโดยด่วน และหลังจากตรวจร่างกายได้ไม่นาน คำพูดประโยคหนึ่งก็ทำให้บรรยากาศในห้องเย็นยะเยือกลง
