บท
ตั้งค่า

บทที่ 1

อุรัสมา รีบวิ่งเข้าไปทันทีเมื่อได้ยินเสียงปืนดังขึ้น ผู้คนมากมายวิ่งหนีกันแตกตื่น แต่หญิงสาวร่างบางรีบวิ่งตรงเข้าไปแย่งปืนออกจากมือเพื่อนรักอย่างรวดเร็ว และกระชากปืนมาครองไว้ได้อย่างหวุดหวิด

“แกบ้าไปแล้วหรอ !!!” หญิงสาวตะโกนใส่หน้าเพื่อนรักเพื่อเรียกสติกลับมา

“ฮือ… แกเห็นไหม แกเห็นไหมว่ามันทรยศความรักของฉัน ฉันแค่ยิ่งใส่ทรายตรงหน้าทำเป็นกลัว ทำไมตอนทำไม่กลัว ไอ้เลว !!!” นวพรตะโกนด่าทอสามีที่นอกใจอย่างโกรธแค้น

“ถ้ามันตายคนที่ซวยคือแกนะเว้ย แกต้องติดคุก หรืออาจโดนโทษประหาร แกหาผัวใหม่ไม่ดีกว่าหรอ ผัวเลวๆแบบนี้ก็เลิกไปสิ” อุรัสมาตะโกนตอบโต้อย่างเหลืออด

“แกไม่เป็นฉัน แกไม่รู้หรอกว่ามันเจ็บขนาดไหน ฮือ…”

“ถ้าเราไม่ได้เป็นเพื่อนกัน ฉันจะไม่ยุ่งเรื่องของแกเลย” หญิงสาวบอกด้วยความเหนื่อยล้า และเดินออกไป

“เดี๋ยว…”

“…” อุรัสมาหยุดเดิน เมื่อเพื่อนเรียกไว้

“ฉันไม่ยิงมันก็ได้ แต่ฉันขอตบให้หายแค้นหน่อยเถอะ” นวพรวิ่งเขาไปตบรัวๆใส่หน้าสามี เอ๊ย อดีตสามีและกิ๊กไม่ยั้งให้หายแค้น

ปรี๊ดดด !!!

พอเสียงนกหวีดดังขึ้น อุรัสมารีบคว้าข้อมือเพื่อนเพื่อวิ่งหนีออกไปให้ไกลที่สุดทันที ด้วยความที่หญิงสาวทั้งคู่เป็นนักกรีฑาประจำโรงเรียน แม้จะผ่านไปกี่ปีๆ ก็ไม่เคยเป็นรองใคร เพื่อนรักทั้งสองจับมือกันวิ่งไปเรื่อยๆตามชายหาด โดยไม่รู้ตัวเลยว่ามีใครอีกคนวิ่งตามมาด้วย

“ขอบคุณนะแก” นวพรพูดขึ้นมาก่อน

“อือ ค่าปรับทำร้ายร่างกายจ่ายไหวใช่ไหม ฮ่าๆ” สาวแสบอย่างอุรัสมาถามขึ้นขำๆ เมื่อนึกสภาพที่ใครก็บอกว่า ‘ตบด้วยหลังแหวน’ ออกทันทีว่าเป็นยังไง “ล้างเลือดที่มือหน่อยดีไหม แลดูมือสกปรกขึ้นมาเลยทีเดียว” หญิงสาวมองที่มือตัวเอง และเพื่อนรักก่อนจะหยิบขวดน้ำแพ็กที่เขาวางไว้ขายขึ้นมาล้างมือ แล้ววางเงินค่าน้ำไว้แถวๆนั้น

“แยม !!!” สองสาวตะโกนเรียกเพื่อนเสียงดัง

“เออ !!! ได้ยินแล้วย่ะ เป็นห่วงแทบแย่ตอนได้ยินเสียงปืน” ยุวดีพูด และดูสภาพของเพื่อนทั้งสอง เมื่อเห็นว่าปลอดภัยดีก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก

“แล้วปืนล่ะ ?” นวพรถามอย่างตกใจ

“ฉันทิ้งไปแล้วตอนที่ตำรวจมา” อุรัสมาบอกนิ่งๆ แล้วเริ่มคาดคั้น “แกไปเอาปืนมาจากไหน ?”

“เอ่อ…”

“เออ นั้นดิ บอกมาเลยนะ ไหนบอกว่าเราจะไม่มีความลับต่อกันไง” ยุวดีคาดคั้นอีกคน

“คือว่า…”

“พูดมาเดี๋ยวนี้เลยไอ้น้ำ…” อุรัสมาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก

“พวกแก… คือว่าฉันน่ะ ขโมยปืนคนอื่นมา แหะๆ” คนผิดสารภาพ และหัวเราะฝืดๆ

“ห้ะ !!!” อุรัสมาโวยลั่นเมื่อได้ยินคำตอบ “แกไปขโมยของใครมา ?” คนเป็นทหารรู้กฏหมายเบื้องต้นแบบนี้ดีว่าจะมีผลกระทบอะไรเกิดขึ้นบ้าง “นี่แกโดนหลายคดีเลยนะเว้ย”

“ทำอะไรไม่คิดอยู่เรื่อย” คุณครูสาวอย่างยุวดีบ่นตามขึ้นมาอีกคน

“หยุดซ้ำเติมฉัน แล้วช่วยหาทางออกให้หน่อยสิ…”

“เฮ้อ…แกขโมยปืนใครมา” อุรัสมาถามขึ้นอีกครั้ง

“ฉันเจอผู้ชายคนนึงพกปืนมาสามกระบอกวางไว้ที่ริมหาดเมื่ออาทิตย์ก่อน ฉันเลยแอบหยิบมา ผู้ชายคนนั้นดูไม่น่าไว้ใจสุดๆเลย แถมยังหอบกระเป๋าอะไรก็ไม่รู้ใบใหญ่ๆ เอ่อ…ที่ต้นคอมีรอยสักรูป รูปอะไรสักอย่าง เหมือนพระอาทิตย์ แต่ว่าแสงอาทิตย์ยาวๆอะ เหมือนรูปวาดเท่ห์อะ แล้วแบบนี้ฉันหรือเขาจะโดนจับวะแก” นวพรถามอย่างกล้าๆกลัวๆ

“ฉันโยนปืนลงน้ำ…” อุรัสมาพูดขึ้นหน้าเครียด รอยสักรูปพระอาทิตย์….

“เฮ้ย ไอ้อันจะไปไหน ???” เพื่อนสาวถาม และวิ่งตามไปมาติด

“ไปหาปืน” เธอตอบแต่ไม่ยอมหันมา

“หามาทำไมวะ งี้ฉันก็โดนจับอะดิ” นวพรโวยขึ้นด้วยความกลัว

“แกน่าจะกลัวโดนจับตั้งแต่แรกแล้วนะ”

“ก็แหม ตอนนั้นฉันโมโหหน้าก็มืดตาก็มัวไปหมดสิแก” นวพรตอบเสียงอ่อย

ขณะที่ทั้งสามกำลังวิ่งเรียบๆไปตามชายหาด ชายหนุ่มร่างสูงปรากฏตัวขวางไว้ และส่งยิ้มมาให้เพื่อทักทาย แถมรอยยิ้มอันทรงเสน่ห์นั้นทำเอาสองคนข้างหลังแทบจะละลาย แต่หญิงสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขากลับทำหน้านิ่งๆ แถมแผ่รังสีเยือกเย็นมาอีก

“คุณโยนปืนลงน้ำอย่างไร้เยื่อใย แล้วยังคิดจะไปเก็บมันอีกเหรอ?” รพีฉายถามขึ้นก่อน

“คุณเป็นใครกันแน่?” อุรัสมาถามเขากลับ

“คุณไม่จำเป็นต้องรู้หรอกว่าผมเป็นใคร” เขาตอบกวนๆ

“ถ้าอย่างนั้นก็ส่งปืนนั้นมา”

“บนโลกใบนี้มันมีอะไรได้มาฟรีๆด้วยเหรอคุณ” ชายหนุ่มยั่วโมโหคนตรงหน้า และยักคิ้วหลิ่วตาใส่อย่างท้าทาย

“ได้ งั้นเรามาแข่งกัน”

หญิงสาวตอบเขา แล้วก้าวเข้าไปยืนประชิดชายหนุ่มอย่างรวดเร็ว ก่อนจะกระชากปืนออกมาจากเขา แต่มือหนาคว้าด้ามปืนเอาไว้ทันก่อนจะหลุดมือ เธอใช้ท่าไม้ตายปลดกระสุนออกมาจากปืนจนหมดอย่างง่ายดาย ราวกับถูกฝึกมาอย่างดี

รพีฉายมองการกระทำของคนตรงหน้าด้วยความสงสัย แต่เขาย่อมได้เปรียบที่ได้เป็นผู้ครอบครองปืน แต่ที่เขาสงสัยคือ หญิงสาวสวยที่กำลังแย่งปืนกับเขาเมื่อสักครู่ กลับต้องการแค่กระสุนในปืนแค่นั้นเอง

“คุณเป็นใครกันแน่ ?” เขาตะโกนตามหลังเธอเสียงดัง

“เรื่องของฉัน” อุรัสมาตอบ แล้วพยายามวิ่งไปให้ไกลที่สุด

รพีฉายไปรับพศิกามาส่งที่หอพัก และรีบกลับมาที่กองบัญชาการเพื่อขอดูประวัติอาชญากรหรือข้อมูลของสายลับฝ่ายตรงข้ามด้วยความกระวนกระวาย ในหน้าสวยหวานยังติดตาตรึงใจเขาไม่หาย แต่ที่มาที่ไปของเธอยังคลุมเครือทำให้เขาวางใจไม่ได้ และที่สำคัญใครๆมักจะบอกว่าผู้หญิงสาวมักจะซ่อนพิษร้ายกาจไว้เสมอ ก็ดูเหมือนว่าจะเป็นเช่นนั้น

“พี่พีจะเอาประวัติพวกนี้ไปทำไมเหรอครับ?” ปกป้องรุ่นน้องคนสนิทถามขึ้นอย่างสงสัย

“เอาปืนนี้ส่งไปตรวจที รายงานผลไม่เกินพรุ่งนี้บ่ายนะ” รพีฉายเลี่ยงตอบ เขาบอกและยิ้มให้ “ฝากด้วยนะเว้ย”

“ไม่มีปัญหาครับพี่” รุ่นน้องรับคำ แล้วเดินจากไป

เขานั่งดูกองประวัติมากมายที่อยู่ในหน้าจอคอมพิวเตอร์ แต่เขาไม่พบใบหน้าสวยหวานที่เขาติดใจนักหนาเลยสักนิด นั่นหมายความว่าเธอไม่ใช่อาชญากร แต่ก็วางใจไม่ได้บางทีเธออาจจะเป็นสายลับของฝ่ายตรงข้าม หรืออาชญากรกลุ่มใหม่

“เธอเป็นใครกันนะ อัน…” เขาพูดชื่อเล่นของหญิงสาวยิ้มๆ หลังจากที่ได้ยินเพื่อนๆเธอเรียก

ตั้งแต่เกิดมาเขายอมรับได้เต็มปากเต็มคำเลยล่ะ ว่าไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนทำให้เขารู้สึกว่าสวย เก่ง ฉลาด และที่สำคัญหุ่นเป๊ะอย่างกับนางแบบ ถ้าหากเธออยู่ในชุดเครื่องแบบทหารหญิงจะดูดีสง่างามขนาดไหนกัน

“ผู้กองครับ ผู้พันเรียกประชุมด่วนครับ” เสียงลูกน้องใต้บังคับบัญชาวิ่งกระหืดกระหอบมาบอกดังขึ้นตั้งแต่ประตูห้องยังไม่เปิด

“ขอบใจมาก” เขาบอก แล้ววิ่งสวนออกไป แต่ก็ต้องหยุดชะงักเมื่อเสียงหัวหน้าเรียกตามหลังมา

“รีบไปไหนน่ะผู้กอง เวลาเรียกประชุมทีไรจริงจังทุกที ไหงเวลานอกขี้หลีจัง” พลเรือตรีศิระล้อเลียนลูกน้องใต้บังคับบัญชาด้วยรอยยิ้ม “ถ้าไม่ติดว่าเจ้าชู้นะ ยกลูกสาวให้ไปแล้ว”

“ผู้พันแต่งงานแล้วเหรอครับ?” เขาถามกลับกวนๆ

“ปากคอเลาะร้าย พูดเบาๆเดี๋ยวเขารู้หมด” นายพลที่กำลังจะเข้าวัยเกษียณเต็มทน แต่ยังไร้คู่พูดหยอกล้อต่อ

“ครับๆ” เขาบอก

“ป่ะ เข้าประชุมกันเถอะ” กลยุทธของเขาคือการรีแล็กซ์ก่อนเข้าสู่โหมดเครียดจนหัวหมุน

“การประชุมพร้อมแล้วครับ” หมวดภูมิทัศน์เดินออกมาบอกทั้งคู่

“โอเค ไปลุยกัน”

อีกด้านหนึ่งที่กำลังอยู่ในสถานการณ์ตึงเครียดไม่ต่างกัน กำลังเข้าประชุมกันด้วยสีหน้าเคร่งเครียด แถมยังผลัดกันเสนอความคิดในการทำงานกันอย่างออกรส และเต็มไปด้วยช่องโหว่ต่างๆมากมาย แม้ว่าความคิดของแต่คนจะออกมาหลากหลายรูปแบบ แต่พวกเขาก็เคารพแผนการทำงานที่ได้รับการยอมรับมากที่สุด

“เอาล่ะๆ ผมตัดสินใจแล้ว” นาวาโทศรุจบอก

“…” สมาชิกในที่ประชุมเงียบฟังอย่างใจจดใจจ่อ

“ผมจะเลือกสมาชิกในหน่วยห้าคนออกไปแฝงตัวกับพวกนั้น ครั้งนี้เราไม่ได้ทำงานหน่วยเดียวแบบที่ผ่านมา ทางกองทัพจะส่งคนมาคุ้มกันชาวบ้าน และช่วยเหลือเราด้วยอีกแรง และที่สำคัญผมกับผู้ใหญ่บ้านบน *เกาะลิงลมก็สนิทกันมาก พวกคุณไว้วางใจได้ แต่คนที่ผมจะเลือกไปปฏิบัติภาระกิจครั้งนี้ต้องได้รับการทดสอบสมรรถภาพก่อนลงสนามจริง พรุ่งนี้เจอกันที่สนามศึก รับทราบ !!!”

“รับทราบครับ / รับทราบค่ะ” ทุกคนตอบรับเป็นเสียงเดียวกันอย่างพร้อมเพรียง

“เอ่อ อีกเรื่องที่ผมอยากจะบอกทุกคน ลูกกระสุนที่หมวดอัญเอามาเข้ากองพิสูจน์หลักฐาน ได้ผลเป็นไปอย่างที่เราคาดการณ์เอาไว้ ผมอยากขออาสาสมัครหนึ่งคนเพื่อคุ้มกันเพื่อนของหมวดอัญ ยังไงเขาก็เป็นพยานปากสำคัญที่จะให้ข้อมูลเรื่องหน้าตา และรอยสักบนต้นคอของคนร้าย” พูดจบผู้พันก็กวาดสายตาไล่มองลูกน้องใต้บังคับบัญชาของตัวเองที่ละคน “ที่ผมไว้ใจทีม *Black-Knight เพราะพวกคุณคือ อัศวินสีดำที่หาตัวจับยากจริงๆ หลังการทดสอบพรุ่งนี้ผมจะคิดดูอีกทีแล้วกัน”

“รับทราบครับ / รับทราบค่ะ”

“เลิกประชุมได้ !!!”

*ทีม Black-Knight เป็นเพียงจินตนาการของผู้เขียนนะคะ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel