บทที่ 1 คุณหนูรองตระกูลซ่งผู้ถูกทอดทิ้ง
ตำบลเลี่ยงหลินเป็นพื้นที่ห่างไกลซ้ำยังทุรกันดาร เรื่องเกษตรกรรมการเพาะปลูกล้วนฝืดเคือง ฝนฟ้าไม่ตกต้องตามฤดูกาล แม้จะนับว่าอยู่ในเขตการปกครองของแคว้นฮุ่ยเหอซึ่งมากล้นด้วยพืชพรรณธัญญาหารอุดมสมบูรณ์ ทว่าการช่วยเหลือเยียวยาชาวบ้านยามแร้นแค้นกลับได้รับเพียงกะพร่องกะแพร่ง เกรงว่าบรรดาขุนนางที่ดูแลเขตแดนแห่งนี้ ล้วนมีแต่พวกคดโกง อาศัยว่าตนมีอำนาจและตำแหน่งสูงส่งผนวกความรู้มากหน่อย ก็เอาเปรียบชาวบ้านตาดำ ๆ โดยคิดว่าเทพไม่รู้ผีไม่เห็น
ซ่งซูหลานก้ม ๆ เงย ๆ อยู่ริมลำธารกลางป่าไผ่ นางเป็นคุณหนูรองตระกูลซ่งทว่าบิดากลับไม่เหลียวแล ส่งตัวของนางมายังตำบลที่แสนอัตคัด เพียงเพราะหลงงมงายในคำทำนายไม่มีมูล แม้ซ่งซูหลานทราบดีว่าเป็นกลอุบายของฮูหยินรองกระนั้นนางก็เป็นลูกที่เกิดมาแล้วทำให้มารดาของตนต้องสิ้นใจจริง ๆ หากบิดาจะเกลียดชังบุตรสาวเช่นนางก็คงสมควรกระมัง
"คุณหนูเจ้าคะ ท่านทำเหยาะแหยะเช่นนั้นแล้วเมื่อใดจะเสร็จเล่า ตะวันจะลับขอบฟ้าแล้วเร่งมือเข้าเถิด"
เสียงสตรีวัยกลางคนแผดขึ้น ลี่ถังเป็นผู้ดูแลเรือนของที่นี่ ตระกูลซ่งกว้านซื้อที่ดินและเรือนหลายหลังเอาไว้ บิดาของซ่งซูหลานส่งตัวบุตรสาวมาอยู่กับนางตั้งแต่แบเบาะ ซ่งซูหลานถูกเลี้ยงดูโดยแม่บ้านลี่หรือลี่ถัง นางไม่เคยถูกประคบประหงมจากบ่าวผู้นี้เลยสักหน ถึงแม้ตนเป็นคุณหนูรองของตระกูลก็ตาม ตรงกันข้าม ซ่งซูหลานถูกเลี้ยงดูดุจดั่งลูกของบ่าวไพร่ผู้หนึ่ง อาหารการกินที่ดีที่สุดของนางคงนับว่าเป็นโจ๊กต้มเกลือกระมัง
เรียวมือเล็กยกขึ้นปาดเหงื่อ ใบหน้าเกลี้ยงเกลาทว่าเหลืองซูบแหงนขึ้น นางเหลือบมองผ้าที่ยังไม่ได้ซักพะเนินเทินทึกกองกันอยู่ ก็พลันผ่อนหายใจด้วยความเหน็ดเหนื่อย
ซ่งซูหลานตอบกลับเสียงค่อย "แม่บ้านลี่ กลับไปพักผ่อนเถิด ไว้เรียบร้อยแล้วข้าจะตามไป"
"หึ!...ตามใจท่าน รีบมาให้ทันมื้อเย็นเล่า ไม่เช่นนั้นหมดก่อนอย่ามาต่อว่าข้าเชียว" ลี่ถังกระฟัดกระเฟียดเดินจากไป
ลำพังนางเลี้ยงดูบุตรของตนถึงสองคนก็ลำบากมากพอแล้ว หน้าที่ของนางคือการดูแลเรือนหลังโตซึ่งตั้งอยู่ท่ามกลางพื้นที่ทุรกันดารซ้ำยังห่างไกลความเจริญมิให้ทรุดโทรม กระนั้นซ่งหยวนหมิงกลับส่งบุตรสาวของตนมาให้นางดูแลอีกหนึ่ง เงินเดือนหรือก็หาได้เพิ่มมาสักอีแปะ นางเลี้ยงดูลูกที่พ่อทอดทิ้ง ซ้ำยังเป็นบุตรมาตุฆาตมารดาจนเติบใหญ่ได้ถึงเพียงนี้ก็นับว่าบุญหัวเท่าใดแล้ว
ทว่ากลับมิใช่เรื่องโชคร้ายเสมอไป ครั้นเมื่อซ่งซูหลานอายุไม่กี่หนาวนางก็สามารถช่วยลี่ถังแบ่งเบาภาระงานบ้านงานเรือนได้มากโข ในเมื่อฮูหยินรองบอกเองว่าไม่ต้องดูแลนางอย่างดี เช่นนั้นสิ่งที่ลี่ถังกระทำไปคงถูกจุดประสงค์ของนายหญิงแล้วกระมัง
ซ่งซูหลานมองตามอีกฝ่ายก็พลอยส่ายศีรษะ จากนั้นจึงก้มหน้าก้มตาทำงานที่ล้นมือต่อไป อาทิตย์กำลังอัสดง ซ่งซูหลานจึงเร่งทำความสะอาดเสื้อผ้าเหล่านั้นอย่างขมีขมัน ทว่าไม้ที่ใช้เคาะตียามซักกลับหลุดมือลอยละล่องไปตามกระแสน้ำ นางจึงสาวเท้าลงไปด้วยความทุลักทุเลพลางเอื้อมคว้าไม้ขนาดพอเหมาะซึ่งลอยห่างออกไปเรื่อย ๆ
ตู้ม!
ซ่งซูหลานหน้าคะมำหล่นลงน้ำ ผู้ใดจะทันคาดคิดว่าลำธารแห่งนี้ช่างลึกนัก ที่สำคัญยิ่งกว่านั้น ซ่งซูหลานว่ายน้ำไม่เป็น!
"...ช่วยด้วย!"
มือเรียวพยายามตะเกียกตะกายเพื่อขอความช่วยเหลือ มือทั้งสองโผล่พ้นผิวน้ำ ใบหน้าพยายามแหงนเงยเพื่อหายใจรับอากาศเข้าปอด กระนั้นนางกลับดื่มน้ำเข้าไปหลายอึกแล้ว ซ่งซูหลานตบตีน้ำจนแตกกระจายพร้อมศีรษะซึ่งผลุบ ๆ โผล่ ๆ
"ชะ...ช่วยด้วย...ไม่ไหวแล้ว"
ร่างบอบบางลอยไปตามกระแสน้ำเชี่ยวกราก พร้อมกับเรี่ยวแรงที่หลงเหลือเพียงกะพร่องกะแพร่ง เปลือกตาบางค่อย ๆ ปิดปรือเมื่อกายจมดิ่งลงใต้ผืนน้ำ ซ่งซูหลานคงไม่มีโอกาสรอดชีวิตแล้ว ถึงอย่างไรการมีลมหายใจอยู่บนโลกใบนี้ก็ไม่เคยใจดีกับนางเลยสักนิด ต่อให้นางทำดีเป็นร้อยเท่าพันทวีกลับไม่เคยมีผู้ใดมองเห็น เช่นนั้นจิตวิญญาณดวงนี้ปรโลกก็มารับนางไปเถิด...
ลมหายใจสุดท้ายที่ถูกกลั้นเอาไว้จึงขาดสะบั้นลงในที่สุด ผืนป่ากลับสู่ความเงียบสงัด ร่างบอบบางยังคงลอยเคว้งอยู่ใต้ผืนธารา ทว่าลี่ถังกลับไม่คิดมาตามซ่งซูหลานสักนิด ซ้ำยังนั่งทานอาหารกับลูกชายของตนด้วยท่าทีสบายอารมณ์ยิ่ง หยางเชาเด็กน้อยวัยสามขวบชะเง้อตามองว่าเมื่อใดซ่งซูหลานจะกลับเสียที
"ท่านแม่ พี่ฉาวยังไม่กลับอีกหรือขอรับ อาหารจะหมดอยู่แล้ว ท่านไม่แบ่งไว้ให้นางหรือ"
ลี่ถังตวัดสายตามองฉับ มือที่ป้อนอาหารให้เด็กน้อยราวหนึ่งขวบชะงักลง
"หม่ำ หม่ำ" เด็กแก้มยุ้ยพยายามยืดใบหน้าเพื่องับเอาข้าวในมือของมารดา
"อาเชา เจ้าเป็นห่วงนางยิ่งกว่ามารดาเช่นข้าเสียอีก ข้าบอกนางให้เร่งกลับมาแล้ว ในเมื่อนางไม่ยอมทำตามที่ข้าบอกเช่นนั้นอาหารนี่ก็ไม่ต้องเหลือ กินให้หมด!"
เด็กน้อยหน้าสลดลงเดี๋ยวนั้น ตอบรับเสียงแผ่ว "ขอรับ"
"ข้าล่ะหน่ายกับเจ้า ทำราวกับว่าเป็นพี่น้องคลานตามกันมา เจ้าจำเอาไว้ต่อให้นางเป็นคุณหนูรอง แต่นางเป็นตัวกาลกินี ไยชอบเข้าใกล้นางนัก หากข้าเห็นเจ้าข้องเกี่ยวเที่ยวเล่นกับนางอีกจะฟาดให้หลังลาย"
หยางเชาก้มหน้างุด เขาเป็นลูกของลี่ถังก็จริงอยู่ ทว่านิสัยใจคอกลับแตกต่างจากมารดามากนัก แม้อายุเพียงไม่กี่ขวบกลับรู้ประสามากกว่าผู้ใหญ่บางคน
"ค่ำมืดแล้ว กินเสร็จก็เก็บด้วยเล่า ข้าจะพาหยางเอ๋อร์เข้านอน" ลี่ถังก้มลงอุ้มบุตรชายคนเล็กขนาบเอว เด็กน้อยโบกไม้โบกมืออ้อแอ้
หยางเชากวาดสายตามองอาหารบนโต๊ะที่เหลือไม่ถึงครึ่ง เจ้าตัวเล็กไม่หยิบตะเกียบทานต่อ เพียงเก็บอาหารที่ยังมีเนื้อบ้างประปราย พร้อมข้าวสวยหนึ่งถ้วยซ่อนเอาไว้ไม่ให้ลี่ถังเห็น เด็กน้อยชะเง้อมองทางต่อไปอย่างมีหวัง
"พี่ฉาวท่านไปเล่นชาหนุกที่ใดกัน มืดค่ำเพียงนี้ยังไม่กลับอีกหรือ อาเชาเป็นห่วงท่าน" หยางเชานั่งเฝ้าอาหารถ้วยนั้นเพื่อรอซ่งซูหลานด้วยใจห่อเหี่ยว เทียนที่จุดไว้เพื่อให้ความสว่างค่อย ๆ หรี่แสงลงเรื่อย ๆ น้ำตาเทียนย้อยหยดดุจใครบางคนกำลังร่ำไห้ เนื่องจากยามนี้ดึกมากแล้ว เด็กน้อยไม่อาจทานทนความง่วงงุนไหว ใบหน้าเล็กคล้อยต่ำลงเนิบช้า กระทั่งแก้มป่องแนบลู่บนโต๊ะอาหาร หยางเชาพลันม่อยหลับลงในที่สุด
.
.
บุ๋ง บุ๋ง บุ๋ง...
เฮือก!!...
ซ่งซูหลานโผล่พรวดขึ้นเหนือผิวน้ำ นางแหงนหน้าอ้าปากพะงาบๆ เฉกเช่นตะพาบโผล่หัว เสียงหอบหายใจกะพร่องกะแพร่งสะท้อนก้องไปทั่วผืนป่า นัยน์ตาดอกท้อกวาดมองสรรพสิ่งท่ามกลางความอนธการ
"นี่มันที่ไหนกัน!?"
ซ่งซูหลานเบิกตากว้างตะลึงลาน นางยกมือทั้งสองของตนขึ้นสำรวจ พลางตบเปาะแปะบริเวณใบหน้าซีดขาวดุจไร้วิญญาณเพื่อเรียกสติ ฝ่ามือเย็นเยียบลูบคลำสะเปะสะปะด้วยความงุนงง
"เกิดอะไรขึ้น เรามาอยู่ในน้ำได้ยังไง จำได้ว่าก่อนหน้ายังทำงานวิจัยอยู่ในห้องทดลอง แล้วนี่ นี่..." ริมฝีปากบางเฉียบขึ้นสีม่วงคล้ำ อ้าค้างสั่นระริกด้วยอาการตื่นตระหนก หัวสมองของนางว่างเปล่าขาวโพลนชั่วขณะ เมื่อตั้งสติได้แล้วซ่งซูหลานจึงพยายามตะกุยตะกายพาร่างอันไร้เรี่ยวแรงขึ้นจากน้ำ พลางหายใจเหนื่อยหอบ ซ่งซูหลานขบคิดอย่างไรก็คิดไม่ตก
เสียงฝีเท้าย่างกรายเข้าใกล้จากทางเบื้องหลัง พร้อมดวงไฟให้ความสว่างหรุบหรู่ดุจผีน้อยแขวนคอล่องลอยเข้าใกล้ ทว่ายามนี้ซ่งซูหลานหูดับสติหลุดลอยไปเสียแล้ว คิ้วเรียงสวยเคลื่อนเข้าหากันแทบผูกเป็นปม
"พี่ฉาว...ท่านอยู่ที่นี่เองหรือ" เสียงเด็กเรียกจากทางด้านหลัง
ซ่งซูหลานผงะพลันแหงนหน้าขึ้นเนิบช้าด้วยหัวใจไหวระรัว อากาศหนาวทำให้กายสั่นสะท้านไม่พอ คนเบื้องหน้ายิ่งส่งผลให้ริมฝีปากบางกระตุกยิก ๆ พร้อมฟันที่กระทบกันจนแทบสิ้นสติ
"เหวอ ผะ...ผีเด็ก!!"
หยางเชาตื่นตระหนก ขว้างโคมไฟในมือทิ้ง จากนั้นกระโดดโหยงลงมาเกาะแขนผู้ที่ตนเรียกว่าพี่สาวเดี๋ยวนั้น
"ผะ...ผีหรือ ไหนขอรับ ไหน!?"
ซ่งซูหลานตัวแข็งทื่อ ลมหายใจของนางผิดจังหวะไปเสียหมด
"นะ...หนูเป็นใคร"
เด็กน้อยแหงนหน้ามองซ่งซูหลาน พลางคลี่ยิ้มอวดเหงือกที่ฟันหน้าหายไปถึงสองซี่ มิน่าเล่าเขาถึงเรียกนางว่าพี่สาวไม่ชัดเจน "พี่ฉาว ท่านหิวข้าวจนชาติเลอะเลือนเชียวหรือ"
"หา...พี่ฉาว เอ๊ย!...พี่สาว เมื่อกี๊หนูเรียกพี่ใช่ไหมจ๊ะ" ซ่งซูหลานกะพริบตามองอีกฝ่ายปริบ ๆ พลางชี้นิ้วไปที่ตน
หยางเชาพยักหน้าหงึกหงัก "อาหารเย็นชืดแล้ว ท่านรีบกลับไปกินก่อนท่านแม่จะตื่นเถิด"
ซ่งซูหลานอึ้งงัน นางไม่ทราบว่าตนมาโผล่ในพื้นที่เปลี่ยวร้างเช่นนี้ได้อย่างไร คงมีเพียงการตามเด็กคนนี้ไปเสียก่อน แล้วเหตุใดกายของนางจึงเปียกมะล่อกมะแล่กประดุจลูกสุนัขจมน้ำ นี่เป็นความฝันหรือเรื่องจริงกันแน่ นางคงไม่ได้ทำการทดลองแล้วเกิดระเบิดจนสมองเลอะเลือนใช่หรือไม่
