ตอนที่ 6 สำเร็จด้วยดี
หลังจากแสร้งป่วยทำให้บ้านสามีรำคาญ และสร้างข่าวลือให้คนในหมู่บ้านสงสารเธอ หลินเสี่ยวเหยาก็รู้ว่าเวลาที่เหมาะสมกำลังมาถึง
แต่แค่สองแม่ลูกเผชิญความลำบากแทนเธอไม่กี่วันและสร้างความรำคาญแค่นั้นยังไม่พอ เธอต้องทำให้หลี่ต้าซานหมดความอดทน และทำให้สกุลหลี่อับอายจนไม่อยากมีเธอในทะเบียนบรรพชนสกุลหลี่
วันนี้เป็นวันแรกที่เธอเริ่มกลับมาทำงานบ้าน ขณะที่หลินเสี่ยวเหยานั่งพับผ้าอยู่หน้าบ้าน ก็มีชาวบ้านเดินผ่านมาแล้วหยุดคุยกับเธอ
“สะใภ้หลี่ เธอดีขึ้นแล้วหรือ” คำถามนั้นอยากรู้อยากเห็นมากกว่าจะเป็นการถามไถ่เพราะห่วงใย
“ก็ดีขึ้นนิดหน่อยค่ะ” เธอพูดเสียงแผ่ว ทำท่าทางอ่อนแอเหมือนยังไม่หายดี
“เฮ้อ... ฉันสงสารเธอจริง ๆ เธอทำงานหนักมาตลอดจนล้มป่วยแท้ ๆ ยังไม่ทันหายดีก็ให้เธอทำงานเสียแล้ว ส่วนตัวเองทำเหมือนว่าขึ้นเขากับคนอื่น ๆ แต่ที่แท้ก็ไปนอนที่ริมธารน้ำที่ตีนเขา สามีฉันเห็นมากับตา”
“ต้าซานเป็นลูกผู้ชายแท้ ๆ แต่กลับให้ภรรยาทำงานทุกอย่าง ตัวเองก็แอบอู้ ขี้เกียจแบบนี้ใช้ไม่ได้เลยจริง ๆ”
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ แต่ฉันก็พยายามเป็นภรรยาที่ดี พยายามอดทนมาตลอด ไม่เคยคิดจะทอดทิ้งสามีเลย แม้เขาจะพึ่งพาไม่ได้ก็ตาม” หลินเสี่ยวเหยาถอนหายใจเบา ๆ
คำพูดของเธอยิ่งทำให้ชาวบ้านซุบซิบกันใหญ่ บางคนเริ่มส่ายหัว บางคนถึงกับทำหน้าไม่พอใจ และแน่นอนว่า ข่าวนี้ลอยไปถึงหูหลี่ต้าซานอย่างรวดเร็ว
“บ้าจริง ทำไมฉันถึงถูกมองว่าเป็นคนเลวตลอด” หลี่ต้าซานเดินพล่านไปมาในบ้านหลังจากกลับมาในตอนเย็น
“ก็เพราะเมียเธอนั่นแหละ” นางหลี่เดือดจัด
“แม่ว่าแล้ว เธอต้องกำลังวางแผนอะไรสักอย่างแน่ ๆ ไม่อย่างนั้นชาวบ้านจะเอาที่ไหนมาพูดกัน”
“ผมจะทนไม่ไหวแล้วนะแม่ เธอทำให้ผมกลายเป็นตัวตลกในหมู่บ้าน” หลี่ต้าซานโวยวายกับมารดา
หลินเสี่ยวเหยาที่แอบฟังอยู่ด้านหลังแอบยิ้มอย่างพึงพอใจ
วันต่อมา หลินเสี่ยวเหยาตั้งใจไปตลาดพร้อมกับแม่สามีโดยเลือกช่วงเวลาที่คนเยอะที่สุด
“สะใภ้หลี่ เธอดีขึ้นแล้วหรือ” แม่ค้าร้านขายผักที่เธอมักจะมาซื้อเป็นประจำถามไถ่ด้วยความห่วงใย
“ฉันก็ดีขึ้นบ้างแล้วค่ะ” เธอยิ้มบาง ๆ มองสายตานางหลี่ที่จิกตามองเธอแล้วก็ก้มหน้าลงเล็กน้อย จนแม่ค้าต้องพ่นลมหายใจด้วยความสงสาร
“ได้ยินว่าเธอป่วยหนัก ต้าซานต้องทำงานแทนเธอหมดเลยล่ะสิ”
“ใช่ค่ะ แต่ต้าซานก็เหนื่อยมาก ฉันสงสารเขาจริง ๆ” เธอตอบแล้วพูดยกความดีให้สามี ทำให้จางหมิ่นยิ้มออกแล้วรีบสนับสนุนคำพูดลูกสะใภ้
“ใช่ ๆ ต้าซานน่ะบ่นเหนื่อยทุกวันเลย เขาลำบากมากช่วงที่อาเหยาป่วย”
แม่ค้าทำหน้าเอือมระอา แล้วหันไปยิ้มกับหลินเสี่ยวเหยาที่เอาแต่ก้มหน้า ท่าทางดูเหมือนว่าไม่กล้าพูดไม่ดีถึงสามี
“สงสารอะไรกันสะใภ้หลี่ ก่อนหน้านี้เธอทำมากกว่าเขาเสียอีก แค่หาบน้ำแทนไม่กี่วันก็บ่นว่าเหนื่อยเสียแล้ว ฉันว่าเธอคงเจอสามีแย่ ๆ เข้าแล้วล่ะ” แม่ค้าพูดกระทบนางหลี่จนอีกฝ่ายอ้าปากพะงาบ ๆ โมโหที่ถูกพูดกระทบกระทั่ง
“อย่าพูดอย่างนั้นเลยค่ะ แม่สามีก็ชรามากแล้ว สามีฉันเองก็ต้องออกไปทำงานนอกบ้าน ฉันเป็นคนสกุลหลี่ หน้าที่งานบ้านทุกอย่างฉันก็เต็มใจทำ ไม่ได้เหนื่อยอะไรเลย แล้วยังบกพร่องเสียอีก แต่งงานมาสามปีก็มีทายาทให้สกุลหลี่ไม่ได้ ต้องโทษที่ฉันมันอ่อนแอ” หลินเสี่ยวเหยาแสร้งพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ
คนที่อยู่รอบ ๆ เริ่มซุบซิบกัน บางคนพยักหน้าว่าหลี่ต้าซานเป็นสามีที่ไม่ได้เรื่อง บางคนเริ่มแสดงความสงสารเธอขึ้นมา แล้วมุ่งเป้าไปที่ประเด็นใหม่
“ยังไม่มีลูก ไม่ใช่ว่าสามีไร้น้ำยาหรอกหรือ”
“นั่นสิ สามปีแล้วแต่ยังไม่มีลูก เป็นสาวแท้ ๆ ไม่ใช่อะไรก็โทษแต่เธอหรอกนะ เฮอะ! ไร้น้ำยาเองหรือเปล่า” ชาวบ้านคนนั้นพูดแล้วหันไปมองเหยียดนางหลี่แล้วทำหน้าตาเอือมระอากับครอบครัวนาง
“จะบ้ากันไปใหญ่แล้ว อาเหยา กลับ!” นางหลี่ทนต่อเสียงซุบซิบไม่ไหว รีบกระชากแขนสะใภ้กลับจนทำให้ชาวบ้านยิ่งพูดถึงกันเรื่องความรุนแรงนี้อย่างหนาหู
‘นี่แหละสิ่งที่ฉันต้องการล่ะ’ หลินเสี่ยวเหยาลอบยิ้มอย่างพอใจกับบทลูกสะใภ้แสนรันทดนี้ จะว่าไปแล้วที่ผ่านมาก็ใช่ว่าจะไม่มีคนรู้ แต่ทุกอย่างก็เป็นเพียงคำพูดที่เล่าต่อ ๆ กัน เธอแค่ทำให้ทุกอย่างมันชัดเจนและมีคนรู้เห็นกับตาก็เท่านั้น
และแน่นอนว่าเรื่องนี้ย่อมไปถึงหูของหลี่ต้าซานอีกครั้ง คืนนี้ต้องเป็นคืนที่เขาพูดขอหย่าแน่ ๆ
หลี่ต้าซานกลับมาถึงบ้านด้วยใบหน้าถมึงทึง
“ทนไม่ไหวแล้วนะ” เขาตะโกนเสียงดัง
“ต้าซาน ลูกใจเย็น ๆ ก่อน” นางหลี่ตกใจ รีบเดินเข้าไปดึงแขนลูกชายมานั่งที่โต๊ะกินข้าวกลางห้องโถง
“ผมอายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนแล้ว ไปไหนก็มีแต่คนซุบซิบว่าเมียผมเป็นภรรยาที่ดี แต่ผมมันไม่ได้เรื่อง แล้วยังมีเรื่องที่ผมกลายเป็นคนไร้น้ำยาอีก ให้ตายสิ” พูดจบก็หันไปมองภรรยาที่กำลังยกอาหารเย็นเข้ามาวาง
“ทั้งหมดก็เพราะเธอ” เขาตวาดเสียงดัง นางหลี่รีบแตะหลังลูกชายไว้ โน้มใบหน้าลงกระซิบบอกเขาว่าอย่าตำหนิภรรยาเสียงดัง เพราะป้าหยางบ้านข้าง ๆ กำลังแอบฟังเพื่อเอาไปนินทาอยู่
“แล้วจะให้ฉันทำอย่างไรเล่า เรื่องที่ชาวบ้านพูดถึงฉันก็แก้ตัวแทนคุณไปหมดแล้ว ส่วนเรื่องไม่มีทายาทฉันก็บอกใคร ๆ เสมอว่าเป็นเพราะฉันเองที่ไร้ความสามารถ ไม่เชื่อก็ถามแม่ดูสิ” หลินเสี่ยวเหยาทำหน้าซื่อ มองหน้าแม่สามีด้วยสีหน้าที่ไร้พิษสง
“ใช่ เธอไม่ได้พูดให้ร้ายต้าซาน แต่ท่าทางเธอเวลาพูดมันทำให้คนอื่นเขาเข้าใจผิด เธอทำเหมือนว่าฉันบังคับให้เธอพูดอย่างไรอย่างนั้น ทุกวันนี้งานบ้านก็แทบไม่แตะ แล้วยังมาเป็นภาระให้พวกเราอีก ฉันจะมีเธอเอาไว้ทำไมกัน” แม่สามีพูดด้วยท่าทางที่หมดความอดทน
“ก่อนหน้านี้ที่ฉันไม่อยากหย่า เพราะเธอยังมีประโยชน์อยู่บ้าง แต่ตอนนี้เธอไม่มีประโยชน์แล้ว อยู่ต่อไปก็มีแต่จะนำความซวยมาให้ฉัน เธอต้องออกไปจากบ้านนี้” หลี่ต้าซานตัดสินใจขับไล่ภรรยา
“หมายความว่า... เธอจะหย่ากับฉันหรือ?” หญิงสาวพูดเสียงสั่น ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้
“ใช่ ฉันจะหย่า ฉันจะไม่ทนแล้ว!” เขาตะโกนใส่หน้าเธอ ไม่สนใจว่าจะมีใครแอบฟังแล้วเอาไปเล่าต่อในทางเสียหาย
สำเร็จ! หลินเสี่ยวเหยารู้สึกดีใจและโล่งใจ เธอแทบอยากจะกระโดดโลดเต้น แต่ต้องเก็บอาการไว้
“ต้าซาน คุณคิดดีแล้วหรือ ฉันก็แค่พยายามเป็นภรรยาที่ดีนะ” เธอพูดเสียงเครือ ผู้ชายชอบให้ผู้หญิงแสดงความอ่อนแอแล้วจะรู้สึกว่าตัวเองยิ่งใหญ่ เธอจะทำให้เขารู้สึกอย่างนั้น
“ภรรยาอะไรกัน เธอมันเป็นตัวซวย เธอทำให้ฉันอับอายขายหน้าไปทั่ว ถ้าหย่าแล้วฉันได้ชีวิตสงบสุขกับแม่แค่สองคน ฉันก็จะหย่า!”
หลินเสี่ยวเหยาก้มหน้าลง ซ่อนรอยยิ้มไว้ สุดท้าย เธอก็ได้อิสรภาพอย่างที่ตั้งใจเอาไว้
************************