ฝันร้าย
"หยุด! หยุดนะ!...หยุดเถอะ!"
ลี่จูนอนกระสับกระส่ายอยู่บนเตียงในอพาร์ตเมนต์ของเธอ แสงจันทร์สาดส่องผ่านผ้าม่านบาง ๆ มาตกที่พื้น สภาพรอบข้างเงียบสงัดแต่ภายในจิตใจของเธอเต็มไปด้วยความเครียดและหวาดกลัว
ใบหน้าของเธอขมวดคิ้วเป็นปม เหงื่อเริ่มผุดขึ้นบนหน้าผาก ความเจ็บปวดและความทุกข์จากความฝันถาโถมเข้ามาในใจจนเธอไม่หยุดเป็นเวลากว่า 1 เดือนเต็ม
ในห้วงแห่งความฝัน
บ้านสกุลจ้าวสร้างจากไม้และดิน มีห้องนอนทั้งหมด 4 ห้อง บรรยากาศมืดมัวและเงียบสงัด ทุกสิ่งดูแห้งแล้ง อากาศร้อนอบอ้าว ดินแห้งแตกเป็นรอย
สมาชิกของสกุลจ้าวอาศัยอยู่กันอย่างหนาแน่น ทั้งพ่อจ้าว แม่จ้าว จ้าวมู่ไฉ+หลี่ยั่วถง+จ้าวหมิ่น(ลูกชายคนโต ภรรยาและลูกชาย) จ้าวมู่หยาง+หลินหว่านซิน+จ้าวมู่ซี(ลูกชายคนรอง ภรรยาและลูกสาว) จ้าวมู่เฉิน+หลิวลี่จู+หลิวมู่เป่า+หลิวมู่ต๋า(ลูกชายคนที่สาม ภรรยาและลูกแฝด)
แม้ว่าลี่จูจะเป็นลูกสะใภ้เล็กในบ้านนี้ แต่เธอได้รับการปฏิบัติราวกับเป็นคนใช้ ตอนกลางวันที่แสงแดดแยงตาจนทำให้ทุกอย่างดูพร่ามัวเสียงของแม่สามีที่ดังขึ้นมา
"ลี่จู! ไปขนน้ำมาให้เร็ว! ทำไมหล่อนชักช้าอืดอาดขนาดนี้ ทำงานไม่คุ้มกับเงินที่ให้ มันน่านัก!"
แม่จ้าวเอ่ยด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าวและขุ่นเคือง ใบหน้าของนางบิดเบี้ยวด้วยความโมโห
"ค่ะคุณแม่"
เธอตอบด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาก่อนที่จะหมุนตัวไปที่บ่อน้ำกลางหมู่บ้าน ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านไปประมาณ 200 เมตร เธอจำต้องแบกถังน้ำที่หนักเกินไปเกือบทุกวัน
ไม่มีคำทักทายหรือคำปลอบใจจากใครในบ้าน ทุกก้าวของเธอเหมือนถูกพันธนาการให้ทำงานหนักโดยไร้สิทธิ์ไร้เสียง มีเพียงพี่ชายคนรองของสามีกับพี่สะใภ้เท่านั้นที่แอบช่วยเธอเป็นบางครั้งคราว ส่วนพ่อสามีก็ไม่กล้าแม้แต่จะขัดใจนางจ้าวจินเหลียนผู้เป็นภรรยา
ที่บ่อน้ำเย็นทำให้ลี่จูรู้สึกผ่อนคลายได้เพียงชั่วครู่ แต่มันก็แค่ชั่วครู่เดียวเท่านั้น เมื่อเธอคิดถึงลูก ๆ ของเธอที่ต้องเติบโตในสภาพแวดล้อมเช่นนี้ น้ำตาก็เริ่มคลอเบ้าอีกครั้ง เธอรู้ดีว่าแม้จะมีกำลังเต็มที่แค่ไหน เธอก็ไม่อาจทำให้ชีวิตของตัวเองหรือของลูกดีขึ้น
ในระหว่างที่ลี่จูหิ้วน้ำเดินกลับบ้าน จ้าวมู่หยางกับหลินหว่านซินที่เดินมาจากบ้านเดิมก็เรียกเธอไว้
"ลี่จูรอเดี๋ยว อย่าเพิ่งไป"
"พี่มู่หยางกับพี่สะใภ้มีอะไรรึเปล่าคะ ฉันต้องรีบหิ้วน้ำไปให้คุณแม่"
"ไข่ไก่นี่… เอาไปบำรุงเด็ก ๆ รีบหาที่ซ่อนอย่าให้ใครเห็น"
หว่านซินยื่นไข่ต้มให้ลี่จู 2 ฟอง พร้อมกับบอกให้เธอรีบซ่อนประหนึ่งไข่ไก่นั้นเป็นของล้ำค่า
"ขอบคุณค่ะพี่สะใภ้ ฉันขอบคุณพี่มาก ถ้าทุกอย่างดีขึ้นฉันต้องตอบแทนพี่ทั้งสองคนแน่นอน"
น้ำตาของลี่จูไหลออกมาไม่หยุด เธอเดินเข้าไปใกล้และรับไข่ไก่จากมือของหว่านซินด้วยความรู้สึกขอบคุณ เสียงของเธอสั่นเครือ ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยน้ำตาที่ไม่สามารถกลั้นไว้ได้ ทั้งที่เธอพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ลูก ๆ มีชีวิตที่ดีขึ้น แต่ทุกอย่างกลับแย่ลง
"อย่าคิดมากเลยลี่จู พี่มู่หยางบอกว่ามู่เฉินเคยแอบช่วยเค้าบ่อย ๆ คราวนี้ให้พวกเราช่วยเธอในช่วงเวลาที่เค้าไม่อยู่ ถือเป็นการตอบแทน รีบไปเถอะ เดี๋ยวคุณแม่สงสัย"
เมื่อได้ยินชื่อสามีความรู้สึกอ้างว้างในใจของลี่จูยิ่งทวีความรุนแรง เธอแต่งงานกับมู่เฉินได้เพียง 3 เดือนเขาก็ต้องเดินทางไปหางานทำในเมืองหลวง ไม่นานเธอก็รู้ว่าตัวเองตั้งท้องจึงเขียนจดหมายไปหาสามี แต่ก็ไม่มีการตอบกลับใด ๆ
"งั้นฉันขอตัวก่อนนะคะ"
ลี่จูเร่งฝีเท้าหาบน้ำกลับบ้าน พอมาถึงก็ทางเข้าบ้านก็ถูกหลี่ยั่วถงแกล้งขัดขาจนเธอล้มลงอย่างแรง น้ำในถังก็หกออกหมด
โครม!
"อุ๊ย! คุณแม่คะ ดูนังไร้ประโยชน์คนนี้สิ ให้ไปหาบน้ำแค่นี้ก็ทำเป็นไม่พอใจ เห็นไหมคะว่าหล่อนทำประชดประชันคุณแม่ หล่อนกล้าเทน้ำต่อหน้าคุณแม่เลยนะคะ"
หลี่ยั่วถงได้ทีให้ร้ายลี่จูพร้อมกับทำหน้าตาเยาะเย้ยอย่างสนุกสนาน
"แต่เมื่อกี้...."
"แต่อะไร! หล่อนรีบไปตักน้ำมาใหม่เดี๋ยวนี้เลยนะ ถ้าวันนี้หล่อนตักน้ำมาเติมไม่เต็มอ่างละก็ อย่าหวังว่าหล่อนกับลูก ๆ จะได้หลับอย่างเป็นสุข!"
เสียงของแม่จ้าวแหวขึ้นอย่างมีอารมณ์ เมื่อลี่จูมองไปที่ลูกชายวัย 3 ขวบทั้งสองคนที่กำลังช่วยกันขนฟืนอยู่เธอก็จำใจต้องรีบเดินกลับไปตักน้ำอีกครั้ง เพราะความเป็นห่วงลูก
"เดี๋ยวพี่จะดูเด็ก ๆ ให้เอง"
มู่หยางที่เดินสวนทางมาก็พูดขึ้นเบา ๆ แล้วรีบพาภรรยาเข้าบ้านไป ตัวเองกับภรรยาก็ไม่อาจสู้กับคำสั่งของพ่อแม่ได้ แต่ถ้ามีจังหวะที่คนอื่นไม่อยู่ก็จะรีบช่วยลี่จูทันที
ทุก ๆ วันลี่จูมักจะวิ่งวุ่นอยู่กับงานแบบนี้ ตื่นแต่เช้ามืดมาทำกับข้าวให้ทุกคน พอคนอื่นออกไปทำงานที่คอมมูน เธอก็ต้องรีบล้างถ้วยทำความสะอาดบ้าน รดน้ำแปลงผัก ล้างคอกหมู ซักเสื้อผ้าให้ทุกคน ตักน้ำมาเติมให้เต็มอ่าง เสร็จแล้วก็ต้องออกไปเก็บผักป่ามาต้มใส่รำข้าวให้หมูกิน
ต้าเป่ากับต่าต๋าโตขึ้นเรื่อย ๆ เด็กทั้งสองคนไม่เคยได้รับความเมตตาจากปู่ย่าและลุงใหญ่ ป้าสะใภ้ใหญ่ มีเพียงถ้อยคำด่าทอถากถางที่ทำให้เจ็บน้ำน้ำใจเสมอมา
"พ่อของแกเค้ามีเมียใหม่ไปแล้ว พวกแกก็ยังจะหน้าด้านหน้าทนอยู่ที่นี่ ไอ้พวกกาฝาก! ลูกพ่อไม่รัก!"
"พวกแกเป็นลูกของมู่เฉินจริงรึเปล่าก็ไม่รู้! ที่ฉันให้อยู่ที่นี่ก็นับว่าเป็นบุญหัวของพวกแกแล้ว!"
"ไอ้พวกเด็กไม่มีพ่อ ไปไกล ๆ เลยไป๊! ใช้งานอะไรก็อืดอาดไม่ได้เรื่อง ไม่รู้เกิดมาทำไม!"
เด็กน้อยที่ไร้เดียงสาต้องน้ำตาไหลออกมาเพราะถ้อยคำบาดลึก ลี่จูก็ไม่อาจช่วยลูก ๆ ได้เพราะเธอก็ถูกพันธนาการให้อยู่ที่นี่ด้วยเงินเดือนละ 2 หยวน ที่แม่สามีมอบให้ตลอด 2 ปีที่ผ่านมา
คำพูดเหล่านั้นทำให้เธอต้องก้มหน้ารับการทำร้ายทางจิตใจทุกวัน วันแล้ววันเล่า ขณะที่ลูกชายของเธอ ทั้งต้าเป่าและต่าต๋า เริ่มเติบโตขึ้น แต่พวกเขาก็ไม่ได้รับความรักจากคนบ้านนี้เลย
เสียงทุบตีดังขึ้นบ่อยครั้ง จากเดิมทีเป็นการตำหนิติเตียนกลายเป็นการลงโทษที่รุนแรงขึ้น ท่ามกลางการทำร้ายที่ไม่สิ้นสุด ลี่จูต้องรับภาระหนักต่อไป โดยไม่เคยมีโอกาสหายใจ หรือแม้แต่คิดจะหลีกหนีจากความทุกข์
จดหมายที่เธอเขียนไปหาสามีฉบับแล้วฉบับเล่า ไม่เคยได้รับการตอบกลับ จนเธอเริ่มคิดว่าสิ่งที่พี่ชายสามีพูดกับลูก ๆ ของเธอเป็นเรื่องจริง โดยที่เธอไม่รู้เลยว่ามู่เฉิงเขียนจดหมายมาหาเธอทุกเดือน
แต่เป็นหลี่ยั่วถงที่ยึดเอาไว้ โดยได้รับการช่วยเหลือจากบุรุษไปรษณีย์ที่เป็นลูกพี่ลูกน้องของเธอ มู่เฉิงหลังจากได้รับจดหมายฉบับแรกจากลี่จูว่าเธอตั้งท้อง เขาก็ส่งจดหมายกลับมาบอกว่าจะส่งเงินกลับบ้านให้ทุกเดือน
ก็เป็นหลี่ยั่วถงที่ดักจดหมายฉบับนั้นไว้ แล้วตอบกลับไปว่าให้ส่งมาในชื่อแม่จ้าว เพราะเธอท้องใหญ่ขึ้นทุกวัน ไม่สะดวกที่จะเดินทาง และเงินเดือนละ 20 หยวนนั้นก็เข้ากระเป๋าแม่จ้าวกับมู่ไฉ
แม่จ้าวยอมแบ่งให้ลี่จูเดือนละ 2 หยวน แล้วบอกว่าเป็นความเมตตาจากนางและมู่ไฉ จากนั้นแม่จ้าวกับลูกชายคนโปรดและสะใภ้ก็ทำทุกอย่างเพื่อให้ลี่จูทนอยู่ที่นี่ต่อไปไม่ได้แล้วหวังว่าเธอจะหนีไป เพื่อปกปิดเรื่องเงินก้อนนี้เอาไว้
ใครจะไปคิดว่าลี่จูจะทนไม้ทนมือขนาดนี้ ทั้งไม่มีท่าทีว่าจะหนีไปไหน จดหมายทุกฉบับที่หลี่ยั่วถงตอบกลับไปจึงบอกมู่เฉินเสมอว่าสบายดี ให้เขาทำงานส่งเงินมาก็พอ เพราะลูก ๆ กินเก่งมาก
ในช่วงเวลาเหล่านี้ที่ความรู้สึกผิดหวังและความเจ็บปวดถาโถมเข้ามา ลี่จูไม่สามารถหลบหนีจากความทรมานทางจิตใจได้ เธอไม่เคยมีช่วงเวลาแห่งความสุขใด ๆ เธอต้องทำงานหนักจนร่างกายเริ่มอ่อนแรง แต่ทุกครั้งที่เธอเห็นลูก ๆ ของเธอ ทุกอย่างก็เหมือนจะมีความหมายขึ้นมา
กระทั่งลูกของเธอโตได้ 4 ขวบ
"แม่... ทำไมแม่ต้องทำทุกอย่างแบบนี้?"
ต้าเป่าที่ตอนนั้นอายุเพียง 4 ขวบ ถามด้วยความไม่เข้าใจ ขณะที่มองเห็นแม่ของเขาเหน็ดเหนื่อยจากการทำงานหนัก แล้วยังต้องถูกดุด่า ทางด้านผู้เป็นแม่ได้แต่ยิ้มบาง ๆ แล้วตอบกลับ
"แม่ทำเพื่อลูก... แม่อยากให้ลูกกับน้องมีชีวิตที่ดีขึ้น"
แม้ว่าเธอจะพยายามหลอกตัวเอง แต่ในใจของลี่จูกลับมีเพียงความท้อแท้ ทุกวันเธอต้องเจอกับความเจ็บปวดที่ยากจะบรรยาย ความทรมานจากคำพูด มันหนักหน่วงจนร่างกายเกือบหมดแรง
แต่เธอไม่เคยมีทางเลือกอื่น นอกจากทำงานหนักต่อไป จนถึงคืนหนึ่งที่หนาวเหน็บ ที่ทุกสิ่งในร่างกายของลี่จูเหมือนจะพังทลายลง
"แม่ครับ..ฮึก แม่เป็นอะไร"
เสียงของต่าต๋าดังเบา ๆ ข้างหูมารดา เขาคือเด็กที่อ่อนแอที่สุดในบ้าน สิ้นเสียงลูกชาย ทันใดนั้น ลี่จูรู้สึกว่าทุกอย่างเริ่มพร่าเลือน ความมืดและความเจ็บปวดของเธอถาโถมเข้ามาทุกทิศทางจนไม่สามารถต้านทานได้อีกแล้ว เธอหลับตาลงด้วยความเหนื่อยล้า และในที่สุดก็จากไปในคืนหนาวเหน็บ
ลี่จูจากไปเพียงวันเดียวมู่เฉินก็กลับมาถึงหมู่บ้าน กว่าเขาจะรู้ความจริงทุกอย่างก็สายไปเสียแล้ว เพียงไม่กี่เดือนต่อมาต่าต๋าก็ล้มป่วยด้วยโรคขาดสารอาหารจนเสียชีวิต
ขณะที่ต้าเป่าที่ยังคงมีชีวิตอยู่ต่อ โดยที่มู่เฉินพาลูกชายย้ายเข้าไปอยู่ในเมือง และหากินกันตามประสาพ่อลูก พอต้าเป่าโตจนเข้าเรียนมัธยมได้ มู่เฉินก็ตายจากไปด้วยอุบัติเหตุตกจากที่สูง เพราะงานก่อสร้างตึกที่เขาไปรับจ้างกับคนอื่น ๆ
เวลาผ่านไปจนต้าเป่ากลายเป็นชายหนุ่ม เขาเติบโตขึ้นท่ามกลางความเกลียดชังและความไม่ยุติธรรม เขาตัดสินใจเข้าวงการอันธพาลและพาเพื่อน ๆ ไปแก้แค้นคนที่เคยทำร้ายแม่และน้องของเขา จนสุดท้าย ต้าเป่าก็ต้องใช้ชีวิตที่เหลือในคุก
เฮือก!
ลี่จูตื่นขึ้นจากฝันร้าย เสียงของต่าต๋าที่ร่ำไห้ สายตาของต้าเป่าที่เต็มไปด้วยความโกรธแค้น เสียงทุบตีจากแม่จ้าว ภาพของลูกชายทั้งสองในความทรงจำยิ่งทำให้เธอเจ็บปวด
ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยเหงื่อ เธอหายใจแรงและรวดเร็ว มือที่ยังคงสั่นเทาจับไปที่หน้าอกของตัวเอง เพื่อยืนยันว่าเธอยังคงมีชีวิตอยู่ แต่ภาพของลี่จูในอดีตกลับติดอยู่ในหัวใจของเธออย่างไม่ยอมหายไป
"ทำไม... ทำไมถึงต้องเป็นแบบนี้?"
