บทที่6 นี่หรือคือที่อยู่ของคน
นางดึงชุดที่กู้จิ่งเหยียนใส่เอาไว้จนขาดไปทั้งตัว ตอนนี้เหลือเพียงกายเปลือยเปล่าล่อนจ้อนที่มีเพียงหนังหุ้มกระดูก นางไม่ใส่ใจว่าเขาจะอายหรือรู้สึกอะไรหรือไม่ ลู่หยวนซีอุ้มร่างผอมวางลงไปในถังน้ำอุ่นเบาๆ ก่อนเดินไปหยิบสบู่มาเพื่ออาบน้ำให้เขา หลังจากเปลี่ยนน้ำอุ่นไปหลายครั้ง ร่างกายที่เคยเปรอะเปื้อนไปด้วยสิ่งปฏิกูลก็กลับมาสะอาดอีกครั้ง
ลู่หยวนซีค่อยๆ แกะผ้าสีขาวที่พันบนใบหน้าของเขาออก เพราะคิดที่จะสระผมให้เขาด้วย แต่แล้วเมื่อนางได้เห็นใบหน้าภายใต้ผ้าพันแผล ลู่หยวนซีถึงกับตกตะลึงจนอ้าปากค้าง มิน่าเล่าเหตุใดเจ้าระบบถึงได้ดูคลั่งไคล้เขาขนาดนั้น
ดวงตาสีม่วงภายใต้เรียวคิ้วเข้มหนาที่โก่งรับกับจมูกโด่งเป็นสัน รวมกับใบหน้าคมที่ด้านข้างมองเห็นสันกรามได้อย่างชัดเจน ริมฝีปากบางที่เม้มน้อยๆ แลดูเอาแต่ใจของเขาทำให้เวลานี้นางมิอาจละสายตาได้ ไรหนวดที่ขึ้นเขียวบางๆ ทำให้ใบหน้านั้นดูหล่อเหลาและยั่วยวนในเวลาเดียวกัน
ลำคอยาวรับกับลูกกระเดือกที่ขยับขึ้นลงเป็นจังหวะอย่างพอดี ผิวขาวดูเรียบลื่นของหน้าอกเลยลงไปถึงหน้าท้องแม้จะผอมมากแต่เขาก็ยังคงดูดีอยู่ เขาช่างเป็นชายหนุ่มรูปงามที่หาตัวจับได้ยากเสียจริง
ลู่หยวซีจุ๊ปากเบาๆ แม้นางจะเคยเห็นดารานักร้องมาบ้าง แต่ก็ไม่เคยเห็นใครเหมือนชายผู้นี้สักคน ใบหน้าของเขานั้นทำให้คนที่เห็นยากจะละสายตาได้ แม้แต่รอยตะขาบไฟสีแดงที่ขึ้นตามลำคอลากยาวมาจนถึงใบหน้าของเขา ก็ไม่อาจลดทอนความหล่อเหลาของคนผู้นี้ได้เลย มันทั้งดูลึกลับและน่าค้นหาในเวลาเดียวกัน
ลู่หยวนซีกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น ไม่ได้ๆ จะมาไขว้เขวเพราะรูปร่างหน้าตาของเขาไม่ได้ ท่องเอาไว้ว่าชายคนนี้เป็นเพียงตัวละครในนิยายเท่านั้น ขอเพียงรักษาเขาให้หายดีนางก็จะได้กลับไปใช้ชีวิตปกติของตนแล้ว
ลู่หยวนซีรีบสระผมให้กู้จิ่งเหยียนโดยที่ไม่ได้ปริปากเอ่ยสิ่งใดออกมา มีเพียงเสียงถอนหายใจของนางเท่านั้นที่ดังถี่ขึ้นเรื่อยๆ แต่ภายในใจของกู้จิ่งเหยียนกำลังคิดว่านางคงจะรังเกียจตนเองที่ทั้งอัปลักษณ์และพิกลพิการช่วยเหลือตนเองไม่ได้เป็นแน่ หึ!! ใครอยากให้สตรีร้ายกาจเช่นเจ้ามาดูแลข้ากัน
หลังจากอาบน้ำให้กู้จิ่งเหยียนเสร็จแล้ว ลู่หยวนซีก็กลับเข้าไปในห้องของเขาอีกครั้งเพื่อนำชุดใหม่มาเปลี่ยน แต่ภายในห้องที่ยังคงมีกลิ่นเหม็นนั้นกลับไม่มีชุดเสื้อผ้าของเขาอยู่เลย
“คงไม่ใช่ว่ามีแค่ชุดที่ข้าฉีกทิ้งไปหรอกนะ”
ลู่หยวนซีค้นดูภายในเรือนทั้งหมดแล้วแต่ก็ไม่พบชุดเสื้อผ้าของบุรุษเลย ภายในห้องนั้นมีเพียงที่นอนเก่าที่ตอนนี้ไม่น่าจะสามารถใช้นอนได้อีก กับผ้าห่มขาดหนึ่งผืน แม้แต่กาน้ำชาก็ยังไม่มี สองคนนี้มีชีวิตอยู่มาได้ยังไงนะ นางขี้เกียจจะมาถามหาเหตุผล ในเมื่อเรือนหลังนี้คนที่ยังปกติดีอยู่มีเพียงนางเท่านั้น ดังนั้นภาระทั้งหมดจึงตกมาอยู่ที่นางแทน
ลู่หยวนซีเดินย้อนกลับไปในห้องนอนของตน ห้องนี้ดูเหมือนจะใหญ่กว่าห้องที่แล้ว น่าจะเป็นห้องหลักของเรือน แต่ทำไมสาวใช้ถึงได้นอนห้องหลักแต่เจ้านายกลับได้นอนห้องเล็ก ดูเหมือนภาพที่ไม่ชัดเจนเหล่านั้นคงจะเป็นความร้ายกาจของผู้หญิงคนนี้หรือเปล่า
หลังจากหาชุดของบุรุษมาให้เขาใส่ไม่ได้ ลู่หยวนซีจึงตัดสินใจหยิบชุดของสตรีออกมาก่อนจะเดินกลับมายังด้านหลังเรือนอีกครั้ง นางโบกมือไปมาที่ด้านหน้าของเขาเพื่อให้แน่ใจว่าเขามองไม่เห็นจริงๆ จากนั้นจึงใส่ชุดสตรีให้กู้จิ่งเหยียนแทน ในเมื่อตาของเขามองไม่เห็นเขาคงไม่รู้กระมังว่าตนเองกำลังใส่ชุดของสาวใช้ของตนอยู่
หลังจากแต่งตัวให้เขาเสร็จแล้ว ลู่หยวนซีจึงอุ้มร่างผอมแห้งไปวางเอาไว้ที่ม้านั่งด้านหน้าเรือน เพื่อให้เขาได้ตากแดดเสียบ้าง คงเพราะเอาแต่นอนอยู่ในห้องไม่ได้เจอแสงแดดมานาน จึงทำให้ผิวของเขาขาวมากจนกลายเป็นซีดเล็กน้อย
จากนั้นนางจึงกลับมาทำความสะอาดห้องของกู้จิ่งเหยียน นางนำที่นอนและผ้าห่มเก่าผืนนั้นไปเผาทิ้ง จากนั้นทำความสะอาดเปิดประตูหน้าต่างให้กลิ่นได้ระบายออก แต่เมื่อมองขึ้นไปบนท้องฟ้าพบว่าดวงตะวันยังคงอยู่สูง นางจึงทำความสะอาดห้องของตนบ้าง และพบว่าภายในห้องมีสิ่งของมีค่าหลายชิ้นที่สาวใช้ต่ำต้อยคนหนึ่งไม่น่าจะมีได้
ในตู้ยังมีที่นอนและผ้าห่มอีกชุดทำไม่นางไม่เปลี่ยนให้เขา ทั้งที่มีของใหม่แต่กลับให้คุณชายของตนใช้ของเก่าที่แม้แต่ขอทานยังไม่ใช้เลย ไม่แปลกที่เขาจะต่อต้านผู้หญิงคนนี้
ลู่หยวนซีนำที่นอนอันใหม่ในตู้ออกมาปูที่เตียง ก่อนจะเดินออกไปอุ้มกู้จิ่งเหยียนเข้ามาในห้อง นางวางร่างผอมแห้งลงไปแผ่วเบาก่อนห่มผ้าให้เขาอีกชั้น
“ข้าจะไปทำอาหารมาให้ท่านทาน รอสักครู่นะเจ้าคะ”
นำเสียงเรียบนิ่งที่ลู่หยวนซีเอ่ยออกมา ทำให้กู้จิ่งเหยียนขมวดคิ้วด้วยความสงสัย วันนี้มีหลายสิ่งที่ดูแปลกไป เขาไม่รู้ว่าสตรีผู้นี้ต้องการสิ่งใดจากเขากันแน่ หรือว่าที่นางหันมาทำดีต่อเขาเพื่อที่จะทำให้เขาตายใจ จากนั้นค่อยหาเรื่องกลั่นแกล้งเขาอีก หึ!! เขาไม่มีทางหลงกลนางแน่
