ข่มขู่
“ผิงผิง! พอแล้ว อย่าทำร้ายตัวเองแบบนี้อีก” น้ำเสียงของนางเต็มไปด้วยความร้อนรน
“ข้าไม่ชอบเห็นเจ้าเจ็บปวด หากเจ้าอยากขอโทษข้าจริงๆ พาข้าไปที่โรงครัวแทนดีไหม? ถือเสียว่าเป็นการไถ่โทษ”
ผิงผิงรีบเงยหน้าขึ้นมา ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความกังวล
“ไม่ได้เจ้าค่ะ! ข้าจะไปยกสำรับมาให้ท่านเอง โรงครัวเป็นสถานที่สำหรับบ่าว ฮูหยินไปที่นั่นด้วยตัวเองจะดูไม่งามเอาได้”
ไป๋ลู่ยิ้มบางๆ แต่แววตาของนางกลับฉายความมุ่งมั่น
“นำทางข้าไปเถอะ ผิงผิง”
ไหนๆ เจ้าของจวนแห่งนี้ก็ได้มองนางในแง่ร้ายไปแล้ว จะให้นั่งรอคอยอาหารต่อไปอย่างไร้ความหงังก็ดูจะไร้ความหมาย สู้ออกไปเผชิญหน้ากับปัญหาเองยังดีเสียกว่า
สำหรับคนที่ต้องสู้ชีวิตมาตลอด การลุกขึ้นสู้เพียงอีกครั้ง จะเป็นอะไรไปเล่า?
“เอ่อ…”
“เร็วสิ ข้าหิวจะแย่แล้ว หากเจ้าไม่พาข้าไป ข้าจะหาทางไปเอง หลีกทาง!”
“ข้า ข้าพาไปเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ”
ผิงผิงจึงต้องจำยอมพาคุณหนูของตนไปยังโรงครัวของจวนโหวอย่างลีกเลี่ยงไม่ได้
“ฮูหยิน ไม่ทราบว่ามาทำอะไรในโรงครัวแห่งนี้หรือเจ้าคะ?”
เสียงแม่ครัวสาวดังขึ้นพร้อมสายตาแฝงแววเย้ยหยัน นางยิ้มเล็กน้อย ก่อนเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงที่ไม่ปิดบังความดูแคลน
“ที่นี่ไม่ใช่สถานที่ให้เด็กน้อยอย่างท่านมาวิ่งซนนะเจ้าคะ”
“ข้าไม่ได้มาเล่น ข้ามาที่นี่เพราะหิว แล้วเจ้าคิดว่าฮูหยินของจวนจะต้องรอให้บ่าวยกสำรับมาให้ทุกครั้งเช่นนั้นหรือ?”
“แต่ว่า...” แม่ครัวสาวรีบแทรกขึ้นมา “ในจวนนี้มีกฎว่าฮูหยินจะต้องรอสำรับที่บ่าวจัดเตรียม ฮูหยินคงลืมตัวกระมัง? เมื่อเช้าได้ยินว่าท่านโหวกล่าวไว้ว่า ตระกูลไป๋ไม่ได้อบรมบุตรหลานเรื่องมารยาท ดูท่าว่าจะจริงสินะเจ้าคะ”
ไป๋ลู่เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ดวงตาสีเทาอ่อนจ้องมองเหล่าแม่ครัวด้วยแววเย้ยหยัน ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่แฝงความไม่พอใจ
“กฎเกณฑ์บ้าบออะไรกัน? ฟังดูเหมือนตั้งขึ้นมาเพื่อหาข้ออ้างมาทรมานกันเสียมากกว่า ข้าว่าคงไม่ได้มีไว้เพื่อรักษาความสง่างามของจวนหรอกกระมัง”
“...”
“ลืมตัว? แล้วเจ้าเห็นหรือไม่ว่าการรอพวกเจ้าทำสำรับกับการรอไก่ออกไข่อะไรใช้เวลานานกว่ากัน? จวนโหวที่ยิ่งใหญ่นี้ช่างน่าชื่นชมเสียจริง ทั้งบ่าวที่ปากกล้าและทำงานล่าช้า! หากแม้แต่มารยาทอันดีงามยังไม่สามารถอบรมบ่าวได้ ข้าคงไม่ต้องคาดหวังอะไรจากเจ้านายของพวกเจ้าแล้วกระมัง”
แม่ครัวสาวได้แต่กำหมัดแน่น ไป๋ลู่มองมาที่นาง สายตาที่แสดงออกว่าเบื่อหน่ายนั้นแสดงออกมาจากดวงตาสีเท่าอ่อนคู่งาม ก่อนที่จะเดินชนไหล่แม่ครัวไปอย่างไม่ใยดี
ไป๋ลู่เดินมุ่งตรงไปยังหน้าเตาไฟในครัว ที่ตอนนี้เต็มไปด้วยพ่อครัวแม่ครัวที่พากันถอยห่าง ทุกคนจ้องฮูหยินของจวนด้วยสายตาหวาดระแวง ไหนลือกันว่าฮูหยินของท่านโหวเป็นเพียงเด็กน้อยอมมือคนหนึ่ง นี่มันมารจิ้งจอกชัดๆ กล่าวหาว่านายใหญ่ของจวนปากร้ายทั้งๆ ที่ตัวเองก็วาจาร้ายกาจไม่ต่างจากเขาสักเท่าไหร่
ไม่รอช้า หม้อเหล็กถูกมือเรียวบางหยิบขึ้นมา และตามมาด้วยเครื่องปรุงหลากหลายชนิด
“น้ำมันอยู่ที่ไหน?” ไป๋ลู่เอ่ยออกมา แต่ทว่าในโรงครัวแห่งนี้กลับไม่มีบ่าวคนไหนตอบกลับหรือหยิบน้ำมันให้นางแต่อย่างใด ราวกับว่านางยังคงไม่เป็นที่ยอมรับของคนในโรงครัวแห่งนี้
“เฮ้อ ข้าได้ยินว่าท่านโหวเป็นบุรุษที่ร่ำรวยมาก สงสัยว่าจะไม่เป็นความจริงกระมัง แค่น้ำมันขวดเดียวก็ไม่มี น่าเวทนายิ่งนัก”
“แกร๊ก!” ถุงเงินใบโตถูกหญิงสาวโยนลงมาบนโต๊ะไม้ ฟังจากเสียงแล้วในนั้นน่าจะมีก้อนตำลึงเงินและทองอัดไว้อย่างหนาแน่น
“ผิงผิง นำเงินถุงนี้ไปซื้อเครื่องปรุงและน้ำมันในตลาดมาให้หมด หรือหากว่าเจ้าออกไปไม่ได้ เกรงว่าข้าคงจะต้องเชิญท่านโหวมาตรวจสอบบัญชีโรงครัวด้วยตัวเอง”
ความวุ่นวายเกิดขึ้นในทันที เหล่าพ่อครัวแม่ครัวรีบจัดเตรียมวัตถุดิบมาวางไว้บนโต๊ะด้วยท่าทีลนลาน
“ถ้าข้าต้องลงมือหาวัตถุดิบหรือทำอาหารในครัวนี้บ่อยครั้งเข้า พวกเจ้าคงต้องหางานใหม่เสียแล้วกระมัง เพราะจวนโหวที่ยิ่งใหญ่นี้คงไม่จำเป็นสำหรับคนที่ทำงานได้แค่ครึ่งๆ กลางๆ อีกต่อไป”
