บท
ตั้งค่า

บทที่20 เกิดอะไรขึ้น

สามวันผ่านมานี้เหอเสี่ยวหงไม่ได้ทำอาหารที่มีเนื้อเลย วันนี้หิมะหยุดตกและคาดว่าจะตกหนักในตอนกลางคืน ตอนนี้มีเพียงลมหนาวเท่านั้น จึงคิดจะเข้าอำเภอเพื่อตบตาว่าไปซื้อของ

“พี่สะใภ้ใหญ่ วันนี้ฉันจะเข้าอำเภอ” เหอเสี่ยวหงบอกในขณะที่กำลังเก็บถ้วยจานของบ้านรองให้ลูกสาวเอาไปล้าง

“อากาศเย็นขนาดนี้ เธอยังจะไปอีกหรอ” สะใภ้ใหญ่ถาม

ถึงแม้ว่าหิมะจะหยุดตกในช่วงเช้าแบบนี้มันไม่ได้หมายความว่าตอนบ่ายจะไม่ตก และตอนนี้ลมหนาวก็เย็นมาก

“เด็ก ๆ ไม่ได้กินเนื้อเลยค่ะช่วงนี้” เหอเสี่ยวหงตอบ

“มันจะมีเนื้อเหรอ” สะใภ้ใหญ่สงสัย

เพราะช่วงนี้เป็นฤดูหนาวที่คนส่วนมากจะรวมตัวกันอยู่ภายในบ้านเพื่อที่จะลดอาการหนาว หากเป็นไปได้ไม่มีใครอยากออกไปข้างนอกหรอก

“พอดีฉันจะให้สหายหาให้ค่ะ” เหอเสี่ยวหงกำพันผ้าพันคอไหมพรมที่เธอถักอยู่เอ่ยบอก

“เธอพอจะสั่งเผื่อพี่ได้หรือเปล่า?” สะใภ้ใหญ่ยิ้ม

บ้านใหญ่ของหล่อนก็มีเนื้อตากแห้งเช่นกันเพียงแต่มีไม่กี่ชั่งผิดกับบ้านรองที่มีเป็นร้อย ๆ ชั่ง และหล่อนเห็นว่าเหอเสี่ยวหงจะไปอำเภอจึงฝากซื้อด้วย

“ได้ค่ะ แต่น่าจะแพง” เหอเสี่ยวหงไม่ปฏิเสธ

ราคาของในฤดูหนาวแพงกว่าในฤดูอื่น ๆ เกือบเท่าตัวของบางอย่างแพงกว่าเดิมหลายเท่าก็มี อย่างเนื้อหมูตอนนี้ราคาน่าจะเกือบหยวนหรือเกินหยวนไปแล้วก็ได้

“เอาที่เงินพอก็ได้จ้ะ” สะใภ้ใหญ่ยื่นเงินมาให้เหอเสี่ยวหง 20 หยวน

“ค่ะ ฉันฝากเด็ก ๆ ด้วยนะคะ” เหอเสี่ยวหงบอกก่อนจะหาหมวกใส่และปั่นจักรยานออกจากบ้าน

เมื่อคืนมานี้เหอเสี่ยวหงนอนไม่ค่อยหลับเท่าไร เมื่อคืนเธอฝันเห็นหยาดฟ้าซื้อของไปบริจาคมากมายแต่อยู่ ๆ เธอก็สะดุ้งตื่นและของพวกนั้นกลับมาอยู่ในมิติของเธอ อย่างพวกหนังสือเรียนที่เหอเสี่ยวหงเสียดายที่ไม่ได้เอามาด้วยก็มี พวกครีมซองที่ฉลากถูกเปลี่ยนมาเป็นชื่อเหอเสี่ยวหงก็มี ยังมีข้าวสารอีกเป็นร้อยกระสอบที่เพิ่มเข้ามาในมิติ และก็มีบางอย่างหายไปเช่นกัน

ไม่รู้ว่าเหอเสี่ยวหงนับของผิดหรือลืมไว้ตรงไหนไม่ก็หายไปจริง ๆ แบบมิติอาจมีปัญหา เลยตัดปัญหาด้วยการเอาออกมาไว้ข้างนอกมิติแทน

อย่างเห็ดหลินจือ โสม ขิงที่ถูกตากแห้งทำให้กลายเป็นผงหายไปหลายกระปุกพืชผักบางอย่างก็เช่นกัน

ตอนตื่นขึ้นมาเหอเสี่ยวหงจึงเอาออกมาไว้ข้างนอกอีกทั้งยังเอาพวกมันเทศ มันฝรั่ง แครอท ฟักทอง หัวไชเท้า ออกมาอีกอย่างละหลายชั่ง

ในอำเภอจากที่จะมีชาวบ้านเดินเต็มถนนกับปั่นจักรยานประปรายตอนนี้มีเพียงคนเดินไม่ถึงสิบ คาดว่าบางส่วนน่าจะออกมาทำงานหรือไม่ก็มาหาอาหารไปกิน

มาอำเภอครั้งนี้เหอเสี่ยวหงไม่ได้เข้าห้างสรรพสินค้าของอำเภอแต่เลือกเข้าสหกรณ์อำเภอแทนเพราะอย่างน้อยที่นี่ก็ของถูกมากกว่า แต่ก็ต้องผิดหวังเพราะมันไม่มีอะไรเหลือเลย

“สหายท่านนี้อยากได้อะไร” ในขณะที่เหอเสี่ยวหงเดินดูของในสหกรณ์ก็มีพนักงานที่ประจำอยู่คนเดียวเดินมาถาม

“เอ่อ ของหมดเหรอคะ” เหอเสี่ยวหงถามพลางทำหน้าเสียดาย

“ของเพิ่งหมดไม่กี่นาทีที่แล้วน่ะ เธอมาช้าเกินไป” พนักงานหญิงส่ายหน้า

“ไม่มีให้ฉันสักอย่างเลยเหรอ?”

“ใช่”

“ที่บ้านกับที่นี่ห่างกันเกินไป ฉันเลี้ยงลูกอยู่ที่บ้านคนเดียวจึงไม่สามารถมาแต่เช้าได้” เหอเสี่ยวหงบอก

ที่เธอบอกก็ไม่ผิด เธอไม่ได้ทำงานอะไร อยู่แต่บ้านกับเลี้ยงลูกแค่นั้น

“โอ้ แล้วสามีของคุณล่ะ” พนักงานอุทาน

“พอดีเขาไปทำงานที่อื่นน่ะค่ะ ส่วนฉันเลี้ยงลูกสี่คนอยู่ที่บ้าน” เหอเสี่ยวหงทำหน้าเศร้า

“โอ้ เด็กสี่คนต้องกินเก่งมากแน่ ๆ” พนักงานหญิงอุทานอีกรอบ

“ใช่ค่ะ เด็กกำลังโต วันนี้หิมะหยุดตกฉันเลยเข้ามาซื้อของในอำเภอน่ะค่ะ แต่ไม่เหลือคงต้องกลับแล้ว” เหอเสี่ยวหงบอกก่อนจะหันหลังจะเดินออกมา

“อะ แฮ่ม เธอต้องการเนื้อไหม?” พนักงานหญิงคนนั้นกระซิบถามเธอเสียงเบา

“โอ้ ฉันต้องการมาก ๆ เลยค่ะ คุณมีหรอ?” เหอเสี่ยวหงตอบกลับเสียงเบา

“พอจะมีนิดหน่อยน่ะ สามีฉันทำงานในโรงเชือด” พนักงานหญิงยิ้มด้วยความภูมิใจ

หล่อนเป็นพนักงานในสหกรณ์ส่วนสามีทำงานในโรงเชือด หล่อนมีลูกสามคนเด็ก ๆ ยังอายุไม่กี่ปี เมื่อเห็นผู้หญิงตรงหน้าอยากได้ความช่วยเหลือหล่อนจึงช่วย เพราะลูกของหล่อนถ้าเจออะไรก็อยากจะกิน และการบำรุงลูกคือความสุขของคนเป็นแม่

“พอจะหาฉันได้สักสิบชั่งไหมคะ?” เหอเสี่ยงหงถาม

“สิบชั่งมากเกินไป ตอนนี้สายแล้ว” พนักงานตอบ

“คุณมีให้ฉันกี่ชั่ง” เหอเสี่ยวหงถาม

“ฉันไม่รู้ เธอจะเอาตอนนี้หรือเปล่า? พอดีฉันกำลังจะเก็บสหกรณ์น่ะ หากเธอจะรอก็คงไม่นาน” พนักงานหญิงว่า

“ตกลง”

เนื่องจากจักรยานของเหอเสี่ยวหงไม่มีพ่วงเหมือนจักรยานของน้องสาวสามีอย่างโจวมี่ จึงไม่สามารถใส่ของอะไรได้ ยังดีที่มีตะกร้า เหอเสี่ยวหงจึงเอาเนื้อหมูที่ได้มาเกือบ 10 ชั่ง ใส่มิติไว้ ก่อนจะปั่นจักรยานดูรอบ ๆอำเภอ เพราะหากมีอะไรให้ซื้อมันก็จะดีมาก แต่ก็ต้องผิดหวังอีกรอบเพราะมันไม่มีอะไรเลย

เหอเสี่ยวหงจึงไปที่ห้างสรรพสินค้าของอำเภอเผื่อจะมีอะไรเหลือแต่ก็เหมือนเดิม

เพราะช่วงนี้ทุกบ้านต่างเก็บตุนอาหารกัน ของที่ขายจึงไม่เพียงพอต่อผู้คน เมื่อไม่มีของอะไรให้ซื้อแล้วเหอเสี่ยวหงก็ปั่นจักรยานกลับบ้าน

พอใกล้ถึงทางเข้าหมู่บ้าเหอเสี่ยวหงก็หยิบหมูของบ้านใหญ่ใส่ตะกร้าหน้าจักรยาน จากนั้นใช้เชือกมัดไว้ก่อนจะปั่นเข้าไปในหมู่บ้าน เมื่อปั่นผ่านกลางหมู่บ้านก็เห็นคนยืนมุงอะไรกันอยู่ แต่เหอเสี่ยวหงไม่เห็น

‘มีอะไรกันน่ะ’ เหอเสี่ยวหงคิดในใจ

ไม่กี่วันก่อนก็เกิดเหตุการณ์แบบนี้ ในตอนนั้นเป็นโจวจือหยวนที่บาดเจ็บกลับมา ตอนนี้ชาวบ้านกำลังมุงหน้าบ้านโจว บ้านจางและบ้านหม่าที่อยู่ข้าง ๆ กันจนไม่รู้ว่ามุงบ้านไหน

เพราะคนเยอะเหอเสี่ยวหงจึงไม่เห็นคนที่ถูกมุงและชาวบ้านก็ไม่มีใครมองมาที่เหอเสี่ยวหงเพราะกำลังตื่นเต้นอยู่

‘โอ้ นายเป็นตำรวจได้ยังไง?’

‘ตำรวจ!’

‘เมียนายแท้งลูกแล้ว’

‘สะใภ้รองโจวแท้งลูก’

‘นึกว่าจะไม่กลับมาซะอีก’

‘โจวเหวินหลง!’

‘พี่ชายนายบาดเจ็บ’

‘ไหนนางหลี่ซื่อบอกว่าเจ้าเป็นยาม’

‘ชุดนี้สวยจริง ๆ’

‘เป็นยามแล้วเป็นตำรวจได้หรอ’

‘ให้ลูกชายฉันไปทำงานด้วยได้ไหม!’

‘อาจือหยวนบาดเจ็บออกจากทหาร เจ้ารู้ยัง’

เหอเสี่ยวหงปั่นจักรยานกลับบ้านอย่างเร็วเพราะสัมผัสกับอุณหภูมิที่เริ่มจะเย็นเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว เมื่อใกล้ถึงบ้านก็หยิบผลไม้หลายอย่างออกมาใส่กระเป๋าสะพายไว้เพราะจะเอาไว้หลอกตาคนอื่น และนำเนื้อหมูของบ้านรองออกมาด้วย

“อู๋นี” เหอเสี่ยวหงเห็นลูกสาวคนกลางอยู่ลานบ้านจึงเอ่ยเรียก

“แม่” หล่อนขานรับ

“หนูจะทำอะไรจ๊ะ?” เหอเสี่ยวหงถาม

“หนูมาล้างชามค่ะ” โจวอู๋นีตอบ

“แล้วพี่ ๆ ล่ะจ๊ะ” เหอเสี่ยวหงถามต่อ

ปกติแล้วโจวเอ้อร์นีกับโจวซานนีจะสลับกันหรือไม่ก็จะพากันมาล้างจาน จะปล่อยให้โจวอู๋นีอยู่กับลูกสาวคนเล็ก ซึ่งให้โจวอู๋นีมาล้างจานในอากาศหนาว ๆ แบบนี้มันแปลก

“พี่เอ้อร์นีป่วย พี่ซานนีเลยเช็ดตัวแบบที่แม่เช็ดให้น้อง หนูเลยมาล้างแทน” โจวอู๋นีตอบ

“เอ้อร์นีป่วย?” เหอเสี่ยวหงยกเนื้อในตะกร้าจักรยานออกมาก่อนจะหันไปถามลูกสาวคนกลาง

“ใช่ค่ะ” โจวเอ้อร์นีพยักหน้า

“ไปบอกป้าสะใภ้ว่าเนื้อวางอยู่บนโต๊ะ เสร็จแล้วหนูก็รีบเข้ามาจะได้นอนบนเตียงเตา” เหอเสี่ยวหงเดินไปวางเนื้อไว้ในโต๊ะห้องโถงก่อนจะเดินเข้าห้อง

เนื่องจากตอนนี้ที่บ้านมีคนป่วยจึงไม่อยากตะโกนเพราะกลัวคนป่วยจะที่หลับอยู่จะตื่น

เหอเสี่ยวหงเดินเข้าห้องเห็นลูกสาวคนรองเช็ดตัวให้พี่สาวอยู่ก็รีบวางกระเป๋าแล้วเข้าไปดู ก่อนจะยื่นแก้วน้ำให้ลูกสาว

“หนูไปพักเถอะจ้ะ เอ้อร์นีเป็นยังไงบ้างจ๊ะ” บอกลูกสาวคนรองก่อนจะถามลูกสาวคนโต

“ป้าสะใภ้บอกว่ามีไข้อ่อน ๆค่ะ ให้เช็ดตัวรอคุณแม่มาเพราะคุณลุงร้อง ป้าสะใภ้จึงต้องรีบออกไปดู” โจวซานนีบอก

“ขึ้นไปอยู่บนเตียงเตาเถอะเดี๋ยวจะไม่สบายอีกคน” เหอเสี่ยวหงบอกลูกสาว

เหอเสี่ยวหงพยักหน้าก่อนจะหันไปเทน้ำร้อนใส่น้ำในกะละมังให้พอดีก่อนจะใช้ผ้าชุบน้ำ บิดให้หมาด ๆ แล้วเริ่มเช็ดตัวให้ลูกสาว

พอเช็ดตัวเสร็จก็ลุกไปหน้าตู้กับข้าวก่อนจะทำทีเป็นว่าเอาของออกมาจากตู้ มันเป็นยาลดไข้แบบน้ำสำหรับเด็กซึ่งเหอเสี่ยวหงจะเอาให้ลูกสาวกิน

จากนั้นเหอเสี่ยวหงก็ไปแยกของที่ได้มาจากในอำเภอ อากาศเย็นอาหารไม่ค่อยบูดเหอเสี่ยวหงจึงเอาซาลาเปากับขนมจีบออกมาอย่างละห้ากล่อง แล้วก็ไปต้มน้ำซุป

จุดเตาตั้งหม้อใส่หัวไช้เท้า แครท กะหล่ำลงไปก่อนจะปรุงรสและใส่กระดูกหมูตามลงไปคอยตักฟองออกให้น้ำใส วันนี้เหอเสี่ยวหงต้มน้ำซุปเต็มหม้อเพราะจะไม่ได้ต้มน้ำซุปหลายครั้ง ที่ใส่ผักเยอะมันจะทำให้มีรสหวานหอม

อุ่นซาลาเปาสองกล่องกับขนมจีบหนึ่งกล่อง เตรียมผลไม้ไว้วันนี้ผลไม้มีหลายอย่าง ทั้งแอปเปิลเขียว พุทรา สาลี่ องุ่น สตรอว์เบอร์รี่เหอเสี่ยวหงนำแอปเปิลเขียวกับสาลี่ไปผ่าให้มันได้หลายซีก แช่ใส่น้ำไว้ ส่วนพุทรา องุ่น สตรอว์เบอร์รี่แช่น้ำไว้อย่างละกำ

วันนี้ยังมีนมสดให้อีกคนละแก้ว เพราะเด็ก ๆอยากจะกินอีก นับว่าวันนี้ของกินเยอะที่สุดที่เคยทำ หันไปดูหม้อที่ต้มน้ำซุปเมื่อเห็นผักยังไม่นิ่มเลยต้มต่ออีก กลางวันวันนี้จะกินซาลาเปาคู่กับน้ำซุป

เก็บซาลาเปาไว้ในกล่องข้าวพลาสติกโดยใส่ขนมจีบไว้ด้วย ปิดฝาเก็บใส่ตู้แล้วนำอุปกรณ์ที่ทำออกไปล้าง ล้างให้สะอาดแล้วตักน้ำมาต้มไว้อีกด้ว

ปัง ปัง

‘มีใครอยู่ไหม’

เหอเสี่ยวหงที่กำลังต้มน้ำอยู่ได้ยินเสียงจึงเดินออกมาหน้ารั้วประตูบ้าน

“ใครน่ะ!” เหอเสี่ยวหงถามก่อนจะหยิบท่อนไม้ที่วางอยู่แถวนั้นมาถือ

“ผมเอง”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel