บท
ตั้งค่า

บทที่ 6 โจวเยี่ยน

เมื่อเจียงซูหลันทำน้ำหวานให้เด็กๆ แล้ว เธอก็เดินเข้าไปในห้องนอนเพื่อสำรวจตรวจสอบข้าวของของหลินเหม่ยหลันอย่างละเอียด แต่แล้วเจินจูเด็กน้อยที่ก่อนหน้านี้ดูเหมือนว่าจะมีความหวาดกลัวในตัวเธอเป็นอย่างมาก แต่ตอนนี้กลับเดินมานั่งเคียงข้างเธอแล้วพูดกับเธอด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

“คุณแม่คะ น้ำหวานของคุณแม่หวานมากเลยค่ะ และมันอร่อยมากหนูไม่เคยได้กินน้ำหวานที่อร่อยขนาดนี้มาก่อนเลย” เจินจูพูดพลางจ้องมองเธอด้วยสายตาออดอ้อน

“ถึงจะอร่อยมากแต่แม่ขอจำกัดแค่วันละแก้วเท่านั้น ตอนนี้น้ำตาลทรายแดงน่าจะมีราคาสูงพอสมควรทางที่ดีพวกเราควรจะประหยัดเอาไว้” เจียงซูหลันพูดด้วยความปวดใจ แค่นำน้ำตาลทรายแดงมาชงในน้ำร้อนให้เด็กน้อยสองคนดื่มเธอยังต้องกังวลว่าจะสิ้นเปลือง ความรู้สึกเช่นนี้ชวนให้รู้สึกท้อแท้และหดหู่อยู่บ้างแต่เพราะมีความมุ่งมั่นที่จะทำให้ภารกิจสำเร็จเธอจึงมีความหดหู่แค่เพียงวูบเดียวเท่านั้น

“แต่หนูไม่ได้ขอให้ตัวเองนะคะ หนูอยากให้คุณพ่อได้ดื่มน้ำหวานๆ แบบหนูบ้างเท่านั้นเอง” คำพูดของเด็กน้อยทำให้เจียงซูหลันนิ่งงันไปแล้วสุดท้ายเธอจึงได้พูดกับเด็กน้อยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

“ถ้าอย่างนั้นหนูก็ควรจะไปถามคุณพ่อของหนูก่อนว่าเขาอยากดื่มไหม ถ้าหากคุณพ่ออยากดื่มแม่จึงจะทำให้เขา” เจียงซูหลันพูดยังไม่ทันจบประโยคดีเจินจูก็วิ่งออกจากห้องไปแล้วเธอจึงได้สำรวจข้าวของส่วนตัวของหลินเหม่ยหลันต่อ

เสื้อผ้าของหลินเหม่ยหลันมีมากมายหลายตัว แถมยังมีสภาพดีและน่าจะเพิ่งซื้อมาใหม่อีกหลายตัว เงินที่ซุกซ่อนเอาไว้มีอยู่ห้าสิบหยวนซึ่งเจียวซูหลันได้แต่ขมวดคิ้วและกำลังคำนวณว่าเงินจำนวนนี้สามารถใช้จับจ่ายซื้อของได้มากน้อยเพียงใดสำหรับคนในยุคนี้ จากที่เธอเห็นนอกจากเงินจำนวนนี้ที่หลินเหม่ยหลันซุกซ่อนเอาไว้ ในบ้านหลังนี้ก็คงจะมีเงินเหลืออยู่ไม่มากแล้วหรือไม่ก็อาจจะไม่มีเหลืออยู่เลยก็เป็นได้ ตอนนี้เธอจึงต้องระมัดระวังกับการใช้จ่ายเงินแม้ว่ายังมีหลายสิ่งหลายอย่างที่เธออยากจะซื้อก็ตามที

“ทำไมถึงได้ทำหน้าแบบนั้นล่ะ” เจียงซูหลันเอยถามเด็กน้อยเมื่อเห็นว่าเด็กน้อยเดินเข้าห้องมาด้วยสีหน้าเศร้าซึม

“คุณพ่อไม่อยากดื่มน้ำหวานค่ะ แถมยังบอกกับพวกหนูว่าตั้งแต่คืนนี้เป็นต้นไปให้พี่ชายย้ายไปนอนที่ห้องของคุณพ่อค่ะ”

“หืม”

“คุณพ่อบอกว่าพี่ชายเริ่มจะโตแล้ว ควรจะแยกห้องกับคุณแม่และหนูได้แล้วค่ะ” เมื่อเจินจูพูดจบเสี่ยวอวิ๋นก็เดินเข้ามาในห้อง แล้วก็ค่อยๆ เก็บเครื่องนอนของตนเองเพื่อเตรียมขนย้ายออกจากห้อง เจียงซูหลันจึงได้ขยับตัวลุกขึ้นแล้วช่วยเขายกเครื่องนอนออกไปให้

“ไม่ต้องคิดมากหรอก คุณพ่อคงอยากจะให้เสี่ยวอวิ๋นไปคอยดูแลเขาในตอนกลางคืนก็เท่านั้น” เมื่อเจียงซูหลันพูดเช่นนี้สีหน้าของเสี่ยวอวิ๋นก็พลันดีขึ้น เขาพยักหน้าแล้วก็เดินตามเธอไปที่ห้องนอนของพ่อของเขา

เมื่อเจียงซูหลันยกเครื่องนอนเข้าไปในห้องคนในห้องก็หันมาจ้องมองเธอแต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรออกมานอกจากนั่งทำสีหน้าตึงเครียดอยู่เพียงคนเดียว ส่วนเจียงซูหลันเมื่อนำเครื่องนอนไปวางไว้ให้เสี่ยวอวิ๋นแล้วเธอก็หันไปมองพ่อขอเด็กๆ ในใจจึงพึ่งจะคิดได้ว่าเธอลืมไปแล้วว่าในนิยายได้เอ่ยถึงชื่อของสามีของหลินเหม่ยหลันหรือไม่ แต่เมื่อคิดได้ว่าคุณแม่โจวเรียกเขาว่าอาเยี่ยน เธอจึงพอจะคาดเดาได้แล้วว่าเขาน่าจะชื่อโจวเยี่ยนนั่นเอง

“จากนี้คุณจะทำอย่างไรต่อไป คุณตั้งใจจะอยู่ที่นี่แล้วใช่ไหม” โจวเยี่ยนเป็นฝ่ายพูดขึ้นมาก่อนเมื่อเห็นว่าเด็กน้อยสองคนออกจากห้อไปแล้ว

“ใช่แล้วฉันตั้งใจว่าจะอยู่ที่นี่” เจียวซูหลันพูดพลางพยักหน้าให้ตนเอง แล้วจึงได้เห็นเขาดึงซองหนังออกมาจากใต้หมอนแล้วยื่นให้เธอ

“ผมเก็บเงินเอาไว้จำนวนหนึ่ง คุณเอาไปใช้ซื้อของกินของใช้ที่จำเป็นเถอะ” เมื่อเขาพูดเช่นนี้เจียวซูหลันก็พลันขมวดคิ้วแล้วจ้องมองเขาอย่างระมัดระวัง

“คุณไม่กลัวว่าฉันจะเชิดเงินจำนวนนี้แล้วหนีจากคุณและลูกไปหรือ” เมื่อเจียงซูหลันพูดเช่นนี้โจวเยี่ยนก็ทำสีหน้าเหี้ยมเกรียมใส่เธอ

“ก็ลองทำอย่างนั้นดูสิ รับรองว่าผมจะต้องตามล่าหาตัวคุณมาลงโทษให้ได้อย่างแน่นอน” เมื่อเขาพูดเช่นนี้สีหน้าของเขาก็พลันเหมือนคนบางคนที่เธอเคยคุ้นเคยในทันที เจียงซูหลันเดินเข้าไปหาเขาแล้วก็จ้องมองเขาด้วยสีหน้าเย็นชา

“ต่อไปอย่าได้พูดจาข่มขู่ฉันเช่นนี้อย่างเด็ดขาด ถ้าคุณอยากให้ฉันอยู่ที่นี่เป็นภรรยาที่ดีและเป็นแม่ที่ดีก็อย่าได้ใช้น้ำเสียงเหมือนเมื่อครู่นี้กับฉันอีก ฉันไม่ชอบ”

“หึหึ! ถ้าอย่างนั้นก็อย่าได้ท้าทายผมด้วยการเชิดเงินแล้วหนีไป” เมื่อเขาพูดเช่นนี้เจียงซูหลันก็ยกมือขึ้นแล้วยื่นไปอังที่หน้าผากของเขา

“คุณจะทำอะไร” คำถามของโจวเยี่ยนทำให้เจียวซูหลันยิ้มออกมา

“ก่อนที่จะข่มขู่คนอื่น ช่วยดูสุขภาพของตนเองด้วยคุณหน้าแดงถึงขนาดนี้ทีแรกฉันยังหลงคิดว่าคุณกำลังไม่พอใจจนหน้าแดง แต่ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าที่แท้คุณก็กำลังมีไข้ขึ้นสูงนี่เอง” เจียงซูหลันพูดพลางทอดถอนใจออกมา

ส่วนโจวเยี่ยนนั้นเขาเม้มปากแน่นแล้วขยับตัวเพื่อหนีให้พ้นจากมือที่กำลังวัดไข้ของเจียงซูหลัน สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความไม่ยินยอมและความจนใจไปพร้อมๆ กัน ทำให้เจียงซูหลันอดส่ายหน้าไม่ได้ ในใจก็ได้แต่คิดว่าไม่ใช่แค่เพียงมีใบหน้าเหมือนกันแม้แต่นิสัยก็ยังไม่แตกต่างกันอีกด้วย เพียงแต่สิ่งที่ทำให้คนอย่าลู่หยางหมิงแตกต่างจากโจวเยี่ยนก็คือเขาไม่เคยคิดจะเหนี่ยวรั้งเธอเอาไว้ ในสายตาของเขามีแค่เพียงภารกิจของตนเองเท่านั้นที่สำคัญ ส่วนเธอเป็นแค่เพียงจอกแหนที่ลอยผ่านเข้าไปในชีวิตของเขาแล้วก็ลอยจากมาเพียงเท่านั้น ไม่ได้มีความสำคัญในชีวิตของเขาเลยสักนิด

“ยาของคุณอยู่ไหน” เมื่อเจียงซูหลันถามเช่นนี้เขาก็ชี้ไปยังโต๊ะที่วางห่อยาจีนและยาแผนปัจจุบันที่ใช้ในยุคนี้ ในห่อยาและซองยาเขียนระบุเอาไว้ว่าเป็นยาลดไข้ เจียงซูหลันจึงได้ตัดสินใจหยิบยาลดไข้แผนปัจจุบันขึ้นมาแล้วแกะออกจากซอง เทน้ำใส่แก้วแล้วนำไปยื่นให้เขา

“กินยานี่ซะ” เมื่อเจียงซูหลันยื่นยาไปให้เขา เขาก็รับไปกินในทันที แล้วก็ทอดถอนใจออกมาด้วยความจนใจ

“ผมอยากพักผ่อนแล้ว” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเหนื่อยอ่อน เอนตัวลงนอนบนที่นอนแล้วก็พลิกตัวหันหลังให้ เจียงซูหลันจ้องมองแผ่นหลังของเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสับสนอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงได้เดินจากไป เมื่อเธอเดินออกจากห้องไปแล้วคนบนเตียงจึงได้พลิกกายกลับมาแล้วจ้องมองจุดที่เธอยืนอยู่เมื่อครู่นี้ด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความตึงเครียด

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel