ตอนที่ 2 ปรับเปลี่ยน
นางลองถามเขาอีกครั้งด้วยถ้อยคำที่นุ่มนวลกว่าเดิม “ข้ารู้ว่าที่ผ่านมา ข้าได้ทำไม่ดีต่อท่านมากมาย แต่วันนี้ข้าตั้งใจจะเปลี่ยนแปลงตัวเอง ท่านจะให้โอกาสข้าได้หรือไม่” นางกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง
หลี่เซิงฟังคำพูดของนางแล้วรู้สึกประหลาดใจ นางไม่เคยทำดีกับเขามาก่อนเลย ไม่ว่าจะในอดีตหรือแม้แต่ตอนนี้ วันนี้เหตุใดนางจึงดูเปลี่ยนไป หรือว่านางกำลังวางแผนอะไรอีก?
หยางฉิงรอฟังอยู่นาน แต่ก็ไม่ได้ยินเสียงตอบจากเขา มีเพียงเสียงไอที่ดังขึ้นเป็นระยะ
“หากท่านไม่อยากตอบก็ไม่เป็นไร ท่านคงกระหายน้ำมากสินะ ข้าจะไปเอาน้ำมาให้” นางเอ่ยขึ้นก่อนจะเปลี่ยนไปทำอย่างอื่น แทนที่จะรอคำตอบ
ซินหลินเดินไปยังห้องครัวที่ปรากฏอยู่ในความทรงจำของร่างนี้ นางมองหาถังน้ำที่พอจะใช้ต้มได้ แต่กลับพบว่าไม่มีน้ำอยู่เลย ห้องครัวแห่งนี้แทบไม่มีเสบียงเหลืออยู่แม้แต่น้อย มีเพียงฝุ่นหนาที่ยึดครองทุกซอกมุม จนนางอดสงสัยไม่ได้ว่าเจ้าของร่างเดิมเคยทำอาหารกินบ้างหรือไม่
นางกวาดตามองหาถ้วยที่พอจะใช้ตักน้ำได้ ก่อนจะเหลือบไปเห็นถ้วยใบหนึ่งที่มีรอยบิ่น แต่ยังพอใช้งานได้ ใกล้กันมีถังน้ำเปล่าที่วางนิ่งอยู่ข้างกัน
ซินหลินเดินไปยังด้านข้างของตัวบ้าน ที่ซึ่งมีลำธารเล็ก ๆ ไหลผ่านเข้ามาในรั้วบ้าน นางใช้ถ้วยตักน้ำขึ้นมาใส่ถัง พลางครุ่นคิดว่าเหตุใดแม่สามีจึงยกที่ดินดี ๆ เช่นนี้ให้กับนาง เมื่อนางค้นหาในความทรงจำ จึงพบว่าหลี่เซิง สามีของนางในตอนนี้ เป็นผู้ดิ้นรนต่อสู้แย่งชิงที่ดินผืนนี้มาได้ นับว่าเขาเป็นชายที่ไม่ได้เลวร้ายเสียทีเดียว
นางคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยขณะตักน้ำ แต่แล้วเสียงไอที่ดังขึ้นเรื่อย ๆ ก็เรียกสติของนางให้กลับมา ซินหลินรีบตักน้ำจนเต็มถัง ก่อนจะเร่งเดินกลับไปในครัวเพื่อเตรียมต้มน้ำ
หลี่เซิงไอจนใบหน้าแดงก่ำ ริมฝีปากแห้งผากเพราะไม่ได้รับอาหารและน้ำมาหลายวัน เขาได้ยินเสียงของนางที่พูดขึ้นก่อนจะเดินออกจากห้อง เขาหัวเราะเบา ๆ กับตัวเอง ท้ายที่สุดแล้ว นางก็ยังเป็นเช่นเดิม...
เป็นนางที่ไม่เคยรักและใส่ใจเขา เป็นหญิงสาวที่เห็นแก่ตัวอยู่เสมอ...
ซินหลินนำถังน้ำกลับเข้ามาในบ้าน ก่อนจะวางไว้หน้าเตาถ่านที่ยังมีไม้แห้งเหลือพอให้ใช้จุดไฟ นางพยายามจุดไฟอย่างชำนาญ แม้ชีวิตก่อนหน้านี้ของนางจะไม่เคยลำบากถึงเพียงนี้ แต่นางก็ไม่ได้อ่อนแอเกินกว่าจะเรียนรู้การทำอาหาร หรือจุดไฟเองได้
เมื่อก่อน ตอนที่ฝึกงาน นางเคยต้องขึ้นเขาไปอยู่ในหมู่บ้านที่ยากจน เพื่อฝึกงานเป็นเวลาหลายเดือน วันเวลาเหล่านั้นทำให้นางได้เรียนรู้สิ่งต่าง ๆ มากมายที่ไม่มีสอนในห้องเรียน นางรู้สึกขอบคุณประสบการณ์เหล่านั้น ที่ทำให้นางสามารถเอาตัวรอดในที่แห่งนี้ได้
เมื่อน้ำเดือด นางตักน้ำใส่ถ้วย ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องของหลี่เซิงอีกครั้ง
“ข้าเอาน้ำมาให้ท่าน ท่านคงไม่ว่าอะไรหากข้าจะดูแลท่านบ้าง” นางพูดพร้อมกับวางถ้วยน้ำไว้ข้างตัวเขา
หลี่เซิงมองดูน้ำร้อนที่วางอยู่ตรงหน้า ความกระหายที่กดเก็บไว้ก็แล่นขึ้นมาในทันที เขาละทิฐิที่เคยมีต่อนาง แล้วหยิบถ้วยน้ำขึ้นดื่มจนหมด รู้สึกชุ่มคอขึ้นบ้าง แต่ก็ยังไม่หายกระหายเสียทีเดียว
ซินหลินมองสามีที่นางได้มาโดยไม่คาดคิดดื่มน้ำจนหมดถ้วย ก่อนจะเอ่ยถาม “ท่านยังต้องการน้ำอีกหรือไม่”
หลี่เซิงไม่ได้ตอบอะไร เพียงแค่หันหน้าไปมองออกนอกหน้าต่าง
ซินหลินเห็นท่าทางของเขาแล้วก็พอจะเข้าใจว่าเขายังต้องการน้ำ นางยืนอยู่ใกล้กับชายที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสามีของตน จึงถือโอกาสสำรวจเขาอย่างละเอียด
ชายผู้นี้มีเค้าโครงหน้าที่ดูดี คิ้วเข้มโดดเด่น ดวงตาคมดุดัน และร่างกายสูงใหญ่ แต่บัดนี้ ใบหน้าของเขาซูบผอมแทบติดกระดูก ไม่รู้ว่าเขาอดอาหารมานานเพียงใด…
‘แต่ก็นับว่ายังดี สามีที่ข้าเพิ่งได้มา ดูจะเป็นชายรูปงามและน่าจะฉลาดไม่น้อย’ นางคิดในใจ
หลี่เซิงรู้สึกได้ว่ามีคนกำลังจ้องมอง จึงหันกลับไปมองนาง และบังเอิญสบตากันพอดี
เขาไม่แน่ใจว่าตนคิดไปเองหรือไม่ แต่สายตาของนางดูเปลี่ยนไปจากเดิม รูปร่างหน้าตานางก็ยังเป็นภรรยาของเขา ทว่าความรู้สึกบางอย่างกลับแตกต่างออกไป…
ซินหลินตกใจกับสายตาที่เขาจ้องมองมา นางรีบหยิบถ้วยขึ้นมาแล้วกล่าว “ข้าจะไปเอาน้ำมาให้ท่านเพิ่ม” จากนั้นจึงหลบสายตาเขา แล้วเดินกลับเข้าไปในห้องครัวอีกครั้ง
‘เขาจะรู้หรือไม่ว่าข้าไม่ใช่หยางฉิงคนเดิม’ นางคิดอย่างกังวลอยู่ในใจ ตอนที่สบตากับเขา ดูเหมือนว่าเขากำลังสงสัยในท่าทีที่เปลี่ยนไป
นางเลิกคิดฟุ้งซ่าน แล้วตักน้ำที่เหลืออยู่ในหม้อออกมา ขณะเดินออกจากห้องครัว สายตาก็เหลือบไปเห็นถังไม้ขนาดไม่ใหญ่มากที่ถูกทิ้งไว้ นางจึงหาผ้าที่พอใช้ได้และนำน้ำอุ่นเข้าไปในห้องของหลี่เซิง พร้อมกับน้ำดื่ม
หลี่เซิงเห็นนางเดินกลับเข้ามาอีกครั้ง คิ้วของเขาเลิกขึ้นข้างหนึ่งด้วยความแปลกใจ ในมือนางมีถังน้ำติดมาด้วย นางจะทำอะไรกัน?
“เจ้าเอาถังน้ำเข้ามาทำไม?”
“ข้าอยากจะเช็ดตัวให้ท่าน และจะเอาเสื้อผ้าของท่านไปซัก” นางตอบตามตรง ที่นี่ไม่มีทั้งสบู่และครีมอาบน้ำ นางจึงต้องให้เขาใช้น้ำเปล่าเช็ดตัวไปก่อน
“ไม่ต้อง! ข้าทำเองได้ แค่วางถังน้ำไว้ก็พอ” เขาปฏิเสธทันที ไม่อยากให้นางแตะต้องตัวเขา
นางเห็นว่ามือของเขายังใช้การได้ดี แต่ขาของเขาดูจะบาดเจ็บหนัก ผ้าที่ใช้พันแผลไว้เริ่มส่งกลิ่นเหม็นและมีคราบเลือดติดอยู่ หากมีอุปกรณ์ทำแผลก็คงจะดี นางอยากช่วยรักษาเขา เพราะหากปล่อยไว้แบบนี้ เขาอาจต้องตัดขาทิ้งก็เป็นได้…
“ข้าวางน้ำไว้ตรงนี้ก็แล้วกัน ท่านมีชุดเปลี่ยนหรือไม่?”
หลี่เซิงไม่ได้ตอบ แต่เหลือบสายตาไปทางถุงผ้าที่วางอยู่ปลายเตียงแทนคำตอบ
ซินหลินมองตามไป ก็พบว่ามีห่อผ้าวางอยู่ตรงนั้น นางเดินเข้าไปหยิบห่อผ้าที่เต็มไปด้วยฝุ่นขึ้นมาเปิดดู พบเสื้อผ้าสีพื้นเรียบง่าย แม้จะดูเก่าแต่ยังใช้งานได้ นางเลือกเสื้อตัวยาวสีน้ำตาล กางเกงสีน้ำตาล และผ้ามัดเอวออกมาวางไว้ใกล้ตัวเขา นางสังเกตว่าชุดที่เขามีอยู่มีเพียงสองชุด รวมกับชุดที่เขาสวมอยู่ก็เป็นเพียงสามชุดเท่านั้น เมื่อล้างตัวเสร็จ นางจะนำเสื้อผ้าเหล่านี้ไปซักทั้งหมด
“ถ้าท่านเช็ดตัวเสร็จแล้ว ก็วางเสื้อผ้าไว้ข้างตัว เดี๋ยวข้าจะเข้ามาเก็บ พร้อมกับเสื้อผ้าที่ท่านใช้แล้ว… อ้อ ข้าอยากดูแผลที่ขาของท่านด้วย” นางรีบบอกเหตุผลก่อนที่เขาจะปฏิเสธ “พอดีข้าเจอท่านหมอหลี่เทา เขาฝากให้ข้าเปิดดูแผลของท่าน และนำอาการไปบอกเขาอีกครั้ง”
หลี่เซิงได้ฟังแล้วก็เงียบไป ไม่ได้ปฏิเสธ นางสังเกตได้ว่าเขารู้จักหมอประจำหมู่บ้านผู้นี้ดี และดูเหมือนจะเชื่อใจเขา
“เจ้าออกไปเถอะ ข้าจะเช็ดตัวแล้ว” เขาพูดพร้อมกับหันหน้าไปทางหน้าต่าง ซ่อนสีแดงเรื่อบนใบหน้าเอาไว้
‘ชิ หยิ่งเสียจริง กลัวข้าจะเห็นร่างกายของเขาหรืออย่างไร? ข้าเห็นร่างกายของผู้คนมามากแล้ว’ นางบ่นเขาอยู่ในใจ ก่อนจะเดินออกไปด้านนอก ปล่อยให้เขาเช็ดตัวเอง
เมื่อออกมาจากห้อง นางกวาดตามองสำรวจรอบ ๆ บ้าน พบว่าบ้านหลังนี้มีสองห้องนอน มีครัวและโต๊ะกินข้าวตั้งอยู่ด้านนอก หากห้องเมื่อครู่เป็นห้องของสามี ห้องที่อยู่ข้างกันก็น่าจะเป็นห้องของเจ้าของร่างนี้
นางเดินเข้าไปในห้องที่เหลือ พบว่าห้องนี้สะอาดกว่าด้านนอกมาก เตียงนอนก็ดูใหญ่กว่าเตียงของสามีเสียอีก ทุกอย่างภายในห้องตกแต่งด้วยสีชมพู และมีตู้ไม้อยู่หนึ่งหลัง เป็นตู้ไม้เก่าขนาดไม่ใหญ่มาก มีสีน้ำตาลที่ดูหมองไปตามกาลเวลา
นางเปิดตู้ไม้ออกดู พบว่าด้านในมีกล่องสองถึงสามกล่องเรียงกันอยู่ ด้านบนกล่องยังมีเสื้อผ้าหลากสีเนื้อดีพับเรียงไว้อย่างเป็นระเบียบ เสื้อผ้าเหล่านี้ล้วนมีสีสดใส ไม่ว่าจะเป็นสีแดง สีชมพูบานเย็น หรือสีส้ม ล้วนเป็นสีที่สะดุดตาทั้งสิ้น แม้แต่ชุดที่นางสวมอยู่ก็เป็นสีแดงไม่ต่างจากตัวที่อยู่ในตู้ แต่ส่วนตัวแล้ว นางชอบเสื้อผ้าสีอ่อนมากกว่า
นางเปิดกล่องที่มีขนาดเท่ากันสองกล่อง พบว่ามีผ้าสีเขียวอ่อน สีชมพูอ่อน และผ้าสีขาวอีกหนึ่งผืน เป็นผ้าฝ้ายเนื้อดี นางหยิบผ้าสีขาวออกมา แล้วเก็บผ้าสีอื่นกลับเข้าที่ตามเดิม ผ้าเหล่านี้ดูดีเกินกว่าที่จะสวมใส่ในหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งนี้ มันเหมาะกับการใส่เวลาเข้าเมืองมากกว่า
นางเปิดกล่องอีกใบที่ดูเก่ากว่า ภายในเป็นเสื้อผ้าสีน้ำตาลเนื้อหยาบกว่าชุดอื่น เป็นผ้าป่านที่เหมาะกับการสวมใส่ทำงานโดยเฉพาะ เป็นชุดคลุมแขนยาวตัวยาว พร้อมกระโปรงสีน้ำตาลที่พับไว้อย่างดี นางเลือกหยิบออกมาสองชุด
เมื่อล้วงลึกเข้าไปด้านในของตู้เสื้อผ้า นางพบกล่องไม้ไผ่ขนาดเท่าฝ่ามือ เมื่อนางเปิดมันออกดูก็พบว่า ภายในมีก้อนเงินรวมทั้งหมดสองตำลึงเงินกับห้าก้วน อย่างน้อยก็ยังมีเงินติดตัวบ้าง นางจะได้ซื้อเนื้อสดมาทำอาหาร นางเก็บของทุกอย่างที่ไม่ได้ใช้กลับเข้าตู้ตามเดิม
เมื่อหมดความสนใจกับตู้เสื้อผ้า นางจึงเดินไปที่เตียง เตียงนี้มีเตาติดตั้งอยู่ด้านล่าง ปูทับด้วยผ้าหลายชั้น และชั้นบนสุดเป็นสีชมพู บนเตียงยังมีกระจกรูปทรงกลมขนาดเล็กวางอยู่
‘ตั้งแต่นางทะลุมิติมาอยู่ในร่างนี้ ข้ายังไม่เคยเห็นหน้าตาของเจ้าของร่างเลย’
นางเดินไปหยิบกระจกขึ้นมา แล้วส่องมองใบหน้าของตนเอง…
