บท
ตั้งค่า

9

9

“สวย” เขาตอบราวคนละเมอ ขณะที่สายตายังจับจ้องอยู่ที่ใบหน้างดงามไม่วางตา ปฏิเสธไม่ได้ว่าใบหน้ารูปไข่ ดวงตากลมโต แก้มสีชมพูระเรื่อ อีกทั้งปากกระจับอวบอิ่มกำลังตรึงสายตาเขาให้หยุดนิ่งอยู่อย่างนั้น และมันก็คนถูกมองอดประหม่าไม่ได้ กระทั่งเสียงของสาวใช้ก็ดึงสติของทั้งคู่กลับมา

“ฝีมือการตัดเย็บของคุณหนูประณีตมาก อีกทั้งรูปแบบก็ดูสวยแปลกตาไม่เหมือนใคร ข้าว่าต้องขายได้กำไรอย่างงามเลยเจ้าค่ะ”

“ขาย?” คำว่าขายทำเขาเสียงเข้มขึ้นทันที

“ใช่! ก็อย่างที่บอกว่าข้าจะนำผ้าที่ได้จากทุนของท่าน มาทำประโยชน์ให้มันงอกเงยขึ้นมา นี่แหละผลงานของข้า ไว้ถ้าข้าตัดได้หลายชุด ข้าจะเอาไปวางขายที่ตลาด” ลู่อวี๋บอกด้วยสีหน้าภาคภูมิ ก่อนจะต้องชะงักเพราะเสียงเข้มๆ ของเขา

“ไม่ได้”

“ทำไมล่ะ ถ้าติดปัญหาเรื่องการวางขายล่ะก็ ท่านไม่ต้องห่วงเลย ข้าคุยกับเถ้าแก่เจ้าของร้านเอาไว้แล้ว ไม่คิดจะรบกวนท่านแน่”

“สกุลฝูมิได้ขาดแคลนถึงขนาดจะดูแลเจ้าไม่ได้ หากใครรู้เข้าว่าข้าปล่อยให้เจ้าทำเช่นนั้น ตระกูลของข้าจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน”

“แต่ข้าไม่ใช่คนตระกูลท่าน แล้วข้าก็มีมือมีเท้าสามารถดูแลตัวเองได้ หรือต่อให้ใช่ การที่ข้าจะทำมาหากิน หาเลี้ยงตัวเองมันผิดมากนักเหรอ การที่ผู้หญิงไม่ยอมพึ่งพาผู้ชายมันผิดมากรึไง ข้าว่าไอ้ความคิดคร่ำครึที่ผู้ชายยุคท่านกลัวไม่ใช่เรื่องหน้าตาหรอก แต่กลัวว่าถ้าผู้หญิงหาเลี้ยงตัวเองได้ ผู้ชายอย่างพวกท่านจะกดขี่ข่มเหงให้ผู้หญิงอยู่ใต้เท้าพวกท่านไม่ได้ต่างหาก จริงๆ แล้วท่านก็แค่เห็นแก่ตัว” เธอตะโกนใส่หน้าเขาด้วยโมโห ทำเอาคนรับใช้ทั้งสองมองหน้ากันเลิ่กลั่กทันที

“ถ้าคิดว่าข้าเห็นตัว แล้วเจ้าจะทนอยู่ที่นี่เพื่ออะไร เก่งนักก็ออกไปใช้ความเก่งของเจ้าให้คุ้มค่าสิ ข้าก็อยากรู้นักว่าจะมีใครกี่คนที่สรรเสริญความคิดของเจ้า” พูดจบเขาก็เดินหน้าบึ้งตึงออกไป ทิ้งให้คนถูกไล่ถึงกับหน้าชา

“ฉันไปแน่ ไม่ต้องไล่ ฉันเองก็ไม่ได้อยากอยู่กับคนใจแคบอย่างคุณนักหรอก” เธอตะโกนไล่หลัง ก่อนจะทรุดฮวบลงไปกับพื้น

“นึกว่าฉันอยากอยู่นักรึไง แต่ฉันแค่ไม่มีที่ไป” เธอร่ำไห้ด้วยความเจ็บใจ

“คุณชายก็แค่กำลังโกรธ คุณหนูเองก็ไม่น่าจะพูดแบบนั้นออกไปเลยนะเจ้าคะ ไว้ให้คุณชายอารมณ์เย็นลงเมื่อใด คุณหนูค่อยไปขอโทษนะเจ้าคะ” สาวใช้ทรุดตัวลงนั่งข้างๆ พลางพยายามปลอบ

“ทำไมต้องขอโทษ ในเมื่อข้าไม่ได้ทำอะไรผิด ข้าก็มีศักดิ์ศรีของข้านะอีอี” เธอเสียงแข็งขึ้นมาอย่างไม่นึกจะยอม

“ข้าไม่รู้หรอกนะเจ้าคะว่าทำไมคณหนูถึงมีความคิดเช่นนั้น แต่สตรีที่นี่เราถูกปลูกฝังให้ต้องพึ่งพาบุรุษ หากพอถึงยามที่ต้องออกเรือน เราก็ต้องเชื่อฟังและคอยปรนนิบัติสามี มันเป็นหน้าที่ที่หญิงเราต้องพบเจอ วันหนึ่งคุณหนูจะเข้าใจเจ้าค่ะ”

“มันเป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่ถูกฝังลงในหัวไปแล้วสินะ ฮือ…ฉันต้องทำใจยอมรับมันจริงๆ ใช่ไหม” เธอปิดหน้าร่ำไห้กับฝ่ามืออย่างคนหมดหนทาง เห็นแบบนั้นถงอีอีจึงได้แต่ลูบหลังปลอบประโลม อย่างไม่รู้จะทำอะไรได้ดีไปกว่านั้น

เกือบครึ่งชั่วยาม (ครึ่งชั่วยาม = 1 ชั่วโมง) ที่เขาหลบมานั่งสงบสติอารมณ์อยู่ในห้องตำรา หลายครั้งที่เขาพยายามจะเข้าใจเธอ แต่แล้วก็อดโมโหไม่ได้อยู่ดี กระทั่งมาคิดได้ว่าสังคมที่เขาอยู่กับสังคมที่เธอจากมาอาจไม่เหมือนกัน จึงไม่แปลกที่เธอกับเขาจะมีความคิดที่แตกต่างกัน ชายหนุ่มจึงเดินออกมา

“เอ่อ…แล้วลู่อวี๋ล่ะ” เขาอึกอักเมื่อต้องถามเสี่ยวไป๋ที่กำลังง่วนอยู่กับการปัดกวาดเช็ดถู

“ไปที่ท่าน้ำด้านหลังน่ะขอรับ เห็นบอกว่าจะกลับ…” คนตอบตอบไม่ทันจบประโยค คนถามก็แทบวิ่งออกไป กระทั่งเห็นว่าคนที่ตนหากำลังเดินลงไปในน้ำ ไม่รอช้าเขารีบกระโดดตามลงไปแล้วกอดรัดเธอไว้แน่นทันที ทำเอาคนถูกกอดถึงกับหน้าเหลอด้วยความตกใจ

“อย่าไป” เขาบอกเสียงสั่นเครือขณะยังกอดรัดเธอไว้แน่น

“ปะปล่อยก่อนได้ไหม” คนถูกกอดถึงกับอึกอักทำตัวไม่ถูก

“สัญญามาก่อนว่าจะไม่ไปไหน” เขาตั้งข้อแม้

“ก็ท่านเป็นคนไล่ข้าเอง มาตอนนี้จะให้อยู่ เป็นไบโพล่าร์รึไง เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา ตามอารมณ์ไม่ทันแล้ว” เธอบ่นอุบพลางดันตัวออกมาเพื่อจ้องหน้าอีกฝ่าย

“ข้าผิดเองที่พลั้งปากพูดไปแบบนั้น ข้าเอ่อ…ขอโทษ” คำขอโทษที่หลุดออกจากปากอย่างเย็น ทำเธอแอบอมยิ้ม ก่อนจะรับคำออกไปเบาๆ

“อืม”

“งั้นรับปากได้ไหมว่าจะไม่ไปไหน” เขาถามพลางเลื่อนมือไปจับมือเธอมากุมไว้

“ก็ไม่ได้ไปไหนนี่ เพราะถึงอยากไปก็ไปไม่ได้อยู่ดี” เธอบอกเสียงเบาจนแทบไม่ได้ยิน

“งั้นกลับเข้าบ้านกันเถอะ อากาศเริ่มเย็นแล้ว” เขาบอกพลางจับจูงเธอให้เดินขึ้นฝั่ง

“ไม่ ข้ายังกลับไม่ได้” เธอพยายามรั้งแขนตัวเองกลับมา

“ทำไม” เสียงเขาเข้มขึ้น อีกทั้งสีหน้าก็เริ่มขุ่นขวาง

“ก็ข้ายังอาบน้ำไม่เสร็จ จะให้กลับได้ยังไงเล่า”

“อาบน้ำ?” เขาครางถามราวกับไม่แน่ใจในสิ่งที่ได้ยิน

“ก็ใช่น่ะสิ อีอีบอกว่าที่นี่ไม่มีห้องอาบน้ำ ต้องอาบที่ลำธารนี่ ข้าก็ต้อง…เฮ้ย!” หลังจากเพิ่งนึกได้ว่าตัวเองมาอาบน้ำ และอยู่ในสภาพที่ไม่เรียบร้อยนัก

“ท่าน หันไปเดี๋ยวนี้เลยนะ” เธอแหวเสียงเขียว พร้อมกับเอามือมาพรางหน้าอกตัวเองไว้ และนั่นก็ทำให้เขาเผลอเลื่อนสายตามองตาม

“นี่ บอกว่าอย่างมองไงเล่า” เธอตวาดแว้ด ทำเอาคนที่เผลอจ้องตาค้างรีบหันไปอีกทาง แต่แค่นั้นดูเหมือนจะยังไม่พอ เพราะถึงแม้จะยังมีทั้งเสื้อและกางเกง แต่มันก็เป็นเพียงซับในบางๆ ที่สำคัญนอกจากสองชิ้นนี้แล้ว ข้างในเธอก็ไม่มีอะไรอีกเลย แล้วตอนนี้สองชิ้นที่มีมันก็ดันเปียกน้ำแล้วด้วย

“ยืนอยู่ทำไมเล่า รีบกลับขึ้นไปสิ” เธอแหวใส่อีกครั้ง เมื่ออีกฝ่ายยังยืนนิ่งราวถูกตรึงไว้

“อ้อ…เอ้อ…อืม ข้าจะไป” ในขณะที่เขากำลังจะก้าวขาขึ้นไป ทันใดนั้นความคิดบางอย่างก็แล่นเข้ามา จึงทำให้ต้องรีบหันกลับมาด้วยความลืมตัว

“ข้าว่า…”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel