บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 2

“อะแฮ่ม” เสียงกระแอมของมณีนิ่มแม้จะดังแต่ก็ไม่ได้ทำให้ชาลิสาสะดุ้งสะเทือนเลยแม้แต่น้อย

“ขอโทษจ้ะ” หญิงกลางคนเร่งเสียงแล้วใช้เสียงเข้มใส่เด็กคราวลูกอย่างไม่เกรงใจ

“อุ้ย!!” ชาลิสาละสายตาจากนิยายและเห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเรียบเฉย ก่อนจะค่อย ๆ ยกยิ้มให้เธออย่างอุกอาจ

“อาจารย์ขออภัยค่ะ” ชาลิสาปิดหนังสือยัดเข้ากระเป๋าแล้วรีบลุกขึ้นทันที

“ช่างเถอะ นพดลล่ะอยู่ที่ไหน” เธอพูดพลางมองไปที่ห้องทำงานซึ่งไฟปิดสนิท ทำให้รู้ได้ว่าเขาไม่น่าจะอยู่ในห้องทำงานเหมือนเช่นเคย

“หัวหน้าต้องไปพบเจ้าของสำนักพิมพ์นิยายจีนค่ะ” ชาลิสาดึงเก้าอี้ออกเพื่อจะนำทางอาจารย์มณีนิ่มไปนั่งที่โซฟารับแขก เมื่อเห็นท่าทางต้อนรับขับสู้ของอีกฝ่าย หญิงสูงวัยจึงเดินตามหญิงสาวคราวลูกไปที่โซฟาทันที เธอนั่งลงตามคำเชิญของผู้น้อย

“รับชาหรือกาแฟดีคะอาจารย์”

“ชาร้อนก็พอ ขอบใจ” หญิงสูงวัยเอ่ย

“ได้ค่ะ”

ชาลิสารับคำเป็นอย่างดี แม้จะไม่เคยพูดคุยกับนักเขียนชื่อดัง แต่เธอก็พอจะรู้ข้อมูลของอีกฝ่ายมากพอตัว นักเขียนรุ่นใหญ่โปรดปราณชาและกาแฟ ซึ่งเธอจะดื่มแค่สองอย่างนี้เท่านั้นและเลือกตามอารมณ์ว่าอยากจะดื่มอะไร ทว่าที่สำคัญคือ จะดื่มแบบหวานน้อยเท่านั้น เมื่อได้รับคำสั่งชาลิสาก็รีบไปเตรียมเครื่องดื่ม และยังไม่ลืมหยิบขนมแครกเกอร์ของโปรดของอาจารย์ไปเสริฟ์พร้อมกันด้วย

“ได้แล้วค่ะ” ชาลิสายกถาดชาจีนอย่างดี กับแครกเกอร์วางไว้ตรงหน้าแขกของเธอ พลางเดินมานั่งที่ฝั่งตรงข้าม ดูท่าทีอีกฝ่ายที่กำลังยกแก้วชาขึ้นดมกลิ่นอย่างเชื่องช้า ก่อนจะจิบชาร้อนอย่างระมัดระวัง

“อืม หอมดีและไม่หวานมาก” เธอเอ่ยชมพร้อมรอยยิ้มเล็ก ๆ ที่มุมปาก

“ขอบคุณค่ะ”

“ตอนนี้ นพดล คงมัวแต่วุ่นวายกับนิยายจากต่างชาติสินะ” นักเขียนรุ่นใหญ่เอ่ยหลังดื่มชาไปอึกใหญ่ แล้ววางแก้วลงที่โต๊ะ

“เอ่อค่ะ อาจารย์” ชาลิสาไม่อาจปฎิเสธได้ เพราะนิยายจีนกำลังทำเงินเป็นกอบเป็นกำให้สำนักพิมพ์

“เฮ้อ...ยุคสมัยเปลี่ยนไปแล้วสิ”

“ไม่หรอกค่ะอาจารย์ หนังสือของอาจารย์ยังคงมียอดขายติด 1-5 ของสำนักพิมพ์เราตลอด เพียงแต่กระแสของเด็กรุ่นใหม่ นิยมอ่านนิยายจีนมากขึ้นเท่านั้นเองค่ะ ลิสาคิดว่างานของอาจารย์คลาสสิกและอ่านได้ทุกยุคนะคะ” ชาลิสารีบพูดเสริมกำลังใจให้นักเขียนรุ่นใหญ่ที่ปลายตามองเธออย่างพิจารณา

“เธอคิดงั้นจริงเหรอ”

“ค่ะอาจารย์ ถึงลิสาจะอ่านนิยายจีนแต่คำบรรยายของอาจารย์ ลิสาก็ยังจำไม่ลืม และเป็นหนึ่งในหนังสือที่ชอบหยิบมาอ่านซ้ำ ๆ ด้วยค่ะ” หญิงสาวเอ่ยตามจริงทุกประการ เธอพูดด้วยแววตาแวววับเปล่งประกายจนผู้ฟังรับรู้ได้

“อืม...อย่างน้อยเธอก็ยังเห็นคุณค่างานเขียนจากคนอย่างฉันล่ะนะ” เธอเอ่ยพร้อมหยิบแครกเกอร์กัดเข้าปากช้าๆ

“แน่นอนค่ะอาจารย์”

“เอาล่ะ ในเมื่อคนที่อยากจะมอบของไม่อยู่ แสดงว่าฉันก็ต้องมอบมันให้เธอแทน” อยู่ดี ๆ อาจารย์มณีนิ่มก็เอ่ยขึ้นมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย

“อะไรนะคะ” ชาลิสายังงุนงงกับคำพูดของหญิงสูงวัย

“วันนี้ฉันตั้งใจเอาของขวัญมาให้นพดล”

“ค่ะ เดี๋ยวฉันเอาให้หัวหน้าก็ได้ค่ะอาจารย์” ชาลิสารีบเสนอตัว

“ไม่ดีกว่า คนรับไม่ได้ถูกระบุไว้ว่าจะเป็นใครหรอก เพียงแต่ฉันนึกถึงนพดล” หญิงสูงวัยเอ่ยด้วยรอยยิ้มพลางถอนหายใจ

“แล้ว...ลิสาเอาไปให้หัวหน้าไม่ได้หรอคะ”

“ไม่ได้ ของสิ่งนี้ต้องมาหาเจ้าของของมัน หากวันนี้นพดลไม่อยู่เช่นนี้ ของสิ่งนี้ก็ต้องเป็นของคนที่ฉันได้พบหน้าวันนี้” อาจารย์มณีนิ่มเอ่ยพร้อมเอี่ยวตัวไปหยิบถุงกระดาษสีดำที่วางไว้ข้างตัวขึ้นมา

“เอาไปสิ” เธอเอ่ยพร้อมยื่นมันให้กับชาลิสา

“ให้ ลิสา หรอคะ”

“ใช่เพราะดูท่าแล้วของสิ่งนี้คงอยากมาอยู่กับเธอ” อาจารย์มณีนิ่มพูดจบก็วางถุงของขวัญไว้ตรงหน้าหญิงสาวแบบไม่สนใจ เธอหยิบแก้วชาขึ้นมาจิบตามด้วยแครกเกอร์พลางโบกมือไล่ทีอีกฝ่ายไปด้วย

“อ้อ...ขอบคุณนะคะ” แม้จะไม่แน่ใจนักว่าการรับของขวัญจากนักเขียนรุ่นใหญ่จะควรหรือไม่ ในเมื่อเจ้าตัวยืนยันจะให้ตน ชาลิสาเลยรับถุงของขวัญปริศนามาแต่โดยดี

“เอาล่ะ ฉันมาทำหน้าที่เสร็จแล้วล่ะ” อาจารย์มณีนิ่มเอ่ยพลางลุกขึ้น

“อาจารย์จะกลับแล้วเหรอคะ? แล้วเรื่องผลงานใหม่ล่ะคะ” ชาลิสาลุกขึ้นตาม

“ฉันทำไว้แล้วล่ะ ไว้คราวหน้าจะเข้ามาใหม่ บอกเจ้านพดลด้วยถ้าหนีหน้าไปอีกคราวนี้ฉันจะไม่เขียนกับที่นี่แล้วนะ” นักเขียนรุ่นใหญ่เอ่ยด้วยรอยยิ้มปริศนา ก่อนจะเดินออกจากออฟฟิศไปอย่างรวดเร็ว

“อาจารย์… ขอบคุณนะคะ” ชาลิสารีบวิ่งไปบอกลารุ่นใหญ่ ก่อนจะถอนหายใจด้วยความไม่เข้าใจ ชาลิสามองดูอาจารย์มณีนิ่มเดินไปจนลับสายตา แล้วเดินกลับมาที่โซฟารับแขกเพื่อเอาถ้วยชาไปเก็บล้างให้เรียบร้อย เธอมองถุงของขวัญอย่างสงสัยครู่หนึ่งก่อนจะไปล้างถ้วยชาแล้วเดินกลับมาจ้องมองมันอีกครา

“อะไรกันนะ” เธอเอ่ยถามด้วยความสงสัย แต่ก็หยิบถุงนั้นพร้อมเดินทางกลับบ้านด้วยเช่นกัน

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel