CHAPTER 3 รับบทตัวร้าย
พิมพ์แพรดาวถอนหายใจลึก พยายามเรียกความกล้าเข้าหาตัวเองเมื่อยืนอยู่ท่ามกลางความหรูหราของบ้านคู่หมั้นที่เคยเป็นความฝันของใครหลายคน แต่สำหรับเธอ บ้านหลังนี้กลายเป็นสนามรบของคำดูถูกและสายตาเย็นชา
“ยังกล้าโผล่มาที่นี่อีกเหรอ บ้านนี้ไม่ต้อนรับเธอ” เสียงจากมุมห้องตัดเข้ามาแรงกว่าที่คิด น้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยความรังเกียจและคำเย้ยหยัน
“แล้วไงคะ พี่ปริ้นท์ต้อนรับใครเหรอ” เธอตอบเสียงเรียบปากสั้นๆ แต่แฝงไปด้วยประกายท้าทาย
“หน้าด้านจริงๆ นะ ควรจะโยนลงบ่อจระเข้ให้มันจบๆ ไป”
“กลัวจังเลยค่ะ” จากที่ศึกษาตามอ่านข่าวของอีกฝ่ายมาก็พอจะรู้นิสัยมาบ้าง ทำตัวเหมือนตัวร้ายในละครที่คอยจะแย่งคนรักคนอื่นตลอดเวลา
“เธอนี่มัน อย่าโผล่หน้ามาให้ฉันเห็นอีกเข้าใจไหม”
“แค่แพรอยากอยู่ใกล้คุณนี่คะ”
“ฉันบอกแล้วไงอย่าเข้ามาใกล้ฉัน” เขาถอยหลังไปหนึ่งก้าว แต่แปลกแทนที่เขาจะรังเกียจ แต่แววตาคู่นั้นที่มองเขามันทำให้ควบคุมตัวเองไม่อยู่
“ทำไมล่ะคะ หรือจะกลัวว่าพี่จะใจอ่อน?” เธอตอบกลับอย่างไม่มีเกรงกลัว น้ำเสียงทิ่มแทงแต่เธอก็ยังยืนนิ่งไม่ถอย
“ฉันอยากจะฆ่าเธอไง!” ปรินวัชร์ก้าวเข้ามาใกล้จนเงาเขาทาบบนตัวเธอ ดวงตาของเขาเย็นลง
“กลัวจังเลย” เธอหัวเราะเบาๆ เมื่อเขาจากไปอย่างหัวเสีย คงจะต้องหาทางไปยกเลิกการหมั้นหมายไม่อย่างนั้นคงได้ตายอีกรอบแน่
พัชระเดินเข้ามาพร้อมแฟ้มเอกสารในมือ สีหน้าเกร็งชัดเจนเหมือนคนกำลังถือข่าวร้ายมาแจ้ง เขาเอ่ยเสียงเรียบแต่แผ่ว ก่อนจะยื่นแผ่นกระดาษออกไป
“รายงานค่าใช้จ่ายของคุณแพรครับ วันนี้เธอรูดบัตรไปสองล้านกว่าครับ”
เสียงปากกาที่เจ้านายถืออยู่หล่นกระแทกโต๊ะดัง ปรินวัชร์เงยหน้าขึ้นทันที ดวงตาคมวาวด้วยความตกใจปนโมโห
“ว่าไงนะ! ยัยนั่นเป็นบ้าอะไรขึ้นมาสองล้าน?”
“นี่รายงานครับ” พัชระรีบก้มหน้าตอบ
“เธอกำลังท้าทายฉันสินะ…” ปรินวัชร์กัดฟันกรอด เสียงเย็นเฉียบจนบรรยากาศในห้องเหมือนจะหยุดนิ่ง เขาโยนแฟ้มลงบนโต๊ะเสียงดัง ก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่แฝงความเดือดดาล
“เตรียมรถ ฉันจะไปหาเธอเอง!”
“ครับ จะให้แจ้งคุณแพรก่อนมั้ยครับ?” พัชระกลืนน้ำลายลงคอ
“ไม่ต้อง!” เขาตอบทันควันน้ำเสียงนั้นทั้งกร้าว และเย็นจัดชนิดที่แม้แต่ลูกน้องอย่างพัชระยังไม่กล้าเอ่ยอะไรอีกแม้แต่คำเดียว
พิมพ์แพรพลอยทิ้งตัวลงนั่งที่โชฟาการอยู่บ้านของปรินวัชร์ มันแสนจะน่าเบื่อเจ้าของร่างอายุก็เข้ายี่สิบสี่แล้ว ไม่คิดจะหางานทำบ้างหรือไง ไม่รู้ว่าต้องเป็นคู่หมั้นของเขาอีกนานแค่ไหน
เธอหยิบแผ่นกระดาษที่เป็นรูปของตัวเองคิดถึงบรรยากาศเก่าๆ เธอแค่ผู้หญิงจนๆ คนหนึ่งที่ดันโชคร้ายป่วยด้วยโรคมะเร็งไม่พอ แม่ยังจะแช่งให้เธอตายไวๆ ไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงมาอยู่ในร่างนี้
“รูปใครน่าเกลียดชะมัด” เสียงแผ่นกระดาษถูกดึงจากมือของเธอ รอยยิ้มเย็นชาแผ่บนมุมปากของเขาเมื่อเห็นภาพถ่าย
“เอาของแพรคืนมา!”
“แค่ขอดูนิดหน่อยเองทำเป็นหวง”
“เอาคืนมา!” เธอทวงอีกครั้ง
“หวงซะด้วยแต่ฉันไม่ให้” มือใหญ่คว้าภาพขึ้นฉีกเป็นชิ้นอย่างแรง เสียงฉีกของกระดาษขาดเติมเต็มความเงียบในห้อง
“เห็นไหมฉันฉีกมันขาดแล้ว ต่อไปอาจเป็นคิวของเธอก็ได้” เขาพูดช้าๆ เย็นยะเยือก ดวงตาคล้ายมีประกายคุกคาม
ในชั่วพริบตาความรู้สึกถูกละเมิดในอกของแพรปะทุขึ้นมาอย่างรุนแรง เธอไม่คิดต่อยกมือขึ้นตบเข้าที่แก้มเขาดัง เสียงนั้นดังจนในห้องเงียบไป
เพียะ!
เขาทิ้งชิ้นกระดาษที่เหลือค้างอยู่กับอากาศ ดวงตากว้างด้วยความตกใจมากกว่าความเจ็บ ไม่เคยมีใครกล้าตบเขามาก่อน
“เธอกล้าทำ...” เสียงเขาแตก ไร้การควบคุมที่คงเคยมี
“นิสัยแบบนี้ไงพี่ฟ้าถึงไม่รัก”
“พิมพ์แพรดาว!” เขากัดฟันแน่น เหมือนอีกฝ่ายกำลังตอกย้ำเขา
มือหนาคว้าต้นคอเธอไว้แน่นก่อนจะออกแรงบีบลำคอเธอ เขามองเธอดิ้นเอาตัวรอดมองลึกเข้าไปในดวงตาของหญิงสาว ไม่ว่าเขาจะทำเลวกับเธอแค่ไหนอีกฝ่ายก็ไม่ยอมไปจากเขาเสียที
จนเขามองเห็นตัวเองในดวงตาคู่นั้น ทำให้เขาชะงักและยอมปล่อยเธอให้เป็นอิสระ เขามองหญิงสาวเช็ดน้ำตาตัวเอง
“เธอหาทางถอนหมั้นกับฉันซะ ถึงวันนั้นฉันอาจจะเกลียดเธอน้อยลงเธอได้”
หญิงสาวร้องไห้ออกมาเพราะความกลัว ไม่อยากคิดเลยที่ผ่านมาเขาทำอะไรกับเจ้าของร่างไว้บ้าง ทำไมพิมพ์แพรดาวถึงรักเขาขนาดนั้น
บรรยากาศในไนต์คลับกลางค่ำคืนเงียบกว่าทุกวัน แสงไฟสลัวสะท้อนบนแก้ววิสกี้ที่ปรินวัชร์หมุนเล่นช้าๆ บนโต๊ะ เสียงเพลงแจ๊สเบาๆ คลออยู่ในพื้นหลัง
“นี่นายไม่คิดจะตามตอแยฟ้าวันใหม่แล้วเหรอ?” อาเธอร์ที่นั่งฝั่งตรงข้ามมองเพื่อนรักอยู่นาน ก่อนจะถอนหายใจ
“ตามไปทำไมล่ะ เธอมีคนของเธอแล้วจะเข้าไปแทรกกลางเรื่องคนอื่นทำไมให้มันดูน่าสมเพช” เขาเหลือบตาขึ้นมามองก่อนจะยกมุมปากเล็กน้อย
“แปลกนะ ฉันไม่คิดว่าจะได้ยินคำแบบนี้จากปากนาย ก็ไหนตอนนั้นบอกว่าฟ้าวันใหม่เป็นผู้หญิงคนแรกที่นายจีบจริงจังไง” อาเธอร์ขมวดคิ้ว
“อย่าพูดถึงผู้หญิงคนนี้อีกได้ไหม” เขาหัวเราะเบาๆ แต่ในน้ำเสียงกลับมีแววเหนื่อยล้า ยกแก้วขึ้นดื่มรวดเดียวหมดก่อนจะวางลงแรงพอให้เกิดเสียงดัง
“ตอนนี้ฉันแค่ไม่อยากยุ่งกับใครอีกแล้ว โดยเฉพาะผู้หญิง”
“พูดแบบนี้แสดงว่ามีใครทำให้นายปวดหัวอยู่สินะ คุณแพรเขาน่ารักไม่แพ้พี่สาวเขาเลยนะ” ตอนที่ทั้งสองหมั้นหมายกันเขายังตกใจว่าเกิดอะไรขึ้น
“หึ” ปรินวัชร์ไม่ตอบ เขาเพียงหัวเราะในลำคอเบาๆ สายตาเหม่อไปยังด้านนอกกระจกที่ฝนเริ่มโปรย
“แสดงว่าคิดมากเรื่องคุณแพรอยู่” อาเธอร์มองเพื่อนอย่างรู้ทัน
“อย่าพูดชื่อเธอฉันไม่อยากนึกถึง” เขาชะงักมือที่ถือแก้วนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะวางลงช้าๆ
แต่ในแววตาของเขากลับสะท้อนภาพของหญิงสาวคนนั้นอย่างชัดเจน คนที่เขาไม่อยากนึกถึงกลับกลายเป็นภาพเดียวที่วนซ้ำอยู่ในหัวไม่รู้จบ
“แล้วจะเอาไงต่อ”
“ฉันก็จะหาทางทำให้ผู้หญิงคนนั้นทนไม่ไหวแล้วขอถอนหมั้นไปเอง” ครั้งนี้เธอคงหมดรักเขาทันที ที่ผ่านมาเขาทำร้ายหญิงสาวสารพัด แต่ก็ยังทนไม่ยอมไปไหน
“หายากนะโว้ยคนที่ทนเราได้”
“งานเลี้ยงพรุ่งนี้ฉันจะพาพิมพ์แพรดาวไปด้วย”
“แต่พรุ่งนี้ไม่ใช่งานที่จะพาผู้หญิงออกงานด้วยนะโว้ย” เขาแปลกใจว่าเพื่อนคิดจะทำอะไรกันแน่
“ผู้หญิงคนนั้นไม่มีค่าอะไรสำหรับฉันหรอก” หายไปจากโลกนี้ได้ก็ยิ่งดี
“ไอ้ปริ้นท์!”
“ฉันไม่ลวงไปฆ่าทิ้งหรอกเปลืองกระสุน” เขายกเหล้าขึ้นดื่ม พร้อมกับแผนร้ายของวันพรุ่งนี้ที่เขาจะมอบให้กับพิมพ์แพรดาว
“มองหน้าฉันทำไม”
“วันไหนนายหลงรักคุณแพรขึ้นมา ฉันจะสมน้ำหน้าคนแรก”
“ต่อให้ผู้หญิงบนโลกเหลือแค่พิมพ์แพรดาว ฉันก็ไม่เลือกเธอ” เขามั่นใจว่าไม่มีทางรักอีกฝ่ายแน่ หากเขาจะรักเขารักไปนานแล้ว
