ตอนที่7 สนใจเป็นพิเศษ
หลังเสร็จเรื่องรับตัวเจ้าสาวไม่นานนักตอนนี้ทุกคนก็อยู่กันที่บ้านของแดนไทเพื่อฟังพระสวดให้บ่าวสาวได้ตักบาตรทำบุญในช่วงเช้า
“ตาพอลยังไม่ตื่นอีกเหรอเราไปดูน้องให้พ่อหน่อยสิ..ทำตัวไม่มีมารยาทเอาซะเลย”
ภูริชเห็นทีต้องหันมาบอกให้โนแอลไปตามภคพลขณะที่พระกำลังสวดคราแรกคิดว่ากลับมาจะเจอลูกชายคนเล็กรอต้อนรับแต่ป่านนี้ก็ไม่ยักจะเห็นหัวเสียทีจึงไม่ค่อยสบอารมณ์กับลูกชายที่ทำตัวไม่รู้กาลเทศะนัก
“ครับคุณพ่อ”
โนแอลรีบลุกปลีกตัวเข้าไปชั้นบนเขาเองก็มีส่วนผิดที่เมื่อคืนนอนไม่หลับจนต้องไปชวนภคพลนั่งดื่มนั่งคุยกันจนเกือบเช้า
ก๊อกๆๆ
หลังจากโนแอลเคาะประตูไม่นานภคพลก็เดินมาเปิดประตูเมื่อคนเป็นพี่เห็นน้องชายแต่งตัวเรียบร้อยแล้วจึงมองหน้าด้วยสายตาฉงนเพราะไม่รู้ว่าภคพลนั้นทำไมยังไม่ลงไปที่งานแต่งด้านล่างเสียที
“แต่งตัวเสร็จแล้วทำไมยังไม่ลงไปล่ะ”
“ผมรอให้พระสวดเสร็จขี้เกียจไปนั่งนิ่งๆฟังน่าเบื่อ”
ร่างสูงในชุดสูทสีเทาเซ็ททรงผมเนี้ยบยืนส่ายหน้าด้วยท่าทีขยาดเพราะจะให้เขาไปนั่งนิ่งๆฟังพระสวดคงสร้างความอึดอัดให้เขาไม่น้อย
“คุณพ่อหงุดหงิดกับนายใหญ่แล้วรีบลงไปตอนนี้เลย”
“รอให้พระสวดเสร็จก่อนไม่ได้เหรอครับ”
“ไม่ได้”
โนแอลรีบดันตัวน้องชายออกมาจากห้องด้วยไม่อยากต้องมารู้เห็นขณะที่พ่อต้องมานั่งบ่นน้องชายหลังจากจบงานแล้วเขาก็ต้องเป็นตัวกลางทำให้เรื่องบาดหมางนี้จบไปอีก
“กว่าจะลงมาได้..ทำอะไรเห็นแก่หน้าฉันบ้าง”
ภูริชเห็นลูกชายคนเล็กเข้ามานั่งเก้าอี้ข้างๆได้ก็รีบหันมาบ่นเสียงแข็งทันที
“ผมก็ลงมาแล้วไงครับคุณพ่อ”
ภคพลมองกรอกตาเล็กน้อยเมื่อถูกคนเป็นพ่อตำหนิแต่เขาก็มิวายจะเถียงให้ได้
“อย่าเถียงกันเลยครับ”
โนแอลต้องรีบปรามไม่เช่นนั้นบทสนทนาของพ่อเขาและน้องชายที่ไม่ค่อยจะดีนักคงจะยาวกว่านี้
“ยัยหนูไปไหนแล้วล่ะครับ”
คีรินเห็นว่าเก้าอี้ข้างๆของพราวพิ้งค์กำลังว่างจึงถือโอกาสนี้เข้าไปนั่งข้างๆหญิงสาว
“อยู่กับฟองจันทร์ค่ะน่าจะพากันไปเดินเล่นหลังบ้าน”
ใบหน้าหวานหันมองซ้ายมองขวาไม่เจอฟองจันทร์จึงคิดว่าน่าจะพาลูกสาวเธอไปเดินเล่นที่หลังบ้าน
“คุณพิ้งค์ไม่ได้รับชุดที่ผมฝากคุณปลายไปให้เหรอครับ”
คีรินเอ่ยถามพราวพิ้งค์ด้วยท่าทีประหม่าเล็กน้อยเพราะเขาไม่รู้ว่าเธอไม่ได้รับชุดที่เขาฝากปลายฝนไปให้หรือว่าเธอไม่อยากใส่ชุดที่เขาซื้อไปให้กันแน่
“เอ่อ..ชุดมันค่อนข้างไม่พอดีค่ะคุณคีรินขอโทษด้วยนะคะพี่พิ้งค์ไม่ได้ใส่”
พราวพิ้งค์รู้อยู่แล้วว่าเธอจะต้องเจอคำถามนี้จากคีรินดีที่เธอคิดคำตอบแบบถนอมน้ำใจอีกฝ่ายมาแล้ว
“ไม่เป็นไรหรอกครับแค่รู้ว่าคุณพิ้งค์รับเอาไว้ก็พอแล้ว”
คีรินพอจะยิ้มออกด้วยคราแรกคิดกังวลไปว่าหญิงสาวจะไม่ชอบใจชุดที่เขาซื้อให้เสียอีก
“จ้องอะไรเค้าขนาดนั้น”
ตอนนี้สายตาของภคพลจับจ้องพราวพิ้งค์และชายหนุ่มที่นั่งคุยกันอยู่ไกลๆไม่วางจนโนแอลต้องหันมาสะกิดน้องชายเพราะดูจะทำเสียมารยาทกับแขกในงานพอสมควร
“เปล่าครับ..แค่อยากรู้ว่าสองคนนั้นใคร”
“นั่นพ่อเลี้ยงคีรินเจ้าของไร่ข้างๆไร่อาแดนส่วนผู้หญิงเห็นอาแดนบอกเป็นคนทำบัญชีในไร่เพื่อนสนิทคุณฝัน..อยากรู้อะไรอีกหรือเปล่า”
“เอ่อ..แล้วสองคนนั้นเป็นอะไรกันเหรอครับดูสนิทสนมกันจังเลย”
“พี่ก็ไม่รู้..แต่ที่รู้คือนายสนใจพวกเค้าเป็นพิเศษ”
โนแอลเริ่มรู้สึกได้ถึงความผิดปกติของน้องชาย
“เปล่าครับ..ก็..ไม่ได้สนใจขนาดนั้น”
ภคพลรีบส่ายหัวทำเป็นไม่สนใจเรื่องของสองคนนั้นแต่ท่าทีที่พยายามทำเป็นไม่สนใจทำให้โนแอลดูรู้ในปราดเดียวว่าน้องของเขาต้องมีประเด็นอะไรกับหนึ่งในสองคนนี้แน่นอนครั้นจะถามก็คงไม่ได้คำตอบจึงวางเฉยเอาไว้ก่อน
ทางด้านพราวพิ้งค์ตอนนี้นั่งเกร็งเนื้อตัวรวมถึงใบหน้าชาวาบเมื่อคนตรงที่กำลังนั่งไหว้พระอยู่ฝั่งตรงข้ามคือชายหนุ่มที่เธอภาวนาว่าอย่าได้เจอเขาตั้งแต่เมื่อเช้าแต่เห็นทีคำร้องของในใจของเธอคงจะไม่ได้ผลเพราะภคพลยังคงส่งสายตาที่เดาอารมณ์ไม่ออกมายังเธอเป็นระยะ
“คุณพิ้งค์เป็นอะไรหรือเปล่าครับดูหน้าซีดไปหรือว่าจะเป็นลม”
หลังจากที่พระสวดเสร็จแล้วคีรินจึงเริ่มเอ่ยทักพราวพิ้งค์เพราะเห็นเธอมีสีหน้าไม่สู้ดีนักมาครู่ใหญ่แล้ว
“เอ่อ..ฉันนอนน้อยน่ะค่ะ..”
“เดี๋ยวผมไปน้ำหวานๆมาให้ดื่มนะครับ”
“ขอบคุณนะคะ”
คีรินรีบลุกออกจากเก้าอี้ตามผู้คนที่กำลังทยอยลุกกันไปยืดเส้นยืดสายหลังจากที่พ่อเลี้ยงหนุ่มลุกออกไปได้พราวพิ้งค์ก็ยังเห็นว่าภคพลยังคงนั่งจับจ้องมายังเธอไม่วางหญิงสาวจำต้องรีบลุกหนีจากตรงนี้ไป
