ตอนที่5.
“คิ้วชนกันแล้วนะยัยตา คิดถึงหนุ่มๆ อยู่รึเปล่า คิก คิก”
“มีให้คิดถึงก็ดีซิ”
หญิงสาวยิ้มแหย เฮ้อ เอาเถอะ อย่างน้อยก็มี มินต์สาวหมวยเสียงเล็กที่ดูเป็นมิตรและจริงใจกับเธอมากกว่าใครที่สุดในตอนนี้
เธอหยิบแบบฟอร์มสอบถามทั้งสิบสองชุดใส่ถุงผ้าของตัวเอง แต่มีแฟ้มเอกสารที่ใส่สมัครงานนอนนิ่งอยู่ภายใน เธออดนึกถึงการสอบสัมภาษณ์ของวันนี้ที่ดูจะไม่ค่อยดีนัก ไม่ต้องคาดหวังเลยว่าจะได้กลับไปที่นั่นอีก ก่อนเข้าบ้านคงต้องหาซื้อหนังสือพิมพ์สมัครงานเล่มล่าสุดไปดูอีกแล้ว
โยษิตาเดินออกมาจากตึกบริษัทฯอย่างเหนื่อยๆ เห็นคนเขาแถวรอกด ATM ที่หน้าร้านสะดวกซื้อแล้วเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าค่าแรงจากการทำงานพิเศษเข้าบัญชีแล้ว เธอหยิบสมุดบันทึกเล่มเล็กขึ้นมาพลิกดูรายการของใช้ในบ้านที่ต้องซื้อ แต่คุณยายละเอียดที่แสนน่ารัก ไม่ค่อยสนับสนุนให้เธอซื้อของตามห้างฯ แม้ว่าได้ราคาถูกกว่า ทั้งสบู่,ยาสระผม, ผงซักฟอกหรืออะไรอีกจิปาถะเหล่านี้ คุณยายมักจะให้เธอซื้อที่ร้านของป้าแจ๋ว ร้านโชว์ห่วยที่อยู่ปากซอย ส่วนเรื่องอาหารการกินคุณยายเป็นคนจัดการให้เธอทั้งหมด
ถ้าใครจะว่าเธอเป็นหลานที่ไม่ได้เรื่องเลยก็ดูจะไม่ผิดนักก็งานบ้านงานเรือนไม่ค่อยถนัดเอาเสียเลย แม้แต่การทำอาหารก็ยังสู้รสมือของคุณยายไม่ได้ แต่กระนั้นคุณยายก็ไม่เคยดุว่าอะไรหลานสาวคนนี้สักครั้ง อาจเป็นเพราะเข้าใจที่หลานสาวคนนี้ต้องรับภาระทั้งเรียนและทำงานพิเศษไปพร้อมกัน
“ฝนตกเมื่อไหร่นี่…แย่จังถนนแฉะไปหมดเลย”
หญิงสาวพึมพำกับตัวเองเบาๆ นี่เดือนอะไรแล้วหนอฝนจึงมาทักทายอย่างนี้ ตั้งแต่เรียนจบมายังไม่เคยได้ไปเที่ยวพักผ่อนแบบคนอื่นเลยแถมตะลอนๆ หางานอีกต่างหาก แล้วไหนตอนนี้จะมีน้องสาวตัวเล็กเพิ่มมาอีกหนึ่งคน ซึ่งดูเหมือนว่าแม่เด็กจะไม่ใส่ใจเอาเสียเลย นี้ก็เท่ากับว่าบ้านของเธอในเวลานี้มีผู้หญิงสามคนสามวัยอยู่ใต้หลังคาเดียวกัน
ปวดหัวจัง! โยษิตาได้แต่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ไม่รู้จะปรึกษาใครและก็บ่นให้ใครฟังก็ไม่ได้ คงต้องลองโทรศัพท์ติดต่อไปทางป้าอำภาแม่ของน้องข้าวซอยดูอีกสักครั้ง ว่าจะมารับลูกสาววัยสิบขวบเมื่อไหร่
ขณะที่ยืนรอสัญญาณไฟจราจรเพื่อจะข้ามถนนไปขึ้นรถเมล์ที่ฝั่งตรงข้าม รถยนต์คันหนึ่งก็แล่นผ่านด้วยความเร็วเบียดฟุตปาธจนน้ำที่เจิ่งนองกระเซ็นใส่ร่างของโยษิตาที่ยืนริมถนนอยู่พอดี
“ว๊าย!”
ไม่ใช่ใส่เธอที่ร้องกรี๊ดออกไปหรอก แต่เป็นคนที่ยืนใกล้ๆ เธอต่างหาก หญิงสาวหงุดหงิดกับพฤติกรรมกรี๊ดกร๊าดของผู้หญิงแบบนี้เหลือเกิน แต่ก็ได้แต่ยืนปลงแล้วพยายามเพ่งมองหมายเลขทะเบียนรถที่แล่นผ่านไป ทว่ารถคันนั้นก็ไปได้ไม่ไกลนักก่อนถอยพรืดมาจอดตรงบริเวณที่เกิดเหตุ กระจกไฟฟ้าอัตโนมัติถูกเลื่อนลงปรากฏใบหน้าหญิงสาวสวยเฉี่ยวที่เบาะนั่งฝั่งข้างคนขับ แล้วธนบัตรสีม่วงก็ยื่นออกมานอกหน้าต่างรถ
“ขอโทษที ฉันกำลังรีบ แค่นี้คงพอค่าซักรีดเสื้อผ้าราคาถูกของคุณนะ”
ธนบัตรฉบับนั้นถูกหยิบไปทันทีและรถยนต์คันหรูก็พุ่งตัวออกไปอย่างรวดเร็ว โยษิตาซึ่งเลอะเทอะมากที่สุดแต่หญิงสาวที่ร้องกรี๊ดเมื่อครู่รับไว้อย่างรวดเร็ว แม้ปากจะก่นบ่นด่าอยู่ก็ตาม
เอาเถอะ! โชคร้ายซะให้พอ พรุ่งนี้มันอาจจะเป็นวันดีๆ ได้ใครจะไปรู้ หญิงฝืนยิ้มให้กับตัวเองก่อนพาร่างเพรียวบางข้ามถนนเพื่อมุ่งไปสู่บ้านไม้สองชั้นในชุมชนสวนขวัญ อย่างน้อย…เธอก็มีบ้านให้กลับในทุกวัน.
...
เสียงเบรกดังลั่นของรถยนต์สีดำมันวาวปาดมาจอดหน้าโรงแรมหรูระดับห้าดาวของบนถนนเพลินจิต
ชายหนุ่มผู้นั่งตัวตรงหลังพวงมาลัยระบายลมหายใจหนักๆ ในขณะที่หญิงสาวผิวขาวละเอียดและมีดวงตาหยีเล็กบ่งบอกถึงสายเลือดที่มีเชื้อจีนอยู่ถึงครึ่งหนึ่ง ริมฝีปากที่เคลือบลิปสติกสีแดงสดเม้มสนิทจนเป็นเส้นตรง
“พี่ต้องพาลูกค้าไปชมโรงงานนะครับน้องลิน” ชายหนุ่มพยายามสะกดอามรณ์ที่ขุ่นมัว เขาเองก็ไม่ค่อยชอบที่ต้องคอยเอาอกเอาใจใครนัก
“ก็น้องลินอยากให้พี่ฮาคีมไปดูหนังด้วยกันนี่ค่ะ” เกวลินกระเง้ากระงอดน้อยใจคู่หมั่นนักธุรกิจอายุน้อยที่เป็นจับตามองที่สุดในยุคนี้
