บทย่อ
นอนหลับอยู่ดี ๆ ลืมตาอีกทีทะลุมิติมาอยู่ในร่างของแม่หม้ายลูกติดในยุคโบราณซ่ะได้ ในเมื่อสวรรค์ต้องการให้เป็นอย่างนี้ นางจะเป็นมารดาที่ดีและเลี้ยงดูบุตรชายแสนน่ารักผู้นี้ให้เติบโตเอง บทนำ เสี่ยวหลินสาวสวยในยุค 2024 นอนหลับอย่างที่เคยเป็นทุกวันใครจะคิดว่าลืมตาขึ้นมาอีกวันเธอจะได้เป็นมารดาของเด็กชายตัวน้อยในยุคโบราณ ที่มีชีวิตรันทดอยู่ในกระท่อมหลังเล็กที่แทบจะต้านลมหนาวไม่ไหว ชีวิตละหกระเหินถูกชาวบ้านรังเกียจประนามว่าเป็นสตรีที่นิสัยเลวทราม เพราะนางท้องไม่มีคนรับทำให้ป้าของนางอับอายจนขับไล่นางออกจากเรือน มาอาศัยอยู่ในกระท่อมหลังเล็กหลังหมู่บ้าน ใช้ชีวิตในแต่ละวันด้วยความรักที่มีต่อบุตรอาศัยเก็บผักเก็บสมุนไพรไปขายที่ตลาดแลกของกินประทังชีวิตแม้จะถูกชาวบ้านดูแคล้นนางไม่เคยสนใจ ก้มหน้ารับคำด่าเสมอมาจนเด็กชายอายุได้ 8 หนาวโชคดีที่นางมีบุตรชายที่ดี รู้จักช่วยเหลืองานทุกอย่างและรู้ความทำให้นางมีความสุข ทว่าฤดูเหมันต์มาเยือนกระท่อมหลังน้อยถูกพายุหิมะพัดผ่านความหนาวเหน็บเกินจะทนไหวนางกอดบุตรชายเอาไว้ในอ้อมกอดให้ผ่านค่ำคืนนี้ไปได้แต่ร่างกายของนางมิอาจจะต้านต่อความหนาวไหวหมดลมหายใจโดยมีลูกชายนอนซุกไออุ่นในอ้อมแขน วิญญาณของเสี่ยวหลินที่อยู่อีกมิติหนึ่งถูกดูดเข้ามาอยู่ในร่างของเฉินไป๋อิงเพื่อเปลี่ยนแปลงชะตากรรมชีวิตของนางกับบุตรชายมาพร้อมระบบมิติของใช้มากมาย ต่อจากนี้เสี่ยวหลินจึงจำเป็นต้องการเป็นมารดาของเฉิงหงเด็กชายตัวน้อยและเลี้ยงดูบุตรชายให้เติบโต นิยายเรื่องนี้แต่งตามความเข้าใจของนักเขียนเท่านั้นไม่ได้อ้างอิงตามประวัติศาสตร์อาจมีบางจุดที่ติดขัด ต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ อ่านเพื่อความบันเทิงเท่านั้น โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537
ตอนที่ 1 ทะลุมิติ
ตอนที่ 1 ทะลุมิติ
รุ่งอรุณสว่างไสวในฤดูเหมันต์ นานหลายวันแล้วที่ไม่มีแสงแดดเช่นนี้ ชาวบ้านพากันตื่นแต่เช้าตรู่เพื่อเดินทางออกจากเรือนหาไม้ฟืนไว้ใช้หากมีหิมะตกมาอีกจะได้ไม่ลำบาก เช่นเดียวกับสองแม่ลูกที่กำลังแบกตะกร้าขนาดใหญ่ขึ้นหลังเพื่อออกเดินทางขึ้นเขาหาไม้ฟืนและพืชผักต่าง ๆ
“เฉิงหงเจ้าอย่าลืมถุงผ้าของเจ้าด้วยล่ะ อาภรณ์สวมใส่แน่นหนาหรือไม่? แม้ว่าแสงแดดจะออกแต่หิมะยังคงตกโปรยปราย จะทำให้เจ้าไม่สบายเอาได้” ผู้เป็นมารดารีบเตือนบุตรชายกลัวว่าเขาจะไม่สบายหากเป็นเช่นนั้นอาจจะทำให้นางลำบากไปมากกว่านี้
“ขอรับท่านแม่ ข้าเตรียมทุกอย่างตามที่ท่านบอกแล้ว” เด็กชายวัยแปดขวบแบกเป้น้ำและห่อข้าวที่มารดาจัดเตรียมไว้ตั้งแต่ท้องฟ้ายังไม่สว่างพร้อมเดินออกมานอกเรือน ทั้งสองเดินขึ้นเขาแม้จะยากลำบากแต่นางก็ต้องทำเพราะยามนี้นางคือสตรีที่ต้องเลี้ยงลูกเพียงลำพัง โดยไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าบิดาของเด็กชายผู้นี้คือผู้ใด
‘เคยดูซีรี่ย์อ่านนิยายมาตั้งมากมาย ไม่คิดเลยว่าวันหนึ่งจะทะลุมิติมาอยู่ในร่างแม้หม้ายลูกติด แถมยังถูกรังเกียจจากชาวบ้านและยังถูกป้าแท้ ๆ ขับไล่ออกมา เฮ้อ! ชะตาชีวิตมีอะไรจะรันทดได้ขนาดนี้มั้ย? แต่นับว่าโชคดีที่มียังเรือนหลังเล็ก ๆ หลังหมู่บ้านให้ได้อยู่หลบแดดหลบฝน และโชคดีอีกอย่างที่ฉันจะทะลุมิติมาตอนที่เฉิงหงโตมากขนาดนี้แล้ว’ นางคิดในใจยอมรับชะตากรรมที่กำลังพบเจอ ถอนหายใจครั้งแล้วครั้งเล่าทั้ง ๆ ที่สองเท้ากำลังเดินขึ้นเขาอย่างเหน็ดเหนื่อย นางมีนามว่าเฉินไป๋อิง หากแต่ว่ามิใช่คนในยุคสมัยนี้ นางทะลุมิติมาอยู่ในร่างของสตรีที่มีบุตรชายแสนน่ารัก และรู้จักช่วยเหลือนางทุกอย่างเป็นเด็กที่มีความคิดความอ่านต่างจากเด็กชายในหมู่บ้านยิ่งนัก นางมาอยู่ในร่างนี้ครบหนึ่งฤดูแม้ยามแรก ๆ จะตกใจ พร้อมทั้งยังต้องปรับตัวมากมายแต่ก็ไม่ยากเกินความสามารถ อีกอย่างคือความทรงจำของร่างนี้เวียนวนเข้ามาในความทรงจำทำให้นางรับรู้ว่าผู้ใดเป็นผู้ใด มีเพียงสิ่งเดียวเท่านั้นที่นางไม่รู้คือบิดาของเด็กชายผู้นี้คือใครกันแน่ ไม่ว่าจะพยายามคิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออก ชาวบ้านกล่าวหาว่านางถูกข่มขืน บ้างก็ว่านางแอบมีความสัมพันธ์กับสามีผู้อื่น ทำให้ผู้เป็นป้าไม่อาจจะรับได้อับอายจนขับไล่นางออกจากเรือน ชาวบ้านก็รุมประนามเสมือนนางเป็นนักโทษ
นางเข้ามาอยู่ในร่างนี้นำของในมิติมาสร้างที่พักให้แข็งแรงมากกว่าเดิม นำผ้านวมผืนใหญ่มาเพิ่มความอุ่นอีกทั่งยังนำฟูกหนา ๆ มาปูเอารองนอนทำให้ร่างกายของทั้งสองแม่ลูกนอนสบายไม่ต้องทนหนาว ทว่าการที่มีของเหล่านั้นทำให้เด็กชายสงสัยว่ามารดาของตนเองนำของใช้พวกนี้มาจากที่ใด นางจึงแอบใช้เป็นครั้งคราว เสมือนครานี้ที่ต้องพาบุตรชายขึ้นเขาเก็บไม้ฟืนหากใช้มิติป่านนี้นางนอนสบายอยู่ในผ้านวมมิต้องทนหนาว
“ท่านแม่ดูนั่นสิขอรับ นั่นใช่ต้นสมุนไพรหรือไม่ขอรับ” เด็กชายเก็บฟืนสายตาเหลือบไปเห็นสมุนไพรที่พ้นหิมะโผล่มาให้เห็นยามนี้หิมะเริ่มละลายบ้างแล้วเพราะแสงแดดที่ส่องประกายลงมา เฉินไป๋อิงปรายสายตาจ้องมองตามนิ้วมือเล็ก ๆ เห็นหญ้าสมุนไพรใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มวางมือจากไม้ฟืนรีบเดินตรงมาหาบุตรชายทันที
“ว๊าว นั่นเรียกว่าของดีเลยล่ะ เฉิงหงวันนี้เป็นวันโชคดีของเราสองแม่ลูก ไม่ต้องเก็บไม้ฟืนแล้วนำสมุนไพรนี้ไปขายที่ตลาดกันเถอะ สมุนไพรหายากและสามารถนำไปทำยาได้รักษาโรคได้”
“ข้าดีใจจังเลยขอรับ” เด็กชายยิ้มด้วยความภูมิใจที่พบเจอของหายากเช่นนี้ เฉินไป๋อิงยิ้มกริ่มยื่นมือไปลูบศีรษะของเฉิงหงเบา ๆ ปากพรางเอ่ยชื่นชม
“บุตรชายของข้ามีความรู้ความสามารถจริง ๆ หรือนี่จะเป็นพรสวรรค์ของเจ้าไม่แน่เติบโตขึ้นเจ้าอาจจะเป็นหมอดูแลชาวบ้านก็ได้ มาเถอะลงจากเขากันเมื่อเรานำสมุนไพรไปขายข้าจะไปซื้อเนื้อที่ตลาดทำซุปเนื้อร้อน ๆ ให้เจ้ากิน” ดวงตาเด็กชายตาโตเป็นประกายรู้ดีว่าเนื้อมีราคาแพงแค่ไหน
“เรากินเนื้อได้จริง ๆ หรือขอรับท่านแม่ หากเทียบกับสมุนไพรนี้เราสามารถซื้อเนื้อได้หรือ?” เด็กชายอยากกินแต่ว่ายังคงกังวลเรื่องราคาเนื้อ เฉินไป๋อิงเอ็นดูเด็กชายจริง ๆ หากนางจะนำเนื้อออกจากมิติมาให้เขากินทุกมื้อย่อมได้แต่ว่าเด็กน้อยผู้นี้ฉลาดเกินไป นางกลัวว่าเขาจะรู้ความลับจึงไม่ค่อยนำเนื้อออกมาทำอาหาร และสมุนไพรที่เด็กชายเห็นนั้นเป็นสมุนไพรที่นางนำออกมาวางเอาไว้เพื่อหาข้ออ้างหาเงินนำไปซื้อเนื้อที่ตลาดมาทำซุปคลายหนาวให้แก่บุตรชายได้กิน
“โธ่ ๆ เฉิงหงของข้า เจ้ารู้หรือไม่ว่าหญ้าสมุนไพรนี้ราคาแพงเพียงใดเจ้าจะซื้อเนื้อกี่ชั่งก็ได้มาเถอะ ข้าจะมอบหมั่นโถวให้เจ้าหนึ่งก้อนเพื่อเป็นรางวัล” เฉินไป๋อิงนำหญ้าสมุนไพรใส่ตะกร้าเดินลงมาจากเขาก่อนจะนำไม้ฟืนไปเก็บเอาไว้ที่เรือนพาเด็กชายไปที่ตลาดเพื่อนำสมุนไพรไปขายให้โรงหมอในตลาด

