แบ่งซาลาเปาให้พ่อแม่สามี
ช่วงค่ำหยูเจี้ยนใช้ตะเกียงน้ำมันก๊าดเพื่อจุดให้แสงสว่าง คืนนี้เธอต้องการห่อซาลาเปาให้เสร็จและพร้อมนึ่ง มีอาผิงและอาเหมาที่เป็นผู้ช่วย สำหรับงานแบบนี้อิ้นผิงทำได้ค่อนข้างดี แต่วิธีจับจีบซาลาเปาค่อนข้างซับซ้อน เพราะฉะนั้นคนเป็นแม่จึงให้อาผิงกับอาเหมาแค่เตรียมแป้งเป็นชิ้นแบนๆ เท่านั้น
ไส้เนื้อสับเป็นชิ้นผสมกับกะหล่ำปลี จากเนื้อที่ไม่ได้เยอะเมื่อผสมผักไปด้วย ยิ่งทำให้ไส้ซาลาเปามากยิ่งขึ้น แต่จากความทรงจำของร่างเดิมแล้ว เธอเชื่อว่าซาลาเปาฝีมือเธอต้องอร่อยที่สุดในยุคนี้
ได้ซาลาเปามากถึงยี่สิบห้าลูก กว่าจะนึ่งซาลาเปาเสร็จเรียบร้อย เด็กๆ ก็หลับไปแล้ว ส่วนคนเป็นแม่ก็จัดการล้างเนื้อและล้างตัวเข้านอนเหมือนกัน เพราะพรุ่งนี้วางแผนให้พวกเด็กๆ เอาซาลาเปาไปให้ปู่กับย่าที่บ้านใหญ่ แต่อีกใจถ้าปล่อยให้เด็กๆ ไปตามลำพัง ผู้หญิงอันธพาลอย่างพี่สะใภ้รอง ต้องหาทางรังแกเด็กๆ เอาได้ง่ายๆ เมื่อมีเธอเป็นแม่ก็อย่าหวังว่าใครจะมาทำอะไรเด็กๆ ได้
ค่ำคืนแรกที่ได้นอนที่นี่ เป็นค่ำคืนที่มีความสุขกับสัมผัสการนอนที่ดีที่สุด ที่นอนนุ่มกลิ่นผ้าห่มที่เหมือนกับผ้าห่มใหม่ สัมผัสนุ่มสบายทำให้คนที่ทำงานอย่างเมื่อยล้า หลับไปอย่างง่ายดาย
เช้าวันใหม่หยูเจี้ยนรีบตื่นขึ้นมาในช่วงเช้า เธอรีบอุ่นซาลาเปาก่อนที่จะรีบปลุกเด็กๆ ขึ้นมาล้างหน้า เธอกับเด็กๆ จะเอาซาลาเปาไปให้พ่อแม่สามีในวันนี้ ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นการเผชิญหน้ากับครอบครัวสามีร่างเดิมเป็นครั้งแรกที่เธอมาอยู่ที่นี่
อาผิงกับอาเหมาตื่นขึ้นมาจากการนอนอย่างมึนงง
"รีบตื่นไปล้างหน้า แม่จะพาลูกๆ เอาซาลาเปาไปฝากปู่กับย่า"
"อะไรนะคะ ให้ปู่กับย่าหรือคะ"
อิ้นผิงไม่คิดว่าแม่มีความคิดที่จะแบ่งอาหารอร่อยไปให้ปู่กับย่าด้วย เป็นแบบนั้นมันเป็นสิ่งที่ดี เพราะบ่อยครั้งย่ามักจะมอบอาหารให้เธอกับน้อง การที่แม่ต้องการแสดงความกตัญญูกับปู่และย่าแทนพ่อ นั่นนับว่าเป็นสิ่งที่ดี
หยูเจี้ยนหยิบซาลาเปาใส่ชามไปทั้งหมดห้าลูก เธอตั้งใจจะมอบให้พ่อแม่สามีเท่านั้น เพราะไม่มีความจำเป็นที่จะเตรียมเอาไว้ให้คนอื่นหลังจากนั้น
ทุกคนเตรียมพร้อมที่จะไปบ้านใหญ่แล้ว เสียงดังจากบ้านใหญ่บ่งบอกให้รู้แล้วว่า ถึงตอนนี้คนบ้านใหญ่คงตื่นขึ้นมาหมดทุกคนแล้ว
หยูเจี้ยนเดินเข้าไปพร้อมกับทักทายพ่อแม่สามี การปฏิบัติตัวที่ดีในตอนนี้ ทำให้พ่อแม่สามีมองใบหน้าลูกสะใภ้คนเล็กประหลาดใจอย่างกับเห็นผี
"สวัสดีค่ะพ่อแม่สามี ฉันทำซาลาเปาหลายลูก วันนี้จึงเอามาให้พ่อกับแม่ด้วยค่ะ"
หยูเจี้ยนยื่นชามซาลาเปาลูกใหญ่ห้าลูกไปให้แม่สามี เพราะแป้งสีขาวกลิ่นเนื้อด้านในโชยออกมา ถึงกับมีเนื้ออยู่ในไส้ซาลาเปานี้ด้วยอย่างนั้นหรือ
"ซาลาเปาเนื้ออย่างนั้นหรือ"
แม่สามีเอ่ยถามลูกสะใภ้คนเล็กอย่างประหลาดใจ จะไปหาเนื้อมากมายขนาดนี้มาจากไหน หรือว่าหยูเจี้ยนถึงขั้นกล้าไปซื้อเนื้อจากตลาดมืด
"กลิ่นเนื้อนี่คะแม่ ดีเหลือเกินอิ้นฟางไม่ได้กินเนื้อมานานแล้ว"
สะใภ้รองเอ่ยออกมาหลังจากเห็นซาลาเปา ดวงตาของเธอพราวระยับเพราะว่าต้องการซาลาเปาไส้เนื้อนั่น แม้ว่าไม่ชอบหยูเจี้ยนเท่าไหร่ แต่ไม่ได้รวมถึงอาหารพวกนั้นนี่
"แม่คะ ซาลาเปาพวกนี้ฉันตั้งใจนำมาแสดงความกตัญญูแก่แม่กับพ่อ อย่างไรตอนนี้พวกเราสามแม่ลูกขอตัวก่อน"
สายตาของหยูเจี้ยนมองหน้าสะใภ้รองด้วยสายตาไม่เป็นมิตรเท่าไหร่ แม้ว่าจะไม่ชอบใจสะใภ้รองเท่าไหร่ แต่ในอดีตร่างเดิมไม่กล้าแสดงกิริยาแบบนี้ออกมา
หลินซีมองหยูเจี้ยนด้วยสายตาไม่พอใจ การที่พูดออกมาแบบนั้นกับการจ้องมองแบบไม่ไว้หน้า เท่ากับระบุชัดเจนว่านอกจากพ่อกับแม่แล้ว ซาลาเปาพวกนั้นคนอื่นไม่มีสิทธิ์แตะต้อง
แม่สามีมีสายตาที่ดีขึ้นสำหรับลูกสะใภ้คนเล็ก จากการแต่งตัวของเด็กๆ เหมือนว่าหยูเจี้ยนจะเปลี่ยนแปลงไปจริงๆ ถึงแม้ว่าจะกล้าใช้จ่ายฟุ่มเฟือย แต่เมื่อนั่นแลกกับการกินที่ดีของหลานๆ ที่น่าสงสาร แค่เปลี่ยนแปลงให้ดีขึ้นมากกว่าเดิมนั่นก็ดีแล้วไม่ใช่หรือ
สะใภ้ใหญ่มองซาลาเปาในชามห้าลูกนั้นพลางกลืนน้ำลาย แม้ว่ามันจะน่ากินมาก แต่นั่นมันเป็นของที่สะใภ้เล็กนำมาแสดงความกตัญญูต่อพ่อกับแม่สามี
ในบ้านมีคนเจ็ดคน แต่ซาลาเปามีห้าลูก คนเป็นแม่สามีใช้วิธีการเลือกให้ผู้ชายกินก่อน หลังจากนั้นก็เหลือซาลาเปาหนึ่งลูก คนเป็นแม่ตัดสินใจมอบให้แก่อิ้นฟาง หลานสาวเพียงคนเดียวในบ้าน
ซาลาเปารสชาติดี ความนุ่มและน้ำมันจากเนื้อแผ่กระจายสู่ลิ้น มันอร่อยจนแทบอยากจะกลืนลิ้นลงท้อง ไม่น่าเชื่อว่าคนขี้เกียจอย่างหยูเจี้ยน จะทำอาหารออกมารสชาติดีแบบนี้
สะใภ้ใหญ่เข้าใจในการตัดสินใจของแม่สามี แม้ว่ารู้สึกอยากกินซาลาเปานั่นมันมากขนาดไหน แต่ก็เข้าใจว่าเธอต้องเสียสละ สามีที่แอบแบ่งซาลาเปาเอาไว้ในกระเป๋าเสื้อ ยื่นมาให้ภรรยาหลังจากที่เข้าห้องนอน
"แล้วคุณไม่กินหรือคะ"
"ผมกินไปแล้วส่วนหนึ่งครับ ผมรู้ว่าคุณต้องอยากกินมันเหมือนกัน แต่น้องสะใภ้ทำอาหารออกมาอร่อยมากๆ"
"จริงหรือคะ"
เอ้อฉิงไม่ลังเลที่จะกัดซาลาเปาอีกครึ่งลูกลงท้อง รสชาติเนื้อแผ่ซ่านอยู่ในลำคอจนไม่อยากจะกลืนลงไป รสชาติซาลาเปาของหยูเจี้ยนรสชาติอร่อยจนแทบไม่อยากหยุด แต่เผลอไม่นานเธอก็กลืนซาลาเปาครึ่งลูกลงท้องไปจนหมดแล้ว
ทั้งที่เธอแต่งงานเข้ามาในบ้านอิ้นก่อนน้องสะใภ้รอง แต่เธอยังคงเป็นแม่ไก่แก่ที่ออกไข่ไม่ได้ สามีต้องการมีลูกชายเหมือนกัน บางครั้งแม่สามียังเรียกเธอไปตำหนิเรื่องที่เธอไม่สามารถมีหลานได้ ทั้งที่จริงมันไม่ได้เป็นความผิดของเธอเลย
หลินซีมักจะเอาเรื่องที่เธอไม่มีลูกมาแขวะเอ้อฉิงอยู่บ่อยครั้ง นิสัยของหลินซีเป็นแบบไหนมีหรือที่จะมีคนในบ้านไม่รู้ แต่ทว่าแม้แม่สามีจะตักเตือนไปบ่อยขนาดไหน หลินซีก็ไม่ได้มีท่าทีที่จะสำนึกได้จริงๆ สักครั้ง
ช่วงนี้ชาวบ้านไม่ได้ลงทุ่งนา เพราะฉะนั้นงานของผู้ชายในบ้านนั่นคือการหาฟืนมาเติมในโรงฟืนให้เต็ม ส่วนบ้านไหนที่ไม่มีผู้ชาย บ้านนั้นก็มักจะลำบากไปสักหน่อย อย่างบ้านของหยูเจี้ยนที่ต้องควักเงินเพื่อจ่ายค่าฟืน
ชาวบ้านมักลงความเห็นว่าการควักเงินส่วนหนึ่งจ่ายค่าฟืน มันเป็นการจ่ายที่ไม่สมควรที่จะจ่าย ใครๆ ก็มีมือมีเท้า คนที่เลือกจะซื้อคือคนที่ขี้เกียจเอาเสียมากกว่า
ส่วนเด็กๆ ที่กลับจากบ้านใหญ่ก็รีบกัดซาลาเปาหนึ่งลูกลงท้อง ซาลาเปาแค่หนึ่งลูก ก็ทำเอากระเพาะเล็กแน่นไปหมด แต่รสชาติซาลาเปาไส้เนื้อของแม่นี่รสชาติดีจริงๆ ไม่รู้ว่าหลังจากที่ปู่กับย่าได้ลองชิมซาลาเปาของแม่เข้าไป จะรู้สึกอย่างไรกันนะ
"แม่คะ ซาลาเปาแบบนี้ รสชาติมันอร่อยที่สุดไปเลยค่ะ"
"ก็แน่นอนอยู่แล้ว ในเมื่อซาลาเปาพวกนี้ พวกลูกช่วยแม่ทำด้วยนี่"
"จริงด้วยครับ อาเหมาก็มีส่วนในการช่วยทำซาลาเปาเหมือนกัน อีกหน่อยโตขึ้นอาเหมาจะเป็นพ่อครัวที่ทำอาหารได้อร่อยไม่แพ้แม่เลย"
"อาเหมาชอบทำอาหารอย่างนั้นหรือ"
หลังจากที่ได้ยินหยูเจี้ยนแอบประหลาดใจเล็กน้อย ไม่มีลูกชายบ้านไหนกันในยุคนี้ที่มีความคิดอยากเป็นพ่อครัว แต่นั่นถือว่าไม่ได้เป็นความต้องการที่ผิด ในยุคที่เธอจากมาผู้ชายที่เป็นพ่อครัว สามารถเปิดร้านสร้างรายได้มากกว่าพนักงานรายได้ประจำหลายเท่านัก
"พี่ไม่เคยเห็นผู้ชายเป็นพ่อครัวมาก่อนนะ"
อาผิงเอ่ยขึ้นอย่างประหลาดใจในความคิดของน้องชาย แต่เห็นว่าแม่ยังคงยิ้มและไม่ได้ดุด่าเหมือนตอนปกติ กลับกันแม่กลับแสดงกิริยาอย่างอ่อนโยน
"แค่อาเหมาอยากเป็น แม่คนนี้พร้อมจะสนับสนุน หลังจากเข้าเรียนลูกต้องตั้งใจเรียนหนังสือนะ ในอนาคตแม่จะส่งเสริมให้ลูกชายแม่เป็นพ่อครัวจริงๆ แล้วอาผิงล่ะ รู้หรือยังว่าโตขึ้นมาอยากเป็นอะไร เริ่มคิดเอาไว้ได้แล้วนะ การตั้งเป้าหมายเป็นเรื่องที่ลูกควรทำ"
"หมายความว่าหนูอยากทำอะไรก็ได้อย่างนั้นหรือคะแม่ หนูทำได้จริงๆ หรือคะ"
"แน่นอน ลูกสามารถทำมันได้ทุกอย่าง แม่คนนี้พร้อมสนับสนุนลูกเสมอ เมื่อไหร่ที่ลูกของแม่มีความตั้งใจ แม่เชื่อว่าพวกลูกต้องทำมันได้อย่างแน่นอน ว่าแต่ลูกอยากเป็นอะไรหรือ"
"หนูอยากเป็นหมอค่ะ ในอนาคตเมื่อคนในครอบครัวไม่สบาย หนูจะได้รักษาให้ทุกคนได้"
เหตุผลอีกอย่างเพราะอิ้นผิงฝังใจเรื่องสุขภาพที่ไม่แข็งแรงของอาเหมา ทุกครั้งแม่จะปฏิเสธการรักษาที่โรงพยาบาลในเมือง เหตุผลเพราะว่าค่ารักษาพยาบาลมันแพงมาก ทุกครั้งที่น้องชายไม่สบาย จะต้องหายเองเสมอ เธอที่เป็นพี่สาวแค่มีความคิด ถ้าเธอเป็นหมอก็สามารถรักษาน้องชายและคนในครอบครัวเองได้
หยูเจี้ยนกอดลูกสาวที่มีแววตาเข้มแข็ง เธอเข้าใจดีว่าภายในใจของเด็กผู้หญิงคนนี้มีบาดแผลมากมายที่ได้รับจากการเลี้ยงดูไม่เหมาะสม ร่างเดิมไม่เหมาะกับคำว่าแม่เลยสักนิด
"ต่อจากนี้ลูกจะไม่มีทางรู้สึกแย่แบบนั้นอีกแล้ว"
หยูเจี้ยนพึมพำกับลูกสาวในอ้อมกอด อิ้นผิงพยักหน้าอย่างเข้าใจ ก่อนที่เธอจจะเงยหน้าขึ้นมาส่งยิ้มให้กับแม่อีกครั้งอย่างสดใส ทั้งที่สองข้างแก้มยังมีคราบน้ำตาอยู่
