บทที่ 3 หยามหน้า (3)
“ใช่ครับ ๆ คุณอัศวินน่ะครับ เขามากับลูกค้าต่างชาติ ผมเองก็ไม่รู้อะไรมาก ผู้จัดการแจ้งมาเท่านี้น่ะครับ แต่ถ้ารบกวนลูกค้าจริง ๆ ผมจะไปเตือนให้นะครับ” พนักงานหนุ่มหน้าซีดเผือด ลูกค้ากลุ่มนั้นมีผู้จัดการร้านฝากฝังให้ดูแลเป็นพิเศษ แต่ในเมื่อลูกค้าท่านนี้เห็นว่าเป็นการรบกวน ในฐานะคนบริการก็ต้องแก้ปัญหาไปที่ต้นเหตุซึ่งก็คือกลุ่มของลูกค้ารายนั้น
“คงมาดื่มฉลองกับลูกค้าที่ปิดดีลเมื่อเช้าแน่ ๆ” สิ่งที่ปลายฝนคาดการณ์ไม่เกินจริงเท่าไหร่ เพราะเมื่อเช้าเธอมั่นใจว่าคนที่สามารถปิดดีลกับลูกค้าได้จะต้องเป็นไร่กมลอย่างแน่นอน “งั้นไม่เป็นไร คิดเงินเลยค่ะ ฉันจะกลับแล้ว”
ปลายฝนสังเกตเห็นอาการของพนักงาน เธอจึงต้องยอมหลีกเลี่ยงเพราะไม่อยากให้ตัวเองหงุดหงิดไปมากกว่านี้
“ครับคุณลูกค้า สักครู่นะครับ”
เธอจัดการจ่ายเงินเสร็จสรรพก่อนจะเดินไปเข้าห้องน้ำโดยวางกระเป๋าไว้ที่เก้าอี้ ระหว่างที่กำลังเดินไปยังทางเข้าห้องน้ำเธอก็ได้ยินเสียงพูดคุยที่ดังขึ้นตามหลัง ซึ่งหากให้เดาก็คงจะเป็นลูกค้าที่กำลังมาเข้าห้องน้ำเฉกเช่นเดียวกัน
ปลายฝนหันไปมองเล็กน้อย เธอเห็นหน้าไม่ชัดทั้งยังไม่ได้สนใจกับใครผู้ใดเพราะไม่ต้องการหามิตรเพิ่มในเวลาแบบนี้ จนกระทั่งเธอได้ยินเสียงเรียกชื่อของตัวเองที่ดังขึ้นจากด้านหลังพลันทำให้ขาเล็กชะงักกึกก่อนจะรีบหันขวับไปมองยังบุคคลนั้นในทันที
“สวัสดีครับคุณปลายฝน”
แรงมือที่แตะลงบนหัวไหล่และเสียงทักทายที่ใกล้หูทำให้ปลายฝนขยับตัวถอยหลังอัตโนมัติ เธอเงยหน้าขึ้นมองบุคคลตรงหน้าด้วยความแปลกใจ
“คะ? คุณเรียกฉันเหรอ”
แต่เมื่อลองมองดี ๆ ก็ทำให้ร้องอ๋อพร้อมกับเบ้ปากอยู่ลึก ๆ เพราะคนตรงหน้าคือลูกค้าชาวต่างชาติที่คนเมื่อเช้าที่เธอเพิ่งเข้าร่วมเสนอราคาแต่ก็ถูกไล่ออกมา!
เขาเป็นลูกค้าที่เธออยากปิดดีลด้วย แต่คำตอบที่ได้รับก็คือการหยามหน้าว่าไร่พันทิพย์ของเธอไม่ได้ถูกเชิญมาตั้งแต่แรก
“ผมต้องขอโทษสำหรับเรื่องเมื่อเช้าด้วยนะครับ คุณคงโกรธผมมากใช่ไหม แต่ความจริงแล้วผู้แทนของผมไม่น่าพูดหักหน้าคุณแบบนั้นเลย”
“ฉันไม่ได้สนใจแล้วล่ะค่ะ ขอตัวก่อนนะคะ”
หมับ!
“จะรีบไปไหนล่ะครับ เรายังไม่ได้คุยกันเลยนะ”
มือใหญ่คว้าหมับที่ต้นแขนของปลายฝนจนใบหน้าหวานหันกลับมาเผชิญหน้าอีกครั้ง
“กรุณาปล่อยฉันด้วยค่ะ” น้ำเสียงที่กดต่ำพยายามข่มอารมณ์ไม่ให้เดือดดาลไปมากกว่านี้ การที่คนตรงหน้าทำตัวไม่ให้เกียรติเธอย่อมถือว่าเป็นการกระทำที่ชั่วช้าที่สุด
กลิ่นเหล้าจากร่างกายก็ทำให้ปลายฝนรับรู้ว่าเขากำลังเมา สติไม่เต็มร้อยแบบนี้เธอยิ่งไม่ควรเข้าใกล้
“อย่าหยิ่งนักเลยครับ ถ้าคุณทำตัวดี ๆ ผมอาจจะเปลี่ยนใจดีสั่งออเดอร์จากไร่ของคุณก็ได้”
“เหอะ...คิดว่าฉันอยากได้ออเดอร์จากคุณมากนักหรือไง! คุณจะไปไหนก็ไปเถอะ ถึงไร่ของฉันกำลังมีปัญหาแต่ฉันไม่จำเป็นต้องมาทำร้องขอคนหยาบคายอย่างคุณ!”
คำพูดตอกหน้าทำให้อีกฝ่ายชาหนึบราวกับถูกตบด้วยฝีมือของผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนนี้ ทั้งยังทวีคูณความเดือดดาลมากขึ้นเท่าตัวเมื่อลูกสาวของพ่อเลี้ยงรณผู้ตกอับกำลังท้าทายในอำนาจของเขา
“ฮึ...อวดดีนักนะ”
หมับ!
“อ๊ะ ปล่อยฉันนะ!” ใบหน้าหวานเบ้บิดด้วยความเจ็บปวดเมื่อถูกมือหนาบีบรัดที่ต้นแขนอย่างแรง
พยายามสะบัดและแกะมือมากเท่าไร อีกฝ่ายก็ยิ่งออกแรงบีบให้มากขึ้นเท่านั้น
“ปากดีนัก กูจะตบสั่งสอนให้!”
สิ้นประโยคมือใหญ่ก็ง้างขึ้นหมายจะฟาดลงที่แก้มใสเพื่อสั่งสอน ดวงตาหวานสองข้างหลับแน่นพร้อมกับก้มหน้าลง เมื่อรับรู้ว่าอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง
แต่ทว่า...
พรึ่บ!
ตุ้บ!
“โอ๊ย! โอ๊ย...อะไรวะเนี่ย!”
เสียงกระแทกตามด้วยเสียงโอดโอยทำให้ปลายฝนลืมตาขึ้น
แววตาและริมฝีปากสีแดงสดเบิกกว้างเนื่องจากบุคคลตรงหน้าได้ล้มลงไปที่พื้นอย่างเสียท่า แถมคนที่เพิ่งเข้ามาใหม่ก็ยืนกดสายตาคมจ้องมองไปด้วยเดือดดาลเช่นกัน
“นะ...นาย!” เสียงเล็กสั่นพร่าเนื่องจากยังคงตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่หาย รวมถึงบุคคลที่เข้ามาช่วยเหลือก็ทำให้เธอไม่คาดคิดว่าเขาจะเป็นคนที่ยื่นมือเข้ามาจัดการจนคนหยาบคายนอนทิ้งตัวเสียท่าบนพื้นแบบนี้
เธอจะไม่ตกใจไปมากกว่านี้เลยถ้าหากคนคนนั้นไม่ใช่อัศวิน!
“ไม่คิดว่ามิสเตอร์จอห์นจะเป็นคนหยาบคายแบบนี้นะครับ” เสียงเข้มทรงพลังเอ่ยขึ้นพร้อมกับเหยียดยิ้มร้ายที่มองแล้วมันไม่ใช่รอยยิ้มแห่งความยินดีเลยสักนิด
แต่มันเป็นรอยยิ้มอาบยาพิษต่างหาก!
“นี่คุณกล้าทำร้ายผมงั้นเหรอคุณอัศวิน!”
คนหยาบคายโวยวายขึ้นอย่างไม่ยอมแพ้ ทั้งที่ขึ้นชื่อว่าเป็นลูกค้ารายใหญ่ที่สามารถสร้างจำนวนเงินหลายล้านให้กับไร่กมลแท้ ๆ แต่กลับกล้าทำร้ายกันได้อย่างเจ็บแสบ
“แต่เมื่อกี้คุณกำลังจะตบผู้หญิงนะครับ” อัศวินเลิกคิ้วมองก่อนที่เสียงแค่นหัวเราะจะดังตามมา
“คุณกำลังปกป้องศัตรูงั้นสิ เหอะ! เขาเป็นคู่แข่งของคุณแล้วจะยังปกป้องอยู่ทำไม”
ความบาดหมางของสองไร่ไม่ใช่ความลับมากนัก ใครต่อใครก็รู้ว่าไร่กมลและไร่พันทิพย์ตั้งตนเป็นศัตรูกันมาตลอด จนกระทั่งไร่พันทิพย์เกิดวิกฤตจึงได้เริ่มถอยหลังในการต่อสู้กับไร่กมล แต่ในเรื่องความบาดหมางก็ยังคงเป็นที่พูดถึงกันไม่ขาดสาย
“ผมไม่ได้ปกป้องใครทั้งนั้นแหละครับ ผมแค่ไม่ชอบคนหน้าตัวเมีย ทำร้ายผู้หญิง”
“นี่มึง...!”
คู่ค้ารายใหญ่ถึงกับเลือดขึ้นหน้าและพร้อมตรงปรี่เข้าไปสั่งสอนด้วยอีกคน แต่ทว่าเพียงเสี้ยววินาทีกลับต้องชะงัก เมื่อชายฉกรรจ์สองคนที่คอยติดตามผู้เป็นนายอย่างอัศวินนั้นสาวเท้าก้าวขึ้นมา ลำปืนสีดำขลับสว่างวาบจนคนกร่างตัวชา หากพลั้งมือทำให้นายอัศวินคนนี้เกิดร่องรอยคงได้เป็นปุ๋ยอย่างที่เขาเลื่องลือกันแน่
“นี่คุณจะให้ลูกน้องทำร้ายผมงั้นเหรอ!?”
“ฮึ...ผมไม่ทำเลว ๆ อย่างที่คุณทำหรอกครับ ผมแค่จะให้ลูกน้องของผมไปส่งคุณที่โต๊ะเท่านั้น อย่าห่วงเลย”
คำพูดของอัศวินไม่ได้สร้างความน่าเชื่อถือเลยสักนิด เช่นเดียวกันกับปลายฝนที่กำลังมองเหตุการณ์อยู่ด้านหลัง
การที่เขามีลูกน้องติดตามมาด้วยก็นับว่าน่ากลัวมากอยู่แล้ว แถมคำว่าไปส่งที่ออกมาจากปากของเขาก็ยิ่งทำให้มั่นใจได้ทันทีว่ามันไม่ใช่การเดินไปส่งธรรมดาเป็นแน่
และใช่...
“เฮ้ย! ปล่อยกูนะเว้ย เอามือพวกมึงออกไป ปล่อยกู!”
ลูกน้องของอัศวินรวบตัวของมิสเตอร์จอห์นเอาไว้ก่อนจะออกแรงลากออกไปตามทาง โดยมีเสียงร้องโวยวายที่ดังขึ้นไม่หยุด
ปลายฝนมองตามไปด้วยความตกใจ คิดไว้อยู่แล้วว่าคำพูดของเขาคงไม่ใช่ความหวังดีดังเช่นรอยยิ้มอาบยาพิษนั่นแน่ ๆ เขาให้ลูกน้องลากตัวออกไป โดยไม่สนใจเลยว่าเขาคนนั้นจะเป็นลูกค้าคนสำคัญที่ทำเงินให้ตัวเองได้หลายล้าน
ก็อย่างว่า...ไร่กมลยิ่งใหญ่และมีหลายต่อหลายคนอย่างค้าขายด้วยทั้งนั้น
หญิงสาวตั้งสติก่อนจะตัดสินใจเดินผ่านหน้าของอัศวินไปอย่างไม่คิดสนใจ ถึงเขาจะเป็นคนช่วย แต่คำว่าศัตรูมันค้ำคอจนเธอนึกขยาดกับการสร้างภาพเป็นคนดีของเขา
“ไม่คิดจะขอบคุณกันหน่อยเหรอ” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นพร้อมกับท่าทางเย้ยหยันในความหยิ่งผยองของเธอ
“ไม่จำเป็น” คำสั้น ๆ ที่ตอบกลับไปล้วนแต่ออกมาจากใจของปลายฝน เธอไม่อยากพูดคุยหรือสนทนาอะไรกับเขา
อีกทั้งยังมั่นใจว่าการที่เขาเข้ามาช่วยเธอจากคนหยาบคายนั้นเป็นการสร้างภาพเท่านั้น คนอย่างอัศวินไม่มีทางเป็นคนดียื่นมือเข้ามาช่วยเหลือน้องสาวศัตรูอย่างเธอเป็นแน่!
