เริ่มแผนการ
[Khunsuk Talk]
2 ปีต่อมา
มหาวิทยาลัย BU
"เฮ่ย! กริ๊งมึงจะกลับเลยใช่ปะ?"
เสียงของแตงกวาร้องตะโกนตามแผ่นหลังของ กรุ๊งกริ๊งออกไปดังสนั่น ท่ามกลางกลุ่มเพื่อนที่รวมตัวกันหลังเรียนวิชาสุดท้ายของวันนี้เสร็จ บีบบังคับดวงตาของผมที่เดินตามหลังเพื่อนสาวทั้งสี่อยู่ไกลๆ หันไปมองพร้อมๆ กับเพื่อนผู้ชายในกลุ่มอีกสองคน
"เออใช่! กูง่วงนอนอยากกลับไปนอนหน่อย"
"อ้าว! แล้วสรุปยังไงอะเรื่องไปเที่ยวจะไปเปล่า?"
"ขอกลับไปคิดหน่อยได้ไหมล่ะ? ตอนนี้สมองกูตันไปหมด"
กรุ๊งกริ๊งหยุดยืนคุยกับแตงกวาในขณะที่สายตาของผมยังคงจับจ้องมองไปที่มันไม่วาง ในใจลึกๆ อยากให้มันยอมตกลงไปด้วยสักที หากไม่มีมันไปด้วยผมคงหงอยแย่แน่ๆ คนมันแอบรักมาตั้งนาน แค่อยากหาโอกาสกระชับความสัมพันธ์ เท่านั้นแหละ ถ้าผีเห็นใจได้โปรดผลักใส่กันแรงๆ เลยก็ดีนะ ขอร้อง!
"มึงจะมองมันอีกนานไหมไอ้ขุน มองแบบนี้เมื่อไหร่จะได้เจาะไข่แดงวะกูถามจริง?"
"เออ! นั่นนะสิเมื่อไหร่มึงจะตีป้อมสักที ยื้อกันไปกันมาอยู่นั่นแหละ ระวังไอ้เหี้ยไนท์มันคาบไปแดกก่อน พวกกูไม่ปลอบใจหมาอกหักนะมึง"
คีตะและไททันหันมาถามผมด้วยความสงสัยปนหมั่นไส้นิดๆ แหละดูออก แต่ดูแล้วไม่น่าจะนิดนะเล่นยืนเท้าสะเอว ขมวดคิ้วยุ่งเป็นเชิงคำถามกันขนาดนั้น ให้ไปอยู่ดาวพฤหัสหลับตามองลงมาก็เห็นแล้วปะ
"เออใช่ สงสารตับกูด้วย ไม่อยากแดกเหล้าเป็นเพื่อน ช่วงนี้หนักไปหน่อย นี่ยังจะไปเที่ยวกันอีก ชาตินี้ไม่ให้เซลล์เนื้อเยื่อในตับกูสร้างตัวใหม่กันเลยหรือยังไงวะ? แม่งเล่นแดกเหล้ากันทุกวัน"
"เออจริง กูต้องไปดีท็อกซ์ตับหน่อยล่ะ ก่อนจะไปทำร้ายมันอีกรอบเนี่ย ฮ่าๆ"
ถ้าได้บ่นก็บ่นกันจังเลยวะ ใจคอมันสองตัวจะไม่ปล่อยให้สมองพักผ่อนหน่อยหรือยังไง ไอ้คนอย่างผมก็ไม่เข้าใจ ไหลไปเรื่อยคำพูด แต่ต่อให้ไหลไปไกลแค่ไหน สุดท้ายมันก็วนกลับมาหาผมอยู่เหมือนเดิม เชื่อสิ เดี๋ยวลองดูเลย!
"เออแล้วสรุปเมื่อไหร่? เมื่อไหร่พวกกู 2 คน ที่ไม่ใช่อีชะนี 3 ตัวนั้นจะได้ฟังข่าวดีของมึง 2 คนผัวเมียนี่สักที"
นั่นไง! ผมนึกไว้ในใจไม่มีผิด มันไหลไปไกลผมได้ไม่นานหรอก สุดท้ายวนลูปเดิมถ้าความขี้เสือกนี้ยังไม่บรรลุนิติผล
"ใจเย็นๆ เป็นไหม? เรื่องงี้มันต้องค่อยเป็นค่อยไป จะให้กูจู่โจมมันเลยก็ไม่ใช่"
"ถุย! ไอ้สัตว์ ทีวันก่อนยังระริกระรี้ไปนอนกับมันเลยเหอะ"
"ถุยก็ถุยแรงไปเพื่อน น้ำลายกระเด็นใส่เสื้อกู เดี๋ยวติดเชื้อพิษสุนัขบ้า"
ปรามไททันสักหน่อย ก่อนที่น้ำลายก้อนใหญ่จะกระเด็นมาอีกรอบ ผมเร่งนิ้วปัดแกว่งไปมาเพื่อดีดน้ำลายเพื่อนออกจากเสื้อ ถ้าติดตัวคงต้องไปโรงพยาบาลฉีดวัคซีนกระตุ้นหน่อยแล้วละมั้ง
"ไอ้สัตว์! กูมันคนหล่อเว่ย ไม่ใช่หมา"
"รอแล้วก็รออีก พอไอ้เหี้ยไนท์มาติดอีกริ๊งงอมแงม มึงก็กระฟัดกระเฟียด ฟุดฟิด ฟึดฟัดฟาดงวงฟาดงาใส่เขาไปทั่ว โธ่! มึงนั่นแหละเป็นหมาไอ้ปัญญานิ่ม"
"ด่าปัญญาอ่อนเถอะ นิ่มก็ไม่ต่างกันนะกูว่า ไม่สะใจว่ะ ฮ่าๆ"
ไททันหันมาเสริมคำพูดของคีตะ ก่อนที่มันจะหันมาตบไหล่ผม พลางหัวเราะดังลั่น กระทั่งเพื่อนสาวทั้งสี่หันกลับมามองพวกผมกันด้วยความสงสัย สงสัยไอ้สามตัวนี้ท่าจะบ้า อย่าเหมารวมกูเถอะครับ เอาแค่ไอ้ไททันพอ!
"จู่โจมมันเลยไม่ได้หรอก เผื่อมันไม่ได้คิดเหมือนกู กูไม่อยากเสียมันไปอะ"
"ไอ้ห่า มึงกับอีชะนีนั่นมันเหมือนกันจริงๆ เลย ปากแข็งทั้งคู่ ใช้รูตูดไอ้เชี่ยคีส่องดูก็รู้ว่าอีกริ๊งก็มีใจให้มึง"
"กูก็แค่ไม่อยากเสี่ยง"
ผมทำหน้าสลดลงด้วยความใจแป้ว หล่นวูบลงในโพรงลึกบนกลีบเนื้อที่กำลังเต้นสั่นเบาลง ราวกับจะขาดใจตาย เมื่อนึกถึงวันที่สารภาพรักกับกรุ๊งกริ๊งไป แล้วมันไม่ได้คิดอะไรที่ใจตรงกันกับผมเลย ยิ่งคิดยิ่งเจ็บ หัวใจเจ้ากรรมจะลงไปดิ้นแด่วๆ กระแทกพื้นตายเสียให้ได้
"แล้วมึงจะทำยังไงต่อ ไหนพูดมาดิ๊"
"กูต้องค่อยๆ ตะล่อม เนียนๆ กับทฤษฎีของกู"
"ทฤษฎีอะไรวะ?"
"ทฤษฎีล้ำเส้นเพื่อน"
ผมตอบมันสองคนไปด้วยความภาคภูมิใจ เพราะคิดว่ายังไงเสียสิ่งที่ผมกำลังคิดที่จะลองทำกับกรุ๊งกริ๊ง มันต้องเวิร์คแน่ๆ แต่ไหงพอหันกลับมามองไททัน และคีตะที่กำลังมองหน้าผมสลับกับหน้าของมันสองคนอย่างงุนงง นี่ก็งงเกินไป งงจนผมเองเริ่มใจแป้วอีกรอบละนะ
"คือไงวะ?"
"เออน่ะ พวกมึงอดใจรอเลย"
"อดใจรอ? โธ่ไอ้สัตว์!! กูกับไอ้เหี้ยคีอดใจรอมึงกับอีชะนีนั่นมา 3 ปีกว่าแล้วนะเว่ย!!"
"เบาๆ สิไอ้ห่า!"
เพื่อนก็ขึงขังเกินคน ผมอุตส่าห์พูดเบาๆ แล้ว แต่มันยังแหกปากพูดเสียงดังลั่น กระทั่งคนอื่นๆ ที่อยู่แถวนั้นหันมามองพวกผมกันตาแวววาว ไม่เว้นแม้กระทั่งคนที่อยู่ในใจผมอีกต่างหาก อย่ามองกูแบบนั้นกรุ๊งกริ๊ง อย่ามองแบบนั้น กูเสียเซลฟ์!
"เฮ้อ!"
อันที่จริงเพื่อนผมทั้งกลุ่มต่างก็รู้ดีว่าผมกับกรุ๊งกริ๊งสนิทสนมกัน ตัวติดกันยิ่งกว่าเพื่อนกันจริงๆ เขาทำกัน ใครเห็นก็คิดว่าเราสองคนเป็นแฟนกัน แต่ทว่าด้วยความที่ผมกลัวเสียมันไป
จึงไม่เคยกล้าล้ำเส้นบอกความรู้สึก และความต้องการของตัวเองเลยสักครั้ง ซึ่งมันเองก็คงคิดเหมือนกัน หรือไม่เหมือนวะ เริ่มไม่แน่ใจ แต่คิดเข้าข้างตัวเองไว้ก่อนแล้วหนึ่ง ใครจะทำไมก่อน!
"มึงไปเอาทฤษฎีเหี้ยนี้มาจากงานวิจัยของใครวะ?"
"ไม่มีงานวิจัยของใครทั้งนั้น กูตั้งขึ้นมาเองอะ"
"ฉิบหายล่ะ!"
"กูว่างานนี้เหลวตุ๊บเหมือนเดิม เชื่อกู"
เพื่อนกันจริงมันต้องสปอยกันดิ ไฉนไอ้สองตัวนี้มันไม่สปอยผมบ้างอะ แถมแย้งซะหมดไฟในการเดินเกมเลย
"เฮ้อ! ให้กำลังใจกูหน่อยดิวะไอ้สัตว์"
"กูว่าครั้งนี้ก็เหมือนเดิม ไม่มีอะไรพัฒนาสักอย่าง"
"เออนั่นดิ ให้กูกับไอ้ไทหวังเก้อตลอด"
ที่ผ่านมาผมหาเรื่องให้ความสัมพันธ์ของผมและ กรุ๊งกริ๊งไปต่อได้ แม้ไม่ว่าจะหาเรื่องอะไรมาสุดท้ายก็วนเป็นเดจาวูเข้าลูปเดิม ซึ่งผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน
"มันจะไม่ยากเลย ถ้ามึงไม่ปอดแหก เป็นไก่กาอาราเล่อยู่ตอนนี้ บอกมันไปซะให้มันจบๆ ไม่ต้องมากั๊ก กูจะได้เงินเดิมพันจากอีกชะนี 3 ตัวนั้นสักที ไอ้เหี้ยขุน"
"นั่นนะดิ กูวางเงินลงขันไว้ตั้งหมื่นหนึ่ง แต่อีชะนี 3 ตัวนั้น มันวางคนละ 2 หมื่นเลยนะเว่ย เชดโด้!! ถ้ามึงกับอีกริ๊งเป็นแฟนกันจริงๆ กูกับไอ้เหี้ยคีจะได้ตังค์ตั้งคนละ 3 หมื่นเลยนะเพื่อน กำไรเหนาะๆ"
"เออนั่นดิ ขอร้องทีเถอะเพื่อน บอกมันไปให้จบๆ โปรดเห็นใจกูสองคนที พวกกูร้อนเงินอยู่นะเข้าใจปะเนี่ย?"
มันยังเป็นเพื่อนกันอยู่หรือเปล่าวะ ผมเองก็เริ่มงงละนะ ตั้งแต่ปลายๆ ปีหนึ่ง ที่ทั้งผมและกรุ๊งกริ๊งเลิกกับแฟนพร้อมๆ กัน และเริ่มกลับมาสนิทกันอีกเหมือนช่วงปีหนึ่งแรกๆ เพื่อนทั้งกลุ่มวางเดิมพันกันเรื่องผมและกรุ๊งกริ๊งอันนี้ผมรู้ดีมาตลอด แต่ผิดกับกรุ๊งกริ๊งเองที่ไม่รู้ หรือจะรู้แล้วก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน
"เฮ่ย!! พวกมึง 3 ตัวอะ จะไปแดกข้าวกันเปล่า?"
"ไปดิวะ กำลังหิวเลย"
"กูไม่ไปนะ ง่วงนอน"
กรุ๊งกริ๊งตัดบทเพื่อน ก่อนจะเดินออกจากกลุ่มไป เพื่อรอรถเมล์กลับห้องของตัวเอง ซึ่งผมก็เห็นและนี่จะเป็นโอกาสสำคัญที่ผมจะเดินเกมรุกต่อแบบเนียนๆ สักที ข้าวก็หิวอยู่แหละ แต่ช่างหัวข้าวไปก่อน ตอนนี้ตามหยอดหญิงคืองานหลัก!
"เฮ่ยกริ๊ง!! กูกลับด้วย!!"
Talk
ทฤษฎีล้ำเส้นเพื่อน แต่ดูทรงแล้วน่าจะล้ำไปได้แค่ขนขา แล้วถอยกลับหลังอย่าไว5555
