ป่าเฉียนหู่ - 2
หลังจากกินข้าวเสร็จ หลี่หลินก็เตรียมน้ำและอาหารทุกอย่างไว้อย่างพร้อมเพรียง ก่อนที่นางกับมารดาจะขึ้นเขา
หลี่เหมยก็หันไปบอกให้อาจื้อลงกลอนประตูให้แน่นหนาอีกครั้งเพื่อความปลอดภัยของทุกคนในบ้าน
ในห้วงยามที่ดวงตะวันกำลังส่องแสงในยามเหม่า (ยามเหม่า 05.00-07.00 น.) หลี่เหมยกับหลี่หลินก็มาถึงเชิงเขาที่เต็มไปด้วยเสียงจอบกระทบดิน นางเห็นลูกชายทั้งสามคนกำลังขุดดินเหนียวกันอย่างขะมักเขม้น โดยมีหลี่เฉียงและหลี่เต๋อผู้เป็นลุงคอยช่วยอยู่ไม่ห่าง
หลี่เหมยเดินเข้าไปหาลูกชายคนโต
"อาซาน แม่กับอาหลินจะขึ้นไปสำรวจบนเขาหน่อย"
นางพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนแต่แฝงไปด้วยความเด็ดขาด
"..."
"เจ้าอย่าลืมกลับไปดูเสี่ยวม่ายกับเด็ก ๆ เป็นระยะด้วยนะ แม่กำชับอาจื้อไว้แล้วว่าไม่ให้เปิดประตูให้คนอื่น ส่วนกับข้าวที่บ้านก็กินได้เลย ตุ๋นเครื่องในหมูต้องกินให้หมดในเช้านี้ก่อนที่มันจะเสีย ถ้าตอนเที่ยงไม่มีอะไรกินก็ไปเอาเนื้อแห้งกับไข่ในห้องแม่มาทำกินก็ได้ ผักผลไม้ก็มี เอาออกมาให้ท่านลุงของพวกเจ้ากินด้วย"
"ขอรับท่านแม่" หลี่ซานรับคำอย่างเชื่อฟัง
"ขอบคุณสำหรับน้ำใจนะน้องสะใภ้" หลี่เฉียงพูดขึ้น
"เจ้าค่ะพี่ใหญ่ ข้าไปแล้วนะ" หลี่เหมยยิ้มให้พี่สามีอย่างเป็นกันเอง
จากนั้นหลี่เหมยกับหลี่หลินก็เดินขึ้นเขาไปพร้อมกับตะกร้าสะพายหลังสองใบ กระสอบป่านสองใบและจอบมือพร้อมกับมีดพร้า ใบหน้าของหลี่หลินเต็มไปด้วยความสงสัยว่าเหตุใดมารดาถึงต้องนำสิ่งของเหล่านี้ขึ้นไปด้วย แต่ก็ไม่ได้เอ่ยถามสิ่งใด
แรก ๆ ก็เห็นเพียงหญ้าแห้ง ไม่มีผักป่าหรือสมุนไพรอะไรให้เก็บเลย นางจึงได้แต่คิดว่า ถ้าหาอะไรไม่ได้จริง ๆ นางกับลูกก็แค่กลับไปสับเอาหน่อไม้จะได้ไม่เสียเที่ยว
"ท่านแม่ ถ้าเดินต่อไปอีกจะเป็นพื้นที่อันตรายนะเจ้าคะ" หลี่หลินเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง
"..."
"เมื่อปีก่อนมีคนขึ้นไปแล้วก็ไม่ได้ออกมา เราสำรวจแค่นี้ก็พอเถอะเจ้าค่ะ"
หลี่เหมยฟังที่ลูกสาวพูดแล้วคิดได้ว่า ป่าบนเขาสูงข้างหน้านั้นขึ้นชื่อว่าเป็นป่าต้องห้าม เมื่อนางก้าวเท้าเข้าสู่เขตป่า นางก็สังเกตได้ว่าในป่าเต็มไปด้วยเครือเขาหลงที่เป็นพันธุ์ไม้ที่มีกลิ่นน้ำมันหอมระเหยทำให้สับสนหรือเวียนหัว
พื้นที่ป่าบนเขาสูงมีลักษณะภูมิประเทศคล้ายกันมาก ไม่มีจุดสังเกตที่ชัดเจน นางจึงเข้าใจแล้วว่าทำไมชาวบ้านถึงเรียกที่นี่ว่าป่าต้องห้าม ใครเข้าไปก็ออกมาไม่ได้
การสะท้อนเสียงในหุบเขาและหมอกหนาทำให้คนหลงทิศได้ง่าย นางจึงใช้เถาวัลย์มัดข้อมือคู่กับลูกสาว แล้วบอกหลี่หลินว่า...
"เจ้าตามติดแม่ตลอดนะ ห้ามออกห่างเด็ดขาด!"
ระหว่างที่เดินเข้าป่าหลี่เหมยใช้มีดพร้าตัดกิ่งไม้ให้หักแล้วพาดไปทางเดียวกัน ป่าข้างบนนี้มีความชื้นกว่าข้างล่างมาก ทั้งคู่เดินขึ้นเขาสูงลึกเข้าไปเรื่อย ๆ แต่ก็ยังไม่เจออะไร
"ท่านแม่ดูนั่นสิเจ้าคะ!"
หลี่หลินร้องขึ้นด้วยความตื่นเต้น เมื่อนางเห็นพืชชนิดหนึ่งที่ใบสีเขียวอ่อนมีดอกสีขาวเล็ก ๆ หลี่เหมยเดินเข้าไปดูใกล้ ๆ แล้วยิ้มออกมาอย่างพอใจ
"นี่คือ สมุนไพรป่าเฉียนหู่ มีสรรพคุณในการรักษาอาการไอและขับเสมหะได้เป็นอย่างดีเลย"
นางใช้จอบมือขุดเอาทั้งต้น แล้วให้ลูกสาวช่วยอีกแรง ระหว่างที่หลี่หลินไม่ทันได้สังเกต หลี่เหมยก็แอบเก็บป่าเฉียนหู่เข้าไว้ในมิติบางส่วน หลี่หลินจึงสงสัยว่า...
"ท่านแม่ ทั้งที่เราขุดไปเยอะแล้วแต่ทำไมได้แค่นี้เอง"
"นั่นสิ เพราะอะไรกันนะ" หลี่เหมยเบี่ยงหน้าหลบเล็กน้อย แล้วแกล้งทำเป็นขุดต่อ จากนั้นทั้งคู่ก็เดินลึกเข้าไปในป่าอีกครั้ง
ไม่นานก็เจอบึงบัวขนาดใหญ่ที่มีน้ำเล็กน้อย หลี่เหมยยิ้มออกมาอย่างดีใจ
"อาหลิน...เจ้าดูสิ บึงบัวใหญ่ขนาดนี้ต้องมีปลากับรากบัวอีกเยอะแน่ ๆ"
นางกล่าวพร้อมกับบอกให้ลูกสาววางของไว้ แล้วพาลูกไปเก็บรากบัวในโคลนตม
"..."
"เจ้าเก็บรากบัวไปก่อนนะ เดี๋ยวแม่จะลองงมหาปลาดู"
ระหว่างที่หลี่เหมยกำลังดึงเอารากบัวที่อวบอ้วนขึ้นมาจากโคลนตม นางก็สังเกตเห็นการเคลื่อนไหวในน้ำเล็กน้อย นางจึงรีบให้ลูกสาวดึงเอารากบัวต่อไป
ส่วนนางก็รีบไปงมจับปลาที่อยู่ในดินโคลนจนได้ปลาช่อนตัวใหญ่มาหลายตัว ส่วนหนึ่งนางแอบเก็บเข้ามิติเพื่อไม่ให้น้ำหนักมากเกินไป หากนางต้องหอบทั้งปลา ทั้งรากบัวและสมุนไพรลงเขาทั้งหมดคงหลังหักพอดี
"ท่านแม่ดูสิเจ้าคะ! เราได้รากบัวเยอะมากเลย" หลี่หลินพูดอย่างตื่นเต้น
"แม่ว่าเราต้องบอกบ้านท่านปู่ของเจ้ากับหัวหน้าหมู่บ้านให้ขึ้นมาเก็บ จะได้มีเสบียงไว้กินในหน้าหนาว"
"ดีเลยเจ้าค่ะท่านแม่"
หลี่หลินเห็นด้วยกับมารดา เมื่อเก็บรากบัวเสร็จแล้วหลี่หลินก็น้ำไปล้างแล้วเก็บใส่กระสอบ เป็นอีกครั้งที่นางสังเกตว่าปริมาณของรากบัวลดน้อยลง ทั้งที่นางจำได้ว่าเก็บมาเยอะแล้วแท้ ๆ
ระหว่างนั้นเองเด็กสาวก็คิดว่าเป็นเพราะอาถรรพ์ของป่า มีเพียงหลี่เหมยเท่านั้นที่ยิ้มกริ่ม
เมื่อได้ของเต็มตะกร้าและกระสอบแล้ว สองแม่ลูกจึงนั่งพักกินข้าวเที่ยงและดื่มน้ำคลายความเหนื่อยล้า
"น้ำนี่หวานมากเลยนะเจ้าคะท่านแม่ ดื่มแล้วสดชื่นมากเลย" หลี่หลินพูด
"คงเป็นเพราะทำงานจนเหนื่อยมากกระมังอาหลิน กินอะไรเจ้าก็อร่อยไปหมด"
หลี่เหมยยิ้มอย่างมีเลศนัย จะไม่ให้น้ำหวานสดชื่นได้ยังไงก็นางผสมน้ำพุวิเศษลงไป ดื่มแล้วก็ต้องมีกำลังวังชาและกระปรี้กระเปร่าอยู่แล้ว
จากนั้นหลี่เหมยก็ไปตัดเอาไว้แถวนั้นมาทำเป็นไม้หาบ นางให้หลี่หลินถือตะกร้าต้นป่าเฉียนหู่ทั้งสองตะกร้า ส่วนกระสอบปลากับรากบัวนางก็ใช้เถาวัลย์มัดปากให้แน่นหนาแล้วก็หาบลงเขาไปตามแนวกิ่งไม้ที่นางหักไว้เป็นเครื่องหมายบอกทาง ทว่าข้าวของที่เยอะก็ทำให้การเดินลงเขาเป็นไปอย่างยากลำบาก
