บทที่สี่ เสียเงินซื้อเจ้า
สรุปแล้วลี่อินถูกเอาผ้าที่หน้าตาสกปรกไม่ต่างอันใดจากผ้าเช็ดม้านั่งบนรถม้าอุดปากของตน ในขณะที่นั่งโดยสารมายังจวนโอ่อ่าที่นางคิดว่าน่าจะเป็นจวนของบุรุษหน้านิ่งเจ้าของรถม้าผู้นี้ แน่นอนว่าพอมาถึงลี่อินก็โดนลากตัวให้เดินตามหลังชายหนุ่มเข้าไปท่ามกลางสายตาประหลาดใจของข้ารับใช้มากมายภายในจวน
“อื้อ อ่อยอ้า”
พอนางถูกพาเดินเข้ามาในห้องขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง ประตูทางเข้าถูกงับปิดเหลือแค่เพียงบุรุษหน้านิ่งหนึ่งคนและลูกน้องสนิทของเขายืนข้างกันอีกหนึ่งคนเท่านั้น “เอาผ้าอุดปากนางออก”
“ขอรับท่านประมุขน้อย”
“ข้ามิใช่คณิกาของหอนางโลม พวกเขาหลอกให้ข้าขายตัว หาได้เกิดจากความสมัครใจของข้าไม่ ท่านอย่ายุ่งกับข้าเลยนะเจ้าคะ”
ลี่อินพ่นคำอธิบายออกมายาวเหยียดจนจูอี้ฉงแทบอยากสั่งให้ลูกน้องยัดผ้ากลับเข้าไปอุดปากนางที่เดิม หากไม่ติดว่าเขาต้องการคุยกับนางแล้วละก็
“แล้วอย่างไร ข้าเสียเงินซื้อเจ้ามาในราคาหนึ่งแสนตำลึงทองจะให้ข้าปล่อยตัวเจ้าไปหรืออย่างไร”
“นั่น... ท่านซื้อข้าตั้งแต่เมื่อใด” ลี่อินย้อนความทรงจำตัวเองดูก็พบว่าบุรุษคนสุดท้ายที่ประมูลนางจนเกือบชนะเป็นชายวัยกลางคนที่เสนอเงินเพียงสองหมื่นตำลึงทองเท่านั้นนี่นา
“หลังจากเจ้าหนีออกไป หากไม่เชื่อลองกลับไปสอบถามคนที่หอนางโลมดูสิ”
จูอี้ฉงเดินไปนั่งรินชาให้ตนเองจิบดื่มแก้กระหายที่โต๊ะรับแขกของห้อง ท่าทางไม่รู้ร้อนรู้หนาวของเขานั้นทำให้ลี่อินอยากจับบ่าทั้งสองข้างมาเขย่าและตะโกนใส่หน้าเขาว่า
‘ท่านบ้าไปแล้ว เงินตั้งหนึ่งแสนตำลึงทองเพื่อแลกกับสตรีที่กำลังหนีจากหอนางโลมเนี่ยนะ’
เฮ้อ ลี่อินได้แต่จินตนาการกับตัวเองในใจ
“ท่านเสน่หาในตัวข้าหรือเจ้าคะ รูปร่างหน้าตาเช่นใต้เท้าไม่น่าต้องซื้อสตรีไร้หัวนอนปลายเท้าผู้ใดมาปรนนิบัติท่านนี่นา”
“ข้าหาได้พิศวาสในตัวเจ้า อย่าเข้าใจผิด”
“...”
ลี่อินรู้สึกวางใจขึ้นมามากเลยทีเดียวเมื่อได้ยินเช่นนั้น ทว่าไม่ได้เชื่อบุรุษแปลกหน้าเสียสนิทใจยังคงรักษาท่าทีระแวดระวังอีกฝ่ายเช่นเดิม
“เช่นนั้นใต้เท้าสงสารข้าหรือเจ้าคะ จึงจ่ายเงินซื้อข้ามาเพื่อไม่ให้ถูกคนของหอนางโลมติดตาม”
“ข้าไม่ใช่คนใจบุญด้วยสิ” มือหนาวางถ้วยชาในมือลงบนโต๊ะ น้ำเสียงไม่ได้กราดเกรี้ยวหากแต่วางอำนาจอยู่ในทีทำให้ลี่อินลอบกลืนน้ำลายอย่างเสียไม่ได้
หญิงสาวไม่เคยเชื่อว่าจะมีใครให้สิ่งใดโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน และบุรุษหน้าคล้ายกับคนในความฝันของนางตรงหน้าเองก็เช่นกัน
หรือพวกนางเคยรู้จักกันมาก่อนนะ
“พวกเราเคยรู้จักกันมาก่อนหรือเจ้าคะ”
“...” จูอี้ฉงไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ คนที่เดือดร้อนแทนเจ้านายของตนเองคือเจียเต้าที่ยืนรอรับคำสั่งอยู่ไม่ไกล
“ประมุขน้อยผู้สูงส่งของข้าจะไปรู้จักแม่นางได้อย่างไรกัน”
“นั่นสิเจ้าคะ ข้าเพียงคาดเดาเพราะไม่รู้ว่าพวกท่านช่วยเหลือข้าด้วยเหตุอันใดก็เท่านั้น”
“ตราบนี้ต่อไปข้าซื้อเจ้ามาแล้วจึงถือว่าเจ้าเป็นคนของข้า ห้ามหนี ห้ามออกจากจวนแห่งนี้โดยไม่ได้รับอนุญาตจากข้า แต่หากอยากเป็นอิสระเจ้าจงนำเงินหนึ่งแสนตำลึงทองมาชดใช้เสีย ไม่เช่นนั้นข้าจะใช้คมดาบปลิดชีวิตของเจ้าเพื่อชดใช้แทน”
“...”
โหดชะมัด ใครใช้ให้เขาจ่ายเงินไปถึงแสนตำลึงทองกันเล่า ไฉนสุดท้ายแล้วคนที่ต้องชดใช้หนี้ถึงเป็นนางไปได้กันเล่า
ลี่อินได้ยินบทลงโทษสุดท้ายจึงไม่กล้าแม้กระทั่งอ้าปากพูดต่อ ทำได้เพียงพึมพำบ่นกับตนเองเพื่อระบายความอึดอัดในใจ
ความจริงคิดไปคิดมาหากว่าเขาไม่ได้ใช้เงินสุรุ่ยสุร่ายซื้อนางมาแพงขนาดนั้น ลี่อินเองก็อาจอยู่ที่นี่อย่างมีความสุขมากกว่านี้กระมัง
นางเป็นสตรีจากยุคสมัยอื่น ตัวคนเดียว การมีที่พึ่งพิงย่อมปลอดภัยกว่าเคว้งคว้างอยู่ข้างนอกและอีกเหตุผลที่ลี่อินยังไม่คิดหนีจากที่บุรุษผู้นี้เป็นเพราะ...
เขา... คือเบาะแสเดียวที่นางมี ไม่แน่ว่าเขาอาจเป็นชิ้นส่วนที่ทำให้ลี่อินตามหาตัวตนที่แท้จริงของร่างนี้เจอเพื่อช่วยเหลือบิดาตามวาจาที่เสียงสตรีในความฝันย้ำเตือนนางทุกค่ำคืนก็เป็นได้
อยู่ที่นี่นางจะได้สืบเรื่องเกี่ยวกับร่างนี้ว่าตนเองเป็นใครไยจึงทิ้งความทรงจำเกี่ยวกับบุรุษผู้นี้เอาไว้ให้ลี่อินด้วย
“ท่านประมุขน้อยให้นางทำหน้าที่อันใดหรือขอรับ ค่าตัวนางมากถึงแสนตำลึงทองไม่รู้ว่าอีกกี่ร้อยปีถึงจะใช้งานนางคุ้มค่าแรง”
ลี่อินเขม่นใส่ลูกน้องคนสนิทของประมุขน้อยอย่างไม่พอใจที่อีกฝ่ายดูท่าทางเสียดายเงินที่ซื้อนางมามากกว่าเจ้านายตัวเองอีกมั้ง
“ข้าตัดสินใจซื้อนางมาย่อมเพราะมีงานให้นางทำอยู่แล้ว เจ้าไม่ต้องกลัวข้าขาดทุนไปหรอกนะเจียเต้า”
“งานอะไรหรือขอรับท่านประมุขน้อย”
“หลายวันก่อนเจ้าบอกว่าบิดาข้าถามถึงสตรีที่ข้าพึงพอใจในช่วงนี้ไม่ใช่หรือ”
“ขอรับ ข้าน้อยตอบท่านประมุขไปแล้วว่าช่วงนี้ท่านประมุขน้อยสนใจแต่เรื่องงานที่ท่านประมุขมอบหมายให้จัดการจนไม่มีเวลาคิดถึงเรื่องรื่นเริงระหว่างชายหญิงขอรับ ท่านประมุขน้อยไม่ต้องเป็นกังวล ข้าน้อยคิดว่าท่านประมุขคงไม่มาสอบถามท่านอีกหลายวันขอรับ”
“ต่อจากนี้เจ้าเปลี่ยนคำตอบแก่บิดาได้แล้ว ลี่อินผู้นี้จะเข้ามาอยู่ที่จวนของข้าในฐานะสตรีที่ข้าตกหลุมรักตั้งแต่แรกเห็น ข้าหลงใหลในตัวนางถึงขนาดยอมเสียเงินจำนวนมหาศาลซื้อนางมาจากหอนางโลม ให้พักอยู่ที่ห้องเล็กข้างในห้องนอนส่วนตัวของข้า เข้าใจหรือไม่เจียเต้า”
“ขะ เข้าใจขอรับ ท่านประมุขน้อยต้องการให้ท่านประมุขสบายใจคลายความกังวลที่ท่านไม่มีความรู้สึกชายหญิงจึงซื้อสตรีผู้นี้มาเพื่อเล่นงิ้วเป็นคนรักของท่านประมุขน้อย... เช่นนั้นข้าน้อยจะให้คนทำความสะอาดจัดห้องเล็กด้านห้องให้เดี๋ยวนี้ขอรับ”
“อืม ดีมาก”
หลังจากมองตามหลังลูกน้องเดินออกจากห้องไปจนลับสายตาจึงค่อยหันกลับมาจ้องอีกหนึ่งตัวละครสำคัญในการแสดงตบตาบิดาของตนเองในครั้งนี้
“แล้วเจ้าเล่าเข้าใจหน้าที่ตนเองหรือไม่ อินเอ๋อร์”
“ข้าเข้าใจหน้าที่ของตนเองแล้วเจ้าค่ะท่านประมุขน้อย”
“เข้าใจง่ายดี หวังว่าข้ามองคนเลือกใช้งานไม่ผิดนะ”
ลี่อินลุกขึ้นมานั่งดี ๆ หลังจากสมองประมวลผลเรื่องราวต่าง ๆ ได้ครบถ้วน นางคิดว่าหน้าที่นี้ไม่ได้ยากเกินความสามารถนางขนาดนั้น อีกทั้งดูเหมือนเป็นงานสบายเสียด้วยซ้ำ
“ข้าจะพยายามทำหน้าที่นี้ให้ดีที่สุดเจ้าค่ะ จะได้ใช้หนี้หมดเร็ววัน”
“หึ... ดี ต่อจากนี้เจ้าเรียกข้าว่านายท่านเถอะ เรียกเช่นนั้นคนข้างนอกได้จับได้ตั้งแต่วันแรกกันพอดี”
“อินเอ๋อร์รับทราบเจ้าค่ะนายท่าน”
