บท
ตั้งค่า

บทที่ 2

เป็นบุรุษที่อธิบายรูปลักษณ์ด้วยคําพูดได้ยากจริงๆ ใบหน้าคมสันราวกับมีด ลายเส้นสวยงามมาก ดวงตาเรียวยาวใต้คิ้วคมแฝงไปด้วยประกายเย็นชาราวกับเหยี่ยว กลิ่นอายทั่วร่างเย็นชาอย่างโดดเดี่ยว ทำให้ผู้คนรู้สึกกดดันอย่างไม่รู้ตัว เป็นความเฉยเมยและเย็นชาที่ยึดถือสรรพชีวิตเฉกเช่นสุนัขฟาง

หากบุรุษตรงหน้าอยู่ในยุคปัจจุบัน แค่ปรากฏตัวก็คงจะใช้ใบหน้าพิชิตสายตาได้ ไม่แปลกใจเลยที่เจ้าของร่างเดิมจะคลั่งไคล้ถึงขนาดนั้น

เมื่อสายตาที่เย็นชานั้นหลุบลงมาที่ตัวนาง ดูเหมือนว่าจะห่อหุ้มด้วยเกล็ดน้ำแข็ง ผิวหนังใต้เสื้อผ้าก็รู้สึกถึงการกดขี่และความเย็นชาอย่างรุนแรง หัวเราะอยู่ในใจ ดูเหมือนว่าเขาเกลียดเจ้าของร่างเดิมอย่างสุดขีดเลยสินะ

แม้ว่าตอนนี้เจ้าของร่างเดิมจะบาดเจ็บที่หน้าผาก และเลือดบนใบหน้าอย่างน่าสังเวช เขาก็ไม่มีการแสดงสีหน้าใดๆ หรือแม้แต่สั่งให้ใครไปตามหมอ กลับยังเหยียบหน้าอกนางอย่างแรง บังคับจนให้อาเจียนเป็นเลือดออกมา

โหดจริงๆ

มองคนอีกข้างที่เช็ดน้ำตาไม่หยุด ซ่างกวนเยว่ดูน่าสงสารมาก ไม่น่าแปลกใจที่เจ้าของร่างเดิมจะพ่ายแพ้อย่างราบคาบเช่นนี้ ดอกบัวขาวที่งดงามแบ่งแยกถูกผิดดีชั่วออกมาอย่างชัดเจน เจ้าของร่างเดิมจะสู้ได้อย่างไร!

คําพูดไม่กี่คําทำให้ฉู่หานเกลียดเจ้าของร่างเดิมมากขึ้นอย่างง่ายดาย แม้กระทั่งอยากฆ่าทิ้ง

เซี่ยเหยายืนขึ้นตรงๆ ก็รู้สึกเวียนหัวทันที นางหลับตาผ่อนคลายครู่หนึ่ง แล้วลืมตาขึ้นมา

ในสายตาประหลาดใจเล็กน้อยของฉู่หานและซ่างกวนเยว่ นางหยิบผ้าเช็ดหน้าออกจากแขนเสื้อและค่อยๆ เช็ดเลือดออกจากใบหน้า ราวกับว่าสิ่งที่เช็ดไม่ใช่เลือด แต่เป็นเหงื่อเป็นธรรมชาติ

เมื่อซ่างกวนเยว่เห็นท่าทางนั้น ดวงตาคู่งามพลันสั่นไหว ตอนนี้เซี่ยเหยาดูแปลกไป ทำไมพอลุกขึ้นมาถึงไม่ก้าวร้าว?

นางลูบใบหน้าที่ยังเจ็บอยู่เล็กน้อย มองฉู่หานด้วยสายตาเย็นชา กำลังจะเอ่ยปากบอกให้รีบเขียนหนังสือหย่า แต่ซ่างกวนเยว่ก็กระโจนเข้ามาอีกครั้ง

“พระชายา ข้ารู้ว่าผิด ท่านอ๋องแค่โกรธมากเกินไปถึงได้ลงมือกับพระชายา พระชายาอย่าบอกแม่ทัพใหญ่เลย ได้โปรดเถิดพระชายา!” ซ่างกวนเยว่ร้องไห้อย่างเสแสร้ง

เมื่อได้ยิน สีหน้าของฉู่หานก็มืดมนลงทันที

เซี่ยเหยาเวียนหัว เป็นอาการของการกระทบกระเทือนทางสมอง จำเป็นต้องนอนพักผ่อน นางแค่มองซ่างกวนเยว่อย่างเย็นชา

“ท่านอ๋อง รีบสั่งให้คนไปตามหมอเถอะเพคะ ท่านพี่ดูจะเจ็บหนักมาก” ซ่างกวนเยว่หันกลับไปมองฉู่หาน ด้วยสายตาอดทนอดกลั้น แต่คําพูดกลับใส่ใจและใจดีมาก

เซี่ยเหยายิ้มเยาะเย้ยอย่างเย็นชา “ไม่จําเป็น”

นางเป็นหมอ ถ้าแม้แต่บาดแผลเล็กๆ น้อยๆ นี้ก็ยังจัดการไม่ได้ นางคงจะถูกคนหัวเราะจนฟันหลุด?

“ท่านพี่อย่าโกรธไปเลย ไม่งั้นหากเป็นแผลเป็น จะเสียโฉมได้” ซ่างกวนเยว่พูดอีก

แผลเป็น?

บาดแผลนี้ดูเหมือนจะเป็นแผลเป็นจริงๆ ถ้าจัดการไม่ดี ต้องเป็นแผลเป็นแน่นอน

หากสตรีคนใดก็ตาม ได้ยินว่าตนเองกําลังจะเสียโฉม คงต้องร้อนใจมาก จนลนลานตั้งนานแล้ว แต่ตอนนี้เซี่ยเหยาไม่รู้ว่าถูกกระแทกจนโง่หรือเปล่า ดูเหมือนจะไม่สนใจเลย

เซี่ยเหยาเหลือบมองเซี่ยกวนเยว่อย่างเย็นชา “ไม่ต้องให้เจ้ามากังวลแทน หากยังพูดเรื่องไร้สาระอีก จะพลาดฤกษ์งามยามดีไป ข้าขอให้พวกเจ้ารักกันกลมเกลียว อยู่ด้วยกันจนถือไม้เท้ายอดทองกระบองยอดเพชร” เสริมอีกประโยคว่าทำลายกันและกัน

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ดวงตาของฉู่หานยิ่งมืดมน และจ้องมองนาง

สายตารุนแรง ทำให้เซี่ยเหยาไม่อาจละเลยได้ นางเลิกคิ้วขึ้น แล้วมองพลางยกยิ้มมุมปาก “ไม่ต้องสงสัยในความจริงใจของข้าที่พูดคําเหล่านี้ ข้าแค่ผ่านประตูนรกมาจึงคิดได้ อวยพรพวกเจ้าด้วยความจริงใจ ถ้าคิดว่าข้าขวางหูขวางตา ตอนนี้ท่านอ๋องก็เขียนหนังสือหย่าให้ข้าสิ ข้าจะถือหนังสือหย่าออกจากจวนอ๋องหานทันที”

หนังสือหย่า?

ซ่างกวนเยว่มองไปที่เซี่ยเหยาทันที

ทําไมจู่ๆ เซี่ยเหยาก็นิสัยเปลี่ยนไป?

ใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อจะแต่งงานกับฉู่หาน ตอนนี้กําลังจะปฏิเสธ? หรือว่าโดนตบจนฉลาดขึ้นมา?

สายตาของฉู่ฮั่นยังคงเย็นชา ไม่ได้เปลี่ยนแปลงใดๆ เพราะคําพูดของเซี่ยเหยา รู้ทั้งรู้ว่านี่คือการแสร้งปล่อยเพื่อจับของเซี่ยเหยา และยิ่งคิดว่านางใจคดก็รังเกียจมาก “ทหาร พาพระชายากลับไปที่เรือน และห้ามเดินตามอำเภอใจ! หากปราศจากคำสั่งของข้าและพระชายารอง พระชายาห้ามออกจากเรือนแม้แต่ครึ่งก้าว!”

เมื่อได้ยินแล้ว เซี่ยเหยาก็เลิกคิ้วขึ้นและยิ้ม ห้ามเดินตามอำเภอใจก็เข้าทางของนางพอดี จะได้อยู่อย่างสงบสุข รักษาร่างกายอย่างดี แต่...

สายตาของนางกวาดมองบนใบหน้าของเขาเป็นวงกลม

แน่ใจแล้วว่าเขามีปัญหา

“ขอแนะนําว่า ภายในสามวันนี้อย่าทำอะไร! มิฉะนั้น ท่านอาจไม่สามารถโล้สำเภาได้ในอนาคต” ด้วยความเคยชินในอาชีพของเซี่ยเหยา จึงเผลอพูดออกมา แต่พูดไปก็พูดไป ไม่เป็นไร เขาคงจะไม่เชื่อคําพูดของนางหรอก

ส่วนสาเหตุที่แท้จริงต้องตรวจสอบอย่างละเอียดก่อนถึงจะตัดสินได้ คาดว่าน่าจะเป็นพิษ ดูเหมือนว่าอ๋องหานคนนี้จะมีศัตรูลับอยู่ไม่น้อย ถูกพิษเรื้อรังก็ไม่รู้ตัว เมื่อถึงวันที่พิษเผยขึ้นมา เขาก็ไม่ต่างจากคนไร้ประโยชน์

เมื่อพูดจบ นางก็เดินจากไปโดยไม่หวนกลับมา

ผู้ชายเย็นชาเป็นน้ำแข็งคนนี้ นางหลีกเลี่ยงไม่ได้ ยิ่งอยู่ไกลยิ่งดี! และผู้ชายที่ลงมือตบผู้หญิง มีไม่กี่คนที่เป็นคนดี

ดวงตาของฉู่หานมืดมนลง ความเยือกเย็นแผ่ออกมาทำให้ผู้คนรอบข้างไม่กล้าเอ่ยแม้แต่คำเดียว เขามองสายตาของเซี่ยเหยา ไม่เพียงแต่อันตรายเท่านั้น แต่ยังรังเกียจอีกด้วย!

“เซี่ยเหยา! เจ้าทำให้ข้ารังเกียจเสียจริง!” ฉู่หานจ้องมองแผ่นหลังของนาง และเอ่ยเสียงเย็นชา

องครักษ์นอกประตูเงียบกริบ และก้มหัวลง

พระชายากล้าเกินไปแล้ว กล้าพูดว่าท่านอ๋องจะโล้สำเภาไม่ได้!

“ท่านอ๋อง พระชายาพูดส่งเดช อย่าโกรธนางเลยเพคะ” ซ่างกวนเยว่เอนตัวพิงเขา และปลอบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

เพื่อไม่ให้ท่านอ๋องและนางเข้าห้องหอ เซี่ยเหยาจึงใช้ความพยายามอย่างมาก คําพูดไร้สาระแบบนี้ จะหลอกใครได้?

“คําพูดของนาง ข้าฟังแล้วมีแต่จะรังเกียจ”

...

เรือนฝูอวิ๋น

เซี่ยเหยาถูกปลุกให้ตื่นด้วยเสียงร้องไห้ข้างหู

ตอนที่เพิ่งกลับมา ไม่มีบ่าวอยู่ในห้องเลยสักคน

เดิมทีนางนอนอยู่บนเตียงเพื่อรวบรวมความทรงจำใหม่จำนวนมากในหัว แต่ทันใดนั้นก็เกิดเวียนหัวขึ้นมา นางก็ไม่รู้เรื่องอะไรเลย

ทำไมถึงเวียนหัวรุนแรงขนาดนี้?

แม้ว่าการกระแทกเสาจะทำให้เกิดการกระทบกระเทือนทางสมองเล็กน้อย แต่ความรู้สึกเวียนหัวที่เกิดขึ้นไม่น่าจะรุนแรงขนาดนี้!

“พระชายา ฮื่อๆๆ... พระชายา บ่าวไร้ความสามารถ! บ่าวตามหาหมอจนตอนนี้ก็ไม่มีหมอมาที่จวนอ๋องเลย ต่างก็บอกว่าพระชายาหน้าผากกระแทกเป็นแค่แผลเล็กๆ รักษาตัวไม่กี่วันก็หายแล้ว บ่าวไม่มีทางแล้วจริงๆ...” พอหมอเหล่านั้นได้ยินว่าต้องมารักษาพระชายาที่จวนอ๋อง แต่ละคนก็หาเหตุผลต่างๆ เพื่อปฏิเสธ

จื่อฉิงผลักประตูเข้ามาร้องไห้ฟูมฟาย

“บ่าวจะกลับไปหาแม่ทัพใหญ่! เมื่อแม่ทัพใหญ่ออกหน้า ไม่เพียงแต่เชิญหมอหลวงมาได้เท่านั้น แต่ยังขู่ขวัญพวกคนชั่วเหล่านั้นด้วย!” จื่อฉิงคิดหาวิธีได้ฉับพลัน ก็หันหลังจะวิ่งออกไปอีก

“ไม่ต้องหรอก”

“พระชายาฟื้นแล้วหรือเพคะ” จื่อฉิงหันกลับไป และมองด้วยสีหน้าตื่นเต้นดีใจ

เซี่ยเหยายันตัวเองขึ้นมา แล้วมองไปที่จื่อฉิง อาการเวียนหัวที่รุนแรงนั้นยังไม่จางหายไป

จื่อฉิงมีความภักดีต่อเจ้าของร่างเดิม แม้ว่าเจ้าของร่างเดิมจะค่อนข้างหยิ่งผยอง แต่ดีกับจื่อฉิงที่เติบโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก และไว้ใจกันมาก นิสัยของจื่อฉิงก็ตรงไปตรงมาเช่นกัน หากเจ้าของร่างเดิมรังแกคน จื่อฉิงจะใช้สมองช่วยเจ้าของร่างเดิมคิดอย่างหนักว่าจะรังแกอย่างไร ใช้อำนาจข่มแหงรังแกผู้อื่นจะตีความการรังแกคนอื่นอย่างไรให้เต็มที่ หากมีคนรังแกเจ้าของร่างเดิม จื่อฉิงจะรีบวิ่งไปข้างหน้าทันที ด้วยจิตใจที่ซื่อสัตย์และจงรักภักดี ไม่มีอื่น

นายบ่าวทั้งสองใช้ความรุนแรงแก้ปัญหาได้ก็จะไม่ใช้สมองเด็ดขาด ดังนั้น จึงก้าวมาถึงจุดนี้

เซี่ยเหยาถอนหายใจและพยักหน้าเอ่ย “ฟื้นแล้ว”

“ฮื่อๆๆ... ดีใจมาก บ่าวกังวลแทบตายเพคะ” จื่อฉิงดวงตาแดงก่ำกระวนกระวายใจมาก

เมื่อเห็นท่าทางนั้น เซี่ยเหยาก็เอ่ยอย่างอ่อนโยน “ไม่ต้องกังวล ไปเตรียมอาหารเย็นเถอะ”

“อ๊ะ เพค่ะ บ่าวจะรีบไปเดี๋ยวนี้” หลังจากจื่อฉิงเช็ดน้ำตา ก็วิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว

เซี่ยเหยามองแผ่นหลังของจื่อฉิงที่เดินจากไปก็ตกอยู่ในภวังค์ และวินิจฉัยตัวเอง หลังจากนั้นไม่นานก็หัวเราะเยาะ นางถูกวางยาพิษจริงๆ! เจ้าของร่างเดิมไม่ได้ตายเพราะหน้าผากโดนกระแทก แต่ถูกวางยาพิษ แล้วเป็นใครล่ะ? ใบหน้าของซ่างกวนเยว่ผุดขึ้นมาตรงหน้านาง ยกยิ้มมุมปากอย่างเย็นชา จวนอ๋องหานแห่งนี้เป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยภยันตรายจริงๆ สถานการณ์ยุ่งเหยิงครั้งแล้วครั้งเล่า

...

เรือนจื่อเยียน

เทียนสีแดงเล่มหนึ่งกำลังลุกโชน และแกว่งไกวอย่างอบอุ่น

ไกลจากนอกเรือนทุกห้าก้าวสิบก้าว ไม่ให้ใครเข้าใกล้ เพื่อป้องกันเซี่ยเหยาบุกเข้ามาอาละวาด

ในห้อง ซ่างกวนเยว่นั่งอยู่ที่ปลายเตียงลังเลที่จะพูดด้วยท่าทางเขินอาย

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel