บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 4 หนีไม่รอด

ตอนที่ 4 หนีไม่รอด

ร่างใหญ่ขยับเข้าใกล้เธอสองมือของเขากำข้อมือเธอเอาไว้แน่น ชิงชิงเริ่มหายใจไม่คล่องขยับหนีจนแทบจะตกเก้าอี้ รีบคิดหาหนทางเพื่อให้เขาใจเย็นมากกว่านี้

“เข้าใจแล้ว ๆ ต่อจากนี้ฉันจะไม่พูดเรื่องนี้อีก จะอยู่อย่างเงียบ ๆ เจียมตัวอย่างที่นายต้องการ”

“ฮึ ฮึ กลัวก็เป็นหรือไง ดี อย่างนั้นก็ลุกขึ้นได้แล้ววันนี้เราจะไปกินข้าวนอกบ้านคุณพ่อจองภัตตาคารเอาไว้แล้ว” ชิงชิงถอนหายใจเฮือกใหญ่เมื่อเขาปล่อยมือออกจากแขนของเธอพร้อมลุกขึ้นออกห่างจากเธอเพื่อเตรียมตัวออกไปข้างนอก

‘นี่มันวันอะไรของฉันกัน พึ่งจะทะลุมิติมามีแต่เรื่องเข้ามาตลอดเวลา ขนาดจะหนียังถูกจับได้ ไม่รู้ล่ะเอาตอนนี้ให้รอดไปก่อนเรื่องอื่นค่อยคิด’

“อย่างนั้นฉันขอไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะ” ชิงชิงรีบลุกขึ้นเดินกลับไปที่ห้องเลือกหาเสื้อผ้าด้วยความหงุดหงิด

ฝั่งด้านเฉินอี้เดินเข้ามาหาหยางหลง พรางยิ้มกริ่มออกมา

“คุณชายรู้ได้ยังไงครับว่าซ้อจะหนี”

“ฉันสังเกตตั้งแต่เมื่อคืนรู้สึกว่าเธอมีอะไรเปลี่ยนไป เหมือนกับว่าเป็นคนละคน ทั้งแววตาที่จ้องมองฉัน หากเป็นเมื่อก่อนเธอแทบไม่กล้าจะเงยมองหน้าฉันตรง ๆ เลยด้วยซ้ำ พูดคำที่แสดงออกว่าไม่เกรงกลัวฉันสักนิดนั่นอีก ฉันว่าต้องมีอะไรเกิดขึ้นกับเธอหรือว่าหวงจิ้นติดต่อมา”

“ไม่นะครับ ช่วงนี้เพื่อนของซ้อไม่เคยเข้ามาหาเหมือนเมื่อก่อน แต่ว่าช่วงนี้เราไม่ได้อยู่ที่บ้านเป็นไปได้หรือเปล่าว่าจะติดต่อกันลับหลังพวกเรา”

“เรื่องนั้นฉันเองก็ไม่อาจจะรู้ได้ ต่อจากนี้นายช่วยจับตามองดูว่าเธอมีแผนอะไร แล้วนี่ติงเฉิงไปสืบเรื่องถึงไหนแล้ว”

“ยังไม่ติดต่อมาเลยครับ ”

“อืม..เย็นนี้นายก็ออกไปข้างนอกกับพวกเรา อย่าให้ชิงชิงคาดสายตาเด็ดขาด”

“ครับ” หยางหลงหันหลังไปมองนอกหน้าต่างพรางครุ่นคิด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของชิงชิงหรือเรื่องที่เขากำลังจะทำอยู่ตอนนี้

ฝั่งด้านครอบครัวตระกูลเฟิงหลังจากที่ส่งชิงชิงไปแต่งงานแทนเฟิงลี่ฉี่ บ้านที่เคยสะอาดสะอ้านอาหารที่เคยตั้งโต๊ะรอในทุกวันเมื่อถึงมื้ออาหารกลายเป็นความว่างเปล่า บ้านรกยิ่งกว่ารังหนู อวี้ถิงนั่งลงเก้าอี้คลี่พัดโบกไปมา พรางถอนหายใจเฮือกใหญ่หลังจากกลับมาจากตลาด

“โอ๊ย!! ทำไมบ้านถึงได้รกและสกปรกขนาดนี้ เฟิงลี่ฉี่แม่หิวน้ำจังเลยเอาน้ำมาให้แม่กินหน่อยสิ วันนี้อากาศร้อนจริง ๆ คนเดินตลาดแทบไม่ค่อยมี ผักก็ขายไม่ได้เลย ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรคนถึงได้ซบเซาแบบนี้” อวี้ถิงตะโกนเรียกเฟิงลี่ฉี่ ร่างบางเดินออกมาจากในห้องสภาพผมเผ้ารุงรัง มือขยี้ตาอ้าปากห้าวอย่างไม่มีมารยาท

“ห้าว !! คุณแม่คนจะนอนเรียกทำไมคะ รบกวนเวลานอนคนอื่นไม่รู้หรือไงกัน”

“อะไรกัน นี่มันกี่โมงกี่ยามแล้วใช่เวลานอนมั้ยห่ะ แล้วสภาพบ้านนี้มันอะไรกัน แกอยู่บ้านยังไงอย่าบอกนะเอาแต่เที่ยวเล่นและกลับมานอนนะ ”

“ก็ใช่นะสิ ฉันไม่ได้มีหน้าที่จะทำงานบ้านสักหน่อย แม่ก็รู้นี่คะว่าฉันไม่เคยทำงานบ้าน แม่มาพอดีเลยฉันตื่นมาหิวพอดีทำอะไรให้กินหน่อยสิ คืนนี้ฉันมีนัดกับเพื่อนออกไปเที่ยวเล่นข้างนอกอย่าลืมเอาเงินให้ฉันด้วยนะ 100หยวนไม่พอสำหรับเที่ยวเล่นหรอกนะ จะให้ก็ให้มากกว่านั้นสักหน่อยสิ แค่เดินออกไปหน้าปากซอยเงินเท่านั้นก็หมดไปแล้ว เสื้อผ้าก็เริ่มซีดคงต้องซื้อใหม่ทั้งหมด แม่ช่วยหาเงินมาให้ฉันด้วยนะคะ เดี๋ยวจะอายเพื่อน ๆ เขาที่ใส่แต่เสื้อผ้าเดิม ๆขายหน้าตายเลย ” เฟิงลี่ฉี่เป็นผู้หญิงหัวสูงแม้จะรู้ว่าครอบครัวไม่ได้ร่ำรวยอะไรแต่เธอไม่ชอบที่จะต้องอยู่แบบจน ๆ ความฝันของเธอคือการเป็นภรรยาของคนที่มีหน้าที่การงานมั่นคง  เธอมักจะแต่งตัวออกไปอยู่ในที่ที่คนรวย ๆ มักจะไปกัน อวี้ถิงส่ายหน้าไปมาอย่างเหนื่อยหัวใจกับลูกสาวที่เธอเลี้ยงอย่างตามใจ

“แล้วพ่อของแกยังไม่มาอีกหรือไง เอาไว้เมื่อไหร่พ่อแกมาค่อยกินแล้วกัน ฉันก็เหนื่อยมาเหมือนกัน เฮ้อ ! หากนังชิงชิงยังอยู่คงดีไม่น้อย ป่านนี้คงสุขสบายเป็นคุณนายนั่งกินนอนกินไปแล้ว คิดถูกคิดผิดกันนะที่ส่งเธอไปสุขสบายแล้วตัวเองมาทุกข์แบบนี้”

“คุณแม่คะ ไม่เห็นยากเลย คุณแม่ก็เอาเรื่องบุญคุณไปเรียกร้องจากชิงชิงสิ ยังไงนังนั่นก็เชื่อและทำตามทุกอย่าง ให้มันส่งเงินมาให้ เอาอาหารดี ๆ มาจากบ้านตระกูลอู๋ เราจะได้อยู่ดีกินดีบอกมันว่าเราใจดีขนาดไหนที่ส่งมันไปสุขสบาย”

“นั่นสิ.. ทำไมฉันคิดไม่ได้กันนะ เอาไว้พรุ่งนี้ฉันจะไปหาเธอแต่เช้าเพื่อเรียกร้องบุญคุณครั้งนี้ จะไปดูหน่อยสิว่าเธอใช้ชีวิตเป็นคุณนายสุขสบายแค่ไหน และจะได้เห็นใบหน้าลูกชายโจวเฉิงที่พิการอ้วนดำนั่นอีกด้วย”

“ฮึ ฮึ ดีจริง ๆ ที่ไม่ใช่ฉันไปแต่งกับคนแบบนั้น ไม่อย่างนั้นฉันคงผูกคอตายตั้งแต่คืนเข้าหอไปแล้ว” เฟิงลี่ฉี่กอดอกแสยะยิ้มเมื่อคิดเรื่องชิงชิงอยู่ข้างกายชายร่างอ้วนท้วนและยังพิการอีกด้วย สะใจเธอจริง ๆ

ดวงตะวันลาลับขอบฟ้ารถยนต์ของบ้านตระกูลอู๋เดินทางไปที่ภัตตาคารหรูที่โจวเฉิงจองเอาไว้ โดยมีเฉินอี้เป็นคนขับมาให้ ส่วนหยางหลงกับชิงชิงนั่งเบาะหลัง  ไม่นานนักก็มาถึงภัตตาคารหรู สายตาของชิงชิงเป็นประกายเสน่ห์ของยุคสมัยนี้ช่างงดงามจริง ๆ แม้จะยังไม่พัฒนาเท่ายุคปัจจุบันแต่ความสะดวกสบายก็มีมากพอที่จะเดินทางไปไหนมาไหนอย่างไม่ลำบาก

‘นิยายเรื่องนี้ยุคทศวรรษที่ฉันอยู่คือ 1994 เป็นยุคที่เริ่มพัฒนาแล้ว อีกไม่นานจะรับอินเตอร์เน็ตเข้าสู่ประเทศและยังพัฒนาเข้าสู่ตลาดโลก เอาล่ะอย่างน้อยฉันก็ยังเข้ามาอยู่ในนิยายที่เป็นยุคพัฒนาดีกว่ายุคโบราณ เมื่อไหร่ที่ฉันหนีออกไปได้ ฉันจะเดินทางไปมณฑลอื่น หนีไปให้ไกลที่สุดและหาทางร่ำรวยด้วยความรู้ของคนยุคสมัยใหม่ ยิ่งมีอินเตอร์เน็ตเข้ามาฉันยิ่งได้เปรียบ ถ้าไปสมัครงานเจ้านายต้องเพิ่มเงินให้ฉันมากแน่ ๆ เพราะฉันมีประสบการณ์และความรู้เรื่องอินเตอร์เน็ตดี ฮ่า ฮ่า ความสุขสบายของฉันกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว’

“นี่ฝันหวานอะไรอยู่ เมื่อไหร่จะลงหรือจะให้ฉันอุ้มเธอลงจากรถ เรียกเท่าไหร่ทำเป็นไม่ได้ยิน ” เสียงของหยางหลงดังขึ้นดับฝันของชิงชิงอย่างสิ้นเชิง

“ฉันแค่คิดอะไรเพลิน ๆ แค่นั้นเอง ถึงตั้งแต่เมื่อไหร่กัน” เธอรีบลงจากรถทันทีเกรงว่าคนตรงหน้าจะทำอย่างที่พูดจริง ๆ

“ไม่ใช่ว่าที่นั่งเหม่อยิ้มอยู่นั่นกำลังคิดหาหนทางหนีฉันหรอกนะ ! ต่อให้เธอหนีไปไหนคิดว่าจะรอดพ้นจากฉันง่าย ๆ หรือไง เลิกฝันหวานและอยู่กับปัจจุบันเสียที ไม่ว่ายังไงฉันไม่มีทางปล่อยเธอไปง่าย ๆ”

“ว่าแต่ฉันสมองนายก็กลวงเหมือนกันนั่นแหละ คิดแต่ว่าฉันจะหนีคิดอย่างอื่นไม่เป็นหรือไง ชิ ! ”

“เป็นสิ เรื่องอื่นที่ว่านะ เรื่องลูกของเราคืนนี้หลังจากกลับไปกินข้าวฉันไม่ปล่อยเธอไปแน่นอน จะทำโทษให้เข็ด”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel