ตอนที่3 ทำอาหาร
หลังจากล้างเนื้อล้างตัวเสร็จเรียบร้อย ซูหนี่ว์และซูเจียวก็พากันมาที่ห้องครัว บรรดาบ่าวรับใช้ถึงกับมองด้วยความแปลกใจที่นายสาวมาเยือนถึงห้องครัว ลู่กังหัวหน้าพ่อครัวจึงต้องเอ่ยถามออกไป
“คุณหนูรองต้องการสิ่งใดหรือขอรับ?”
“บุตรสาวข้าอยากลองทำอาหาร ท่านหัวหน้าพ่อครัวรบกวนช่วยเตรียมสิ่งของที่นางที่นางอยากได้ด้วย”
“เอ่อ…ขอรับ” ลู่กังเอ่ยตอบแต่แอบชำเลืองมองซูหนี่ว์ที่ดูยังไงก็ไม่น่าจะทำอาหารได้ แต่ก็ช่างเถอะในเมื่อผู้เป็นนายอยากลองเขาผู้เป็นบ่าวก็ไม่กล้าขัด
บ่าวในห้องครัวยืนรวมตัวกัน เพื่อรอคำสั่งว่าจะให้ทำอะไรบ้าง เห็นคุณหนูซูหนี่ว์งดงามราวตุ๊กตา ไม่อยากเชื่อว่านางจะอยากมาลองทำอาหาร สงสัยคงนึกสนุกตามวัยของนาง คุณหนูส่วนใหญ่ไม่ชอบการเข้าครัว เพราะการทำอาหารทำให้ มีกลิ่นติดตามเนื้อตามตัว ซึ่งเป็นสิ่งที่คุณหนูทั่วไปไม่ปรารถนา
ซูหนี่ว์เดินสำรวจห้องครัวด้วยความพอใจ สมกับเป็นห้องครัวของคหบดีอันดับ1มีทุกอย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็นเนื้อสัตว์และผักต่างๆ แม้แต่เครื่องเทศและเครื่องปรุง แต่นางลืมไปว่ายุคนี้เป็นยุคจีนโบราณ เครื่องปรุงรสยังไม่ได้ทันสมัยมากนัก ถ้าหากว่านางมีมิติกลับไปที่ห้องครัวของนางได้คงดีไม่น้อย จะได้นำผงปรุงรส นำ้มันหอย ซีอิ๊ว มาใช้แต่ก็นั่นแหละมันจะเป็นไปได้ยังไง ซูหนี่ว์ปัดความคิดออกไป และเดินไปเลือกปลาที่อยู่ในถัง ก่อนที่บ่าวคนหนึ่งจะรีบถลามาจับปลาเสียเอง
“คุณหนู!!!จะใช้ปลาหรือเจ้าคะ? ท่านจะใช้กี่ตัว? เอ่อ…คุณหนูบอกข้ามาเลยเจ้าค่ะว่าจะให้ทำเช่นไร คือปลามันคาวมาก ให้ข้าเป็นคนทำเถอะเจ้าค่ะ” บ่าวที่มีหน้าที่ทำอาหารในห้องครัว คิดว่าคงไม่เหมาะที่ให้คุณหนูเป็นคนลงมือทำปลาเอง
“ได้เจ้าเลือกปลามา6ตัว นำไปล้างขอดเกล็ด ผ่าท้องล้างให้สะอาด แล้วเอามาให้ข้า”
“เจ้าค่ะ”
ซูหนี่ว์หันไปสั่งบ่าวคนอื่นให้หั่นผัก เตรียมสิ่งของที่นางอยากได้อย่างคล่องแคล่ว ซูเจียวที่ยืนมองดูอยู่ก็ได้แต่ประหลาดใจกับท่าท่างของบุตรสาว ซูหนี่ว์ที่หันมาเห็นมารดาทำหน้าสงสัย ก็รีบเดินมาเกาะแขนแล้วกระซิบเบา ๆ
“ท่านแม่ช่วงที่ข้าป่วยนอนไม่ได้สติ ข้าได้ไปยังอีกโลกหนึ่งและได้เรียนรู้อะไรมากมาย หนึ่งในนั้นก็คือการทำอาหาร เดี๋ยวข้าจะเล่ารายละเอียดให้ท่านฟังอีกทีนะเจ้าค่ะ” ซูเจียวพยักหน้ารับรู้ ก่อนจะหันไปช่วยบ่าวอีกคนแกะกระเทียม โดยไม่ได้ถามสิ่งใดกลับไป เพราะตั้งแต่นางหายป่วยก็เปลี่ยนไปมาก และตัวนางเองก็ทำใจยอมรับมาได้ซักระยะแล้ว
ซูหนี่ว์เห็นมารดาไม่ถามอะไรอีกก็ ถอนหายใจอย่างโล่งอก นางโชคดีจริง ๆ ที่มีมารดาที่รักและพร้อมเข้าใจนางเช่นนี้ อย่างไรนางจะหาทางเล่าให้มารดาฟังอีกที แม้บางเรื่องบางครั้งอาจจะดูเชื่อยากก็ตาม
ซูหนี่ว์เลือกทำปลาผัดคึ่นช่ายและปลาราดพริก ต้มกระดูกหมูใส่กาดดอง และผัดผัก ทุกอย่างถูกบ่าวในห้องครัวจัดเตรียมมาให้ซูหนี่ว์เตรียมปรุง นางทำเผื่อบ่าวรับใช้ในจวนให้ได้ชิมด้วย เพราะนางเชื่อว่าฝีมือการทำอาหารของนางไม่เป็นสองรองใครอย่างแน่นอน ซูหนี่ว์เตรียมตั้งกระทะเทนำ้มันลงไป แล้วหันมาบั้งปลาสามตัว แล้วโรยเกลือนิดหน่อย อีกสามตัวนางแลเอาแต่เนื้อจะทำปลาผัดขึ้นฉ่าย
ด้วยความเคยชินที่จะหมักเนื้อปลาก่อนทอด จึงหันไปหยิบผงปรุงรสมาใส่ลงไป แต่เดี๋ยวก่อน!!ผงปรุงรสมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง? เกิดอะไรขึ้น!!! ซูหนี่ห์หันไปมองรอบๆ ก็ไม่เห็นมีใครสนใจ จึงเริ่มทำอาหารต่ออย่างงงๆ กับเหตุการณ์นี้
แต่ก็ยังมีเรื่องให้แปลกใจเพิ่มขึ้นไปอีก เมื่อนางคิดว่าอยากได้ซีอิ้วหรือนำ้มันหอย ทุกอย่างก็มาวางอยู่ในถ้วยเรียบร้อย นี่มันเป็นเพราะกำไลที่นางสวมอยู่หรือไม่นะ แต่ก็สุดยอดไปเลยต่อไปจะได้ไม่ต้องกังกล เรื่องการทำอาหารในยุคนี้แล้ว
ไม่นานกลิ่นหอมของอาหารก็ส่งกลิ่นหอมตลบอบอวลคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ บ่าวในห้องครัวพากันได้กลิ่นอาหารก็พากัน นำ้ลายไหลท้องร้องกันเป็นแถว ไม่อยากเชื่อว่าคุณหนูในห้องหอและหน้าตางดงาม จะทำอาหารได้คล่องแคล่วว่องไว แถมอาหารยังออกมาน่ากิน จนพวกเขาต้องแอบกลืนน้ำลายไปตามๆ กัน
หลังจากอาหารเสร็จซูหนี่ว์ก็หันไป จะบอกกับบ่าวในครัวว่า เครื่องปรุงรสเหล่านี้ห้ามเอาไปไหน แต่พอหันไปดูเครื่องปรุงเหล่านั้นก็หายไปแล้ว นี่มันอะไรกันเนี่ยะ!!แปลกประหลาดมากเกินไปแล้ว ซูหนี่ว์เลิกใส่ใจขนาดทะลุมิติมาอยู่ในร่างนี้ ก็ยังเกิดขึ้นมาแล้ว นับประสาอะไรกับเครื่องปรุงทะลุมิติจะเกิดขึ้นไม่ได้
เมื่อทุกคนมาพร้อมกันที่โต้ะอาหาร ก็ต้องตกใจกับอาหารที่อยู่ตรงหน้า กลิ่นของอาหารและสีสันที่น่ากิน
“หลานรักอาหารพวกนี้เจ้าทำเองทั้งหมดเลยรึ? ไป๋เฉิงหันมาถามซูหนี่ว์ เพราะไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง
“เจ้าค่ะ” ซูหนี่ว์ตอบและยกยิ้มอย่างภาคภูมิใจ
“โอ..หลานยาย หน้าตาเจ้างดงามแล้วยังเป็นแม่บ้านแม่เรือนอีกด้วย เจียวเอ่อร์เจ้าเลี้ยงลูกได้ดีเสียจริง” ฮูหยินไป๋รู้สึกปลาบปลื้มใจยิ่งนักที่เห็นซูเจียวบุตรสาว ที่แม้จะเลี้ยงบุตรมาเพียงลำพังแต่ก็ทำได้ดี ซูหนี่ว์เติบโตมางดงามและมีความสามารถเช่นนี้ น่าชื่นชมจริงๆ
“ท่านพ่อท่านแม่ท่านก็อย่าเพิ่งชมเลยเจ้าค่ะ รสชาติจะได้เรื่องหรือเปล่าข้าเองก็ยังไม่รู้เลย” พอซูหนี่ว์ได้ยินมารดาเอ่ยเช่นนั้นก็ยืดอกเชิดหน้าขึ้นอย่างไม่รู้ คอยดูเถอะได้ชิมแล้วจะติดใจ
"น้องหญิง!มาถึงแล้วรึ? เสียงบุรุษที่อยู่ในเครื่องแบบ ของทางราชการเอ่ยถาม พร้อมเดินเข้ามาร่วมวงที่โต้ะอาหาร
“โอ้โฮ!!อาหารน่ากินทั้งนั้นเลย” ซูอันคุณชายใหญ่ที่ชอบการกินเป็นที่สุดตาลุกวาว
“คารวะพี่ใหญ่/คารวะท่านลุง”
ซูอันหันกลับมามองน้องสาวที่ไม่เจอกันหลายปี นางยังคงเป็นสตรีที่สวยสดงดงาม แม้วันเวลาผ่านไปหลายปี ข้างกายนางมีดรุณีแรกแย้ม งดงามไม่ต่างกันเพียงแต่เยาว์วัยกว่า นี่คงเป็นหลานสาวของเขาเป็นแน่
“เป็นไงหนี่ว์เอ่อรชอบเมืองหลวงหรือไม่?
“ชอบเจ้าค่ะ” ซูหนี่ว์ยกยิ้ม แอบสังเกตซูอันผู้เป็นลุงที่ปากสนทนา แต่สายตากลับเหลือบมองแต่อาหารบนโต้ะ ท่าทางท่านลุงคงจะเป็นคนชอบกินคนหนึ่ง
“อาหารมื้อนี้น่ากินทั้งนั้นเลย ข้าหิวมากเลยขอเริ่มก่อนได้หรือไม่?” ซูอันหันไปขอความคิดเห็น แต่ก็ไม่ได้รอคำตอบรีบนั่งลงแล้วรีบจัดการคีบอาหารที่อยู่ตรงหน้า มาใส่ถ้วยข้าวแล้วคีบใส่ปากทันที ก่อนที่จะหยุดชะงักนิ่งไป
“อะ..อาหารนี่ผู้ใดเป็นคนทำ เหตุใดรสชาติแย่ขนาดนี้!! ซูหนี่ว์ที่ได้ยินก็รู้สึกไม่มั่นใจในฝีมือการทำอาหารขึ้นมา
“ท่านลุงข้าเป็นคนทำเองเจ้าค่ะ” พอได้ยินว่าหลานสาวเป็นคนทำ ซูอันก็หน้าซีดเผือดก็รู้สึกผิดขึ้นมาทันที
“อะไรนะเจ้าเป็นคนทำหรือ?
“ก็ใช่นะสิ หลานตาไม่ต้องไปสนใจลุงที่โง่เขลาของเจ้า อาหารที่เจ้าทำรสชาติต้องดีมากแน่ ทุกคนรีบลงมือกินก่อนที่จะโดนเจ้าตะกละนี่จัดการหมดซะก่อน” ไป๋ซูเฉิงแอบมองค้อนบุตรชาย นึกว่าเขาไม่รู้หรือไงว่า ที่พูดว่ารสชาติแย่นั้นเพราะอยากจะเก็บไว้กินคนเดียว
"หนี่ว์เอ่อรลุงขอโทษ ลุงผิดไปแล้ว ให้อภัยลุงเถอะนะ จริงๆ อาหารี่เจ้ารสชาติดีและอร่อยมาก ลุงก็เเค่พูดไปแบบนั้นเองเพราะไม่อยากให้ใครแย่ง”
“ซูอันนี่เจ้าจะเห็นแก่กินมากเกินไปแล้ว แถมพูดจาไม่รักษาน้ำใจหลาน น่าจะให้อดอาหารสักสามมื้อ” ฮูหยินไป๋ตวัดสายตาดุไปทางบุตรชายคนโต
“ท่านยายไม่เป็นไรเจ้าค่ะ อร่อยก็ดีแล้วงั้นเรามาลงมือกันเถอะเจ้าค่ะ เดี๋ยวอาหารจะเย็นเสียก่อน ท่านลุงกินเยอะ ๆ นะเจ้าคะ หากท่านชอบข้าจะทำให้กินทุกวันเลยเจ้าค่ะ”
ซูอันพอได้ยินว่าจะได้กินทุกวัน ก็ตาโตรีบจับมือซูอันอย่างตื่นเต้น” เจ้าพูดจริงรึหลานรัก”
“ฮึให้มันน้อย ๆ หน่อยเถอะ เจ้าลูกเต่าจอมตะกละ” ไป๋ซูเฉิงที่ค่อนข้างสนิทกันกับบุตรชาย เอ่ยแขวะเข้าให้ ซูอันก็ส่งสายตาขัดเคืองไปให้บิดา ก่อนจะหันไปจัดการอาหารต่ออย่างรวดเร็ว จนไป๋ซูเฉิงส่ายหัวอย่างเอือมระอา พลอยทำให้ทุกคนหัวเราะกับกิริยาท่าทางของทั้งสองพ่อลูก
เย็นนั่นทุกคนเอร็ดอร่อยกับอาหารที่ไป๋ซูหนี่ว์เป็นคนทำ โดยเฉพาะซูอันที่กินอย่างเอาเป็นเอาตาย จนซูหนี่ว์รู้สึกเป็นห่วงว่าเขาจะไม่สบายท้องเพราะกินมากเกินไป
