ทะลุมิติมาพลิกชะตา

112.0K · จบแล้ว
คุณแม่แฝดสาม
45
บท
11.0K
ยอดวิว
9.0
การให้คะแนน

บทย่อ

อยู่ๆนางก็ทะลุมิติมาอยู่ในร่างของไป๋ซูหนี่ว์ที่มีอายุเพียงสิบห้าหนาว และยังเป็นยุคจีนโบราณแถมทุกคนในยุคนี้ยังฝากความหวังไว้กับนาง แล้วนางที่มาจากยุคปัจจุบันจะทำเช่นไรดี

นิยายจีนโบราณท่านอ๋องพลิกชีวิตนางเอกเก่งรักแรกพบนิยายกำลังภายในพระชายาแฮปปี้เอนดิ้งเรื่องมหัศจรรย์ผู้สืบทอด

ตอนที่1 ทะลุมิติ

ตะวันที่อยู่ๆก็ทะลุมิติมาในยคจีนโบราณแบบงงๆ และนางยังได้มาอยู่ในร่างของเด็กสาว นามว่าไป่ซูหนี่ห์ซึ่งมีอายุ เพียง15หนาว ตะวันได้แต่นอนหลับตาทบทวนเรื่องราวที่แสนเหลือเชื่อ เพียงแค่เธอแวะไปร้านขายของเก่า และได้พบกับ. กำไลโบราณวงหนึ่ง

ซึ่งเธอก็รู้สึกถูกใจตั้งแต่แรกเห็น จึงคิดที่จะลองสวมดู แต่ไม่คาดคิดว่าเธอจะทะลุมิติมาอยู่ในร่างของเด็กสาวในยุคจีนโบราณซูหนี่ห์เป็นเพียงเด็กสาวอายุเพียง15หนาว หลังจากซูหนี่ว์ตกนำ้และป่วยหนักจนสิ้นใจ

วิญญาณของตะวันที่อยู่ในยุคปัจจุบันก็เข้ามาแทนที่ แม้จะไม่อยากเชื่อแต่หลังจากนอน หลับๆตื่นๆอยู่หลายครั้ง และยังคงอยู่สถานที่เดิม เป็นสิ่งยืนยันได้ว่า มันคือเรื่องจริง

ร่างกายของซูหนี่ว์อ่อนแอเพราะป่วยมานาน ทำให้ตะวันที่มาสวมรอยรู้สึกขัดใจอยู่ไม่น้อย นางอยากลุกขึ้นเดินออกไปสำรวจภายนอกแต่ก็ไร้เรี่ยวแรง ได้แต่นอนคิดว่าจะทำอย่างไรต่อไปดี ความทรงจำของร่างนี้ยังอยู่ครบ ทำให้นางไม่ต้องลำบากในการใช้ชีวิตเป็นซูหนี่ว์เท่าใดนัก ถือว่าโชคดี ไม่อย่างนั้นนางคงต้องแกล้งทำเป็นความจำเสื่อมเป็นแน่

เสียงผลักบานประตูเปิดเข้ามาอย่างช้าๆ พร้อมกับร่างของไป๋ซูเจียวผู้เป็นมารดา และป้าฮุ่ยเหมยคนสนิทของมารดา ท่าทางของทั้งสองคนดูวิตกกังวลอย่างเห็นได้ชัด หมอบอกว่าหมดทางรักษาหากรอดมาได้ ก็คงหวังเพียงปาฏิหาริย์เพียงเท่านั้น

ไป๋ซูเจียวเพียงได้รับรู้ก็ถึงกับหมดสติไปทันที ไป๋ซูหนี่ว์เป็นดั่งแก้วตาดวงใจแม้จะขาดบิดา นางก็รักและดูแลนางอย่างทะนุถนอมมาเป็นอย่างดี อยู่ ๆ จะมาจากไปนางคงทำใจไม่ได้ นางยอมแม้ต้องแลกชื่อเสียง ปกป้องบุตรสาวเอาไว้

เพราะเกิดเรื่องผิดพลาด เกิดมีความสัมพันธ์กับบุรุษแปลกหน้า ในงานฉลองเทศกาลโคมไฟ นางไม่รู้ว่าบุรุษผู้นั้นเป็นใคร หลังจากเกิดเหตุการณ์นั้น นางก็ให้ป้าฮุ่ยเหม่ยคนสนิท รีบหายาห้ามครรภ์มาให้ แต่ก็เกิดการผิดพลาด ไม่คาดคิดว่ายาจะไม่ได้ผล นางเกิดตั้งครรภ์ขึ้นมา จะให้นางทำลายเด็กในท้องก็ไม่สามารถทำใจทำได้

นางจึงตัดสินใจเล่าทุกอย่างให้บิดาและมารดาฟัง โชคดีที่ไป๋เฉิงและเจียวจินผู้เป็นบิดามารดา รักและเข้าใจไม่ตำหนิ แถมยังช่วยได้แนะนำให้ซูเจียวย้ายออกไปอาศัยที่ต่างเมืองชั่วคราว ป้องกันคำครหาที่อาจเกิดขึ้น

ซึ่งไป๋ซูเจียวเองก็เห็นด้วย เพราะไม่อยากทำให้ครอบครัวต้องได้รับความอับอายขายหน้า จึงตัดสินใจย้ายไปอยู่ที่เมืองตงฟาง ซึ่งห่างไกลจากเมืองหลวงราว100ลี้ เป็นบ้านที่บิดาซื้อทิ้งไว้ยามออกไปติดต่อค้าขาย

ซูเจียวอาศัยอยู่ที่เมืองตงฟางโดยที่ไม่ได้ยากลำบากอะไรนัก เพราะไป่เฉิงเป็นคหบดีผู้มั่งคั่ง เรือนที่ซื้อไว้ก็ใหญ่โตกว้างขวาง พร้อมบ่าวรับใช้มากมาย ไป๋ซูเจียวจึงใช้ชีวิตได้อย่างสุขสบายและไร้กังวล

นางคลอดบุตรสาวออกมาได้อย่างราบรื่น และเลี้ยงดูบุตรสาวมาได้เป็นอย่างดี แต่ทว่ายามนี้บุตรสาว ที่มีอายุเพียง15หนาวเกิดพลัดตกน้ำ หลังจากช่วยขึ้นมาได้นางก็ล้มป่วยและอ่อนแอลงเรื่อย ๆ จนหมอส่ายหน้า หมดหนทางในการรักษา ซูเจียวร่ำไห้กราบไหว้ขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ให้ช่วยปกป้องซูหนี่ห์ให้อยู่รอดปลอดภัย

แต่หลายวันผ่านไป ซูหนี่ว์ก็ไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้น สร้างความกังวลและทุกข์ใจให้กับซูเจียวจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ ฮุ่ยเหมยคนรับใช้คนสนิทได้แต่เอ่ยปลอบใจ ไม่อยากให้นายสาวคิดมากจนเสียสุขภาพ แม้ในใจจะหวาดวิตกและกังวลมากเช่นกัน

เช้านี้หลังจากซูเจียวแวะไปกราบไหว้ขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิในห้องไหว้พระ ก็รีบตรงมาดูบุตรสาวอย่างเช่นเคย แต่แค่เพียงพลักบานประตูเข้าไป ซูหนี่ว์ที่นอนอยู่บนเตียงก็ลืมตาขึ้นมาทันที ทำเอาซูเจียวและฮุ่ยเหมย ตกตะลึงด้วยความตกใจและดีใจในเวลาเดียวกัน

เร็วกว่าคำพูดซูเจียวถลาไปสวมกอดร่างของบุตรสาว ด้วยความปิติยินดีจนกลั้นนำ้ตาเอาไว้ไม่อยู่ ภายในใจที่เคยรู้สึกหนักอึ้งยามนี้ ผ่อนคลายเบาบางลงอย่างน่าเหลือเชื่อ

“ลูกแม่…เจ้าฟื้นเสียที รู้มั้ยว่าแม่แทบขาดใจเพียงใด ที่เห็นเจ้านอนนิ่ง ไม่ได้สติมาหลายวันเช่นนี้ ฮุ่ยเหมยรีบไปเอายามา ข้าจะป้อนนาง”

"เจ้าค่ะ”ไม่รอช้าฮุ่ยเหมยกึ่งเดินกึ่งวิ่งออกไปเอายาทันที

"เจ้ารู้สึกเป็นเช่นไรบ้าง? เจ็บปวดตรงที่ใด บอกแม่” ซูเจียววางมือลงบนหัวของซูหนี่ว์แล้วลูบไปมาอย่างเป็นห่วง

"ท่านแม่!”ซูหนี่ว์อยากจะพูดออกไปให้มากกว่านี้ แต่ร่างกายที่อ่อนล้าไร้เรี่ยวแรงของร่างนี้ จึงได้แต่นอนมองและสำรวจใบหน้าผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นมารดา ซูเจียวมารดาของซูหนี่ว์เป็นสตรีที่งดงามมากจริงๆ แม้ยามนี้จะดูหม่นหมองลงไปบ้าง จากการอดหลับอดนอนและวิตกกังวล แต่ความงดงามของนางก็ไม่ลดน้อยด้อยลงไปเลยแม้แต่น้อย ซูเจียวเมื่อเห็นว่าบุตรสาวเอาแต่มองหน้านาง ก็คิดได้ว่านางอาจจะยังอ่อนเพลียเกินกว่าจะเอ่ยตอบ จึงรีบเอ่ยขึ้นแทน

"แม่ไม่น่ารีบถามเจ้า เอานี่เจ้าดื่มยาก่อนเถิด ”ซูเจียวรับยามาจากฮุ่ยเหมย เป่าจนหายเย็นดีแล้ว จึงเริ่มป้อนให้บุตรสาวที่นอนอ้าปากรอ กลิ่นยาและรสชาติ ทำเอาซูหนี่ห์ต้องกลั้นหายใจ แต่ก็พยายามฟืนกลืนลงไป นางอยากหายไว ๆ ไม่อยากนอนเป็นผักแบบนี้ มันทรมานและอึดอัดเต็มทน

ไป๋ซูเจียวยกยิ้มด้วยความพอใจ ที่เห็นซูหนี่ว์ยอมกินยาแต่โดยดีไม่ปริปากบ่น เพราะปกติซูหนี่ว์ไม่ชอบกินยา เอาแต่บ่นว่าขมไม่ชอบ พอหมดถ้วยนางก็หยิบผ้ามาเช็ดปากให้ แล้วดึงผ้าห่มมาคลุมให้จนถึงหน้าอกแล้วบอกให้ซูหนี่ว์นอนพักต่อ ก่อนจะออกไปเตรียมโจ๊กและต้มนำ้แกงกับฮุ่ยเหมย เพราะคาดว่าหลังจากตื่นมา ร่างกายของนางควรได้รับอาหารหลังจากไม่ได้สติไปหลายวัน

สามวันผ่านไปอาการของซูหนี่ห์ก็เริ่มดีขึ้น ยามนี้นางสามารถขยับตัวได้บ้างแล้ว จึงยกแขนขึ้นมาดูกำไลเจ้าปัญหาที่พาเธอให้มาอยู่ที่นี่ในร่างนี้ ซูหนี่ห์จับกำไลหมุนไปหมุนมา แต่ก็ไม่พบสิ่งใดผิดปกติ จึงได้แต่ถอนใจ จะเหตุผลอะไรก็ช่างเถอะ ตอนนี้แก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว ก็คงต้องปรับตัวใช้ชีวิตที่นี่ในนามไป๋ซูหนี่ว์ต่อไป

เช้านี้ไป๋ซูหนี่ว์ลุกขึ้นมาแต่เช้า เพราะพอร่างกายเริ่มมีเรี่ยวแรงขึ้นมาบ้างแล้ว นางจึงคิดอยากจะออกไปสูดอาการภายนอกในยามเช้าดูบ้าง แม้จะซวนเซอยู่บ้างในคราแรก เพราะนอนติดเตียงเป็นเวลานานขาจึงไร้เรียวแรง แต่ไม่ช้าก็กลับมาเดินได้เป็นปกติ เพียงแต่ต้องก้าวช้า ๆ เท่านั้น

ซูหนี่ว์เดินผ่านกระจกทองเหลือง อดไม่ได้ที่จะหันไปมองสำรวจรูปร่างหน้าตาของตนเอง นี่มันตัวตนของนางในยุคปัจจุบันชัด ๆ เพียงแต่ว่าร่างนี้เป็นนางในช่วงวัย15หนาว นี่เธอมาอยู่ในร่างของตัวเองในวัยเยาว์รึ?

ไป๋ซูเจียวที่เห็นบุตรสาวเดินออกมา ก็ตกใจรีบพละจากงานที่ทำในมือ รีบเข้ามาประคองซูหนี่ว์ในทันที ร่างกายของไป่ซูหนี่ห์ยังไม่แข็งแรงดี นางกลัวว่าอาจล้มพับลงไปได้ง่าย ๆ

“ออกมาทำไม!!เจ้าเพิ่งจะดีขึ้น ร่างกายยังไม่แข็งแรง”ซูเจียวเอ่ยตำหนิเบาๆด้วยความเป็นห่วง

“ข้าดีขึ้นมากแล้วเจ้าค่ะท่านแม่ ขืนให้ข้านอนอยู่แต่ในห้อง ข้าก็เป็นคนพิการกันพอดี อีกอย่างออกมารับแสงแดดยามเช้าแบบนี้ ข้ารู้สึกสดชื่นขึ้นมากเลยเจ้าค่ะ”ซูหนี่ว์หันไปฉีกยิ้ม ซูเจียวเห็นเช่นนั้นก็อดยิ้มเอ็นดูออกไปไม่ได้ ยกมือลูบหัวบุตรสาวไปมา

“วันนี้แม่ทำซุปไก่บำรุงร่างกายให้เจ้า เจ้าก็กินเยอะ ๆ ละรู้มั้ยจะได้แข็งแรง และหายไว ๆ”

“เจ้าค่ะ ว่าแต่ท่านแม่ ข้าอยากกลับไปเยี่ยมท่านตากับท่านยาย ข้าอยากไปเห็นเมืองหลวงของแคว้นเป่ยเซียง ดูสิว่าจะงดงามมากเพียงใด”

“ได้เมื่อเจ้าหายดี เราจะไปเยี่ยมท่านตาท่านยายดีหรือไม่?”ซูเจียวไม่อยากขัดใจนาง ครั้งนี้นางฟื้นขึ้นมาจากอาการป่วย ซึ่งท่านหมอเองก็ไม่รับปากว่านางจะรอด แต่นางก็รอดมาได้ หากสิ่งใดที่นางสามารถทำให้บุตรสาวมีความสุขได้นางก็ยินดี

“ขอบคุณเจ้าค่ะ ท่านแม่ของข้าใจดีที่สุด”ซูหนี่ว์รีบเข้าไปกอดแขนซบไหลอย่างออดอ้อนผู้เป็นมารดา

“งั้นเจ้าก็ต้องรีบหายป่วยเร็วๆแล้วละ”

"ได้!!ข้าจะรีบหาย ท่านแม่สัญญาแล้วนะเจ้าค่ะ”ซูหนี่ว์ฉีกยิ้ม รู้สึกอบอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูก ยุคที่นางจากมานางเป็นเพียงด็กกำพร้า พอมามีมารดาที่รักและเอาใจใส่เช่นนี้ ภายในใจก็รู้สึกอบอุ่นอิ่มเอมในหัวใจไม่น้อย

ที่จริงเหตุผลที่นางอยากไปเยี่ยมท่านตาท่านยาย ก็เป็นเหตุผลหนึ่ง แต่อีกเหตุผลหนึ่งก็คือ นางอยากไปพิสูจน์บางอย่าง ตั้งแต่นางมาอยู่ที่นี่ในร่างนี้ นางก็ฝันแปลกๆ ถึงสถานที่แห่งหนึ่ง ซึ่งในความฝันมีชายผู้หนึ่งซึ่งนางไม่รู้จัก บอกว่าเป็นบิดาของนาง ให้นางกลับไปหา

ในความฝันชายผู้นั้นยังพาไปยังบ้านที่เขาอาศัยอยู่ และยังบอกอีกว่าอยู่ในเมืองหลวง ซูหนี่ว์ยังฝันซำ้ๆแบบเดิมอยู่ทุกคืน นางจึงอยากไปพิสูจน์ความจริงให้เห็นกับตา ว่าสิ่งที่นางฝันมันคืออะไรกันแน่ นางเบื่อที่จะฝันถึงเรื่องเดิมๆทุกคืนแล้ว หากอยากรู้ต้องไปหาค้นหาคำตอบ แต่แปลกในความรู้สึกข้างในลึกๆกลับรู้สึกว่า นางคุ้นเคยกับชายผู้นั้นอย่างน่าประหลาดใจ