บท
ตั้งค่า

บทที่ 10 ซื้อใจพ่อปู่แม่ย่า

พ่อลู่เห็นจ้าวอิงกลับมาแล้ว เขาจึงเรียกนางไว้เพื่อคุยกับท่านลุงรองหวัง

“อาอิงมาทางนี้ก่อน” เขาเรียก

“เจ้าค่ะท่านพ่อ” จ้าวอิงเดินเข้าไปหาอย่างรวดเร็ว

“จากที่ได้คำนวณดูแล้วกระเบื้องต้องเปลี่ยนเกือบทั้งหมดเลย พ่อจึงปรึกษากับลุงรองว่าจะเสริมคานแล้วเปลี่ยนใหม่ทั้งคานทั้งกระเบื้อง”

“ได้เจ้าค่ะ เอาที่ท่านพ่อเห็นสมควรเลย ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายท่านลุงรองหวังคำนวณมาได้เลยนะเจ้าคะ”

ลุงรองหวังมองจ้าวอิงด้วยสายตาแปลกประหลาด ทั้งไม่เชื่อ แปลกใจ และดูถูก จ้าวอิงเห็นสายตาเขาก็มิได้ว่าอะไรนางยังคงยิ้มบาง ๆ เช่นเดิม แต่ภายในใจก็ใช่จะยิ้มเหมือนภายนอก

‘เหอะ!! ดูถูกนางงั้นหรือ วันข้างหน้ายังไม่แน่ว่าใครจะพึ่งใคร’

ลุงรองหวังเองก็ไม่ได้มีอคติกับจ้าวอิงอิงมากนัก เขาไม่ได้เกลียดแต่ก็ไม่ได้ชื่นชอบเช่นกัน หากไม่มีลู่ซานถิงเขาก็คร้านจะยุ่งกับนาง

“จากที่คำนวณใช้เงินเพิ่มประมาณห้าถึงหกตำลึง ส่วนกระเบื้องเก่าข้าจะช่วยซื้อ ข้าจะเอาไปทำโรงเลี้ยงไก่พอดี” ลุงรองหวังกล่าว

จ้าวอิงรู้ว่าท่านลุงรองหวังคนนี้สงสารพ่อสามีและสามีของนาง ดังนั้นจึงไม่แปลกใจที่จะหาทางช่วยเช่นนี้ เพราะรู้ว่าหากเขาช่วยเหลือด้วยการให้เป็นเงินพ่อลู่คงไม่รับแน่นอน และจ้าวอิงยังรู้อีกว่าลุงรองหวังไม่ได้จะขยายเล้าไก่แต่อย่างใด พ่อลู่ยกมือขึ้นเกาหัวอย่างทำอะไรไม่ถูก

“นี่ไม่ได้ หากท่านต้องการก็เอาไปเลย เหตุใดต้องซื้อขายกันด้วย” พ่อลู่ว่า

“นั่นสิเจ้าคะท่านลุงรอง กระเบื้องเก่าข้าคิดไว้กับท่านแม่เช่นกัน ว่าจะทำเล้าเล็ก ๆ สำหรับเลี้ยงไก่ด้วย อีกอย่างท่านก็รู้ว่าข้ายังมีเงินส่วนตัวสามารถใช้ซื้อกระเบื้องได้ น้ำใจจากท่านพวกเราขอรับไว้ด้วยใจนะเจ้าคะ”

จ้าวอิงกล่าว

“ข้ารู้ แต่หากเอามาซ่อมแซมบ้านทั้งหมดแล้วพวกเจ้าจะเอาข้าวที่ไหนกินกันเล่า” ลุงรองหวังยังคงไม่ยอม

“ท่านลุงรองไม่ต้องห่วงเจ้าค่ะข้าซื้อเสบียงสำหรับพวกเราทั้งครอบครัวไว้แล้ว และวันนี้ยังเก็บสมุนไพรได้มากพอสมควร พรุ่งนี้นำไปขายที่โรงหมอในตำบลก็แก้ปัญหาได้แล้วเจ้าค่ะ” จ้าวอิงบอกออกไป แต่นางไม่บอกเรื่องเห็ดหลินจือ เพียงบอกเรื่องสมุนไพรและเงินส่วนตัวเท่านั้น

“ที่อาอิงพูดเป็นเรื่องจริงเช่นกัน เรื่องปากท้องของพวกเราสี่คนตอนนี้ มีให้กินได้สบายมากแล้ว ท่านอย่ามัวแต่ห่วงพวกเราเลย” พ่อลู่เข้ามาช่วยพูดอีกแรง

ลุงรองมองทั้งสองคนสลับกันไปมา เมื่อเห็นว่าลู่ซานถิงไม่น่าจะโกหกเขาแน่นอน สุดท้ายลุงรองหวังก็ต้องยอมพวกนางทั้งสอง “ในเมื่อพวกเจ้ามีทางออกแล้ว ข้าก็ไม่ขัดแล้วกัน”

เมื่อลุงรองหวังมาที่บ้านของพวกนางที่ท้ายหมู่บ้านเช่นนี้และยังมีช่างมาซ่อมแซมบ้านอีก วันนี้เมื่อเขากลับไปในหมู่บ้านต้องมีคนสอบถามแน่นอน เพราะหมู่บ้านขนาดเล็กเช่นนี้ ใครทำอะไรที่ไหนข่าวมักจะไปถึงอย่างรวดเร็วเสมอ โดยเฉพาะย่าผู้ลำเอียงของสามีนางคนนั้น

“ท่านลุงรองหวังเจ้าคะ ข้าอยากทำบ่อน้ำไว้ภายในลานบ้านด้วย บ้านข้ามีทั้งคนป่วยและเด็ก การมีบ่อน้ำในลานบ้านคิดว่าคงสะดวกสบายมากเช่นกันเจ้าค่ะ” จ้าวอิงสอบถามเขา

ลุงรองได้ฟังที่จ้าวอิงพูดก็ให้ตกใจ อดไม่ได้ที่จะมองนางให้มากขึ้นอีกสักนิด ยังเป็นจ้าวอิงอิงคนเดิมที่มีใบหน้าอวบอ้วน แก้มกลมมน ตาเล็กหยี แต่มีบางอย่างไม่เหมือนเดิม แม้กระทั่งคำพูดคำจาก็เปลี่ยนไป การคิดอ่านก็เปลี่ยนไป ราวกับจ้าวอิงอิงคนนี้ไม่ใช่คนเดิม

จ้าวอิงก็มิได้หลบเลี่ยง ปล่อยให้ลุงรองหวังมองนางได้เต็มที่ ซึ่งเรื่องเช่นนี้เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ ภายนอกของนางยังเป็นจ้าวอิงอิงสตรีอ้วนยังเป็นคนเดิม แต่นิสัยเปลี่ยนไปอย่างไรก็ต้องให้เวลากับคนรอบกายได้ปรับตัวบ้าง

“ข้ารู้ว่าที่ผ่านมาข้าทำไม่ดีไว้มาก เมื่อผ่านความเป็นความตายมา ข้าจึงสำนึกได้ว่าเสี่ยวเป่าสำคัญกับข้าขนาดไหน เพื่อเสี่ยวเป่าข้าจึงจำต้องเปลี่ยนตัวเองเป็นแม่ที่ดีของเขาให้ได้เจ้าค่ะ”

จ้าวอิงพูดขึ้นอย่างไม่เร็วไม่ช้า

หลังพูดประโยคนี้จบนางตาแดงเรื่อ เพราะอารมณ์ที่ตีตื้นขึ้นมาในอกของนางยามนี้เป็นความรู้สึกผิดจริง ๆ

และนางก็มั่นใจว่าเป็นเพราะอารมณ์ของร่างเดิม มิใช่อารมณ์ของนางแน่นอน เมื่อคนภายนอกมองหน้านางตอนนี้ แววตาสีหน้าของนางจึงเป็นความรู้สึกผิดจากใจจริง

ลุงรองหวังยามนี้เขาเชื่อจ้าวอิงแล้วว่านางสำนึกผิด ส่วนพ่อลู่และจางซื่อก็เชื่อในตัวจ้าวอิงเช่นกันว่านางเปลี่ยนแปลงตัวเองได้จริง

“เอาล่ะ ๆ ไม่ต้องพูดเรื่องสำนึกผิดไม่สำนึกผิดอีกแล้ว เพียงเจ้ากลับตัวได้ก็เป็นผลดีต่อเสี่ยวเป่าและตัวเจ้าเองทั้งนั้น” ลุงรองหวังกล่าวขึ้นและพูดต่ออีกว่า “มาพูดถึงเรื่องการขุดบ่อน้ำ ถ้าอย่างดีก่ออิฐรอบบ่อ มีรอกชักน้ำด้วยใช้เงินสิบตำลึง หากบ่อธรรมดาก็แปดตำลึงได้ นี่เป็นราคาที่ถังเสียนกำหนดไว้ทั่วไป แต่ก็ต้องให้เขามาดูสถานที่ก่อนอีกที”

“เอาแบบอย่างดีเถิดเจ้าค่ะ” จ้าวอิงตอบ

พ่อลู่หันมามองหน้านางกำลังจะขยับปากพูด จ้าวอิงจึงพูดขึ้นก่อนว่า

“เรื่องเงินไม่เป็นไรเจ้าค่ะ หมดไปก็หาใหม่ได้” พร้อมขยิบตาให้จางซื่อที่นางเดินมาใกล้ ๆ

จางซื่อเมื่อได้รับสัญญาณจากจ้าวอิง นางก็เข้าใจทันทีจึงรีบพูดขึ้นเช่นกัน

“เอาตามอาอิงว่าเถิดเจ้าค่ะ ท่านลุงรองหวัง... ส่วนหากมีคนสอบถามข้า เอ่อ หากไม่เป็นการรบกวนท่านเกินไป ข้าอยากยืมชื่อลุงรองมากล่าวอ้างว่าได้หยิบยืมจากท่านมาได้หรือไม่เจ้าคะ ข้าเกรงว่า …”

จางซื่ออึก ๆ อัก ๆ หน้าเริ่มขึ้นสีแดงเห็นได้ชัดว่านางลำบากใจขนาดไหน

เพียงเห็นจางซื่อเป็นเช่นนี้ลุงรองหวังก็เข้าใจทันทีเช่นกัน จางซื่อนางกลัวบ้านแม่สามีของนางจะตามมารังควานนั่นเอง หากเหอซื่อหญิงจอมละโมบคนนั้นทราบว่า พวกลู่ซานถิงมีเงินสำหรับปรับปรุงบ้าน ทั้งยังขุดบ่อน้ำอีกด้วยคงตามมาริบเอาไปแน่นอน เมื่อคิดได้ดังนั้นลุงรองหวังจึงตอบตกลงทันที

“ก็ดีเหมือนกันใช้ชื่อข้ากล่าวอ้างได้เลยพวกนั้นจะได้ไม่มาวุ่นวายกับพวกเจ้า หากมีอะไรก็เรียกข้าได้ตลอดนะพรุ่งนี้ข้าจะแวะมาอีกที”

เมื่อส่งลุงรองหวังออกไปแล้ว จ้าวอิงจึงเรียกสองสามีภรรยาลู่เข้าไปในห้องนอนของทั้งคู่ ทั้งสองแปลกใจแต่ก็นำทางนางเข้าไปแต่โดยดี เมื่อปิดประตูห้องดีแล้วจ้าวอิงจึงหยิบเห็ดหลินจือออกมาจากตะกร้า แน่นอนว่าจริง ๆ แล้วนางหยิบจากห้วงมิติมาสามดอกขนาดเท่าฝ่ามือ จางซื่อเห็นแล้วแม้นางจะไม่รู้จัก แต่ก็คิดว่าต้องเป็นของที่มีค่ามากแน่นอน

“นี่ … นี่คือ”

“นี่เป็นเห็ดหลินจือเจ้าค่ะ ข้าบังเอิญเจอแถว ๆ โขดหินในป่า พรุ่งนี้ท่านแม่นำไปขายที่โรงหมอชุ่ยจู๋ได้ไหมเจ้าคะ” จ้าวอิงอ้างมั่ว ๆ ขึ้นมา

“ฮะ เห็ดหลินจือ ข้า…ข้าเคยได้ยินว่าเป็นยาช่วยชีวิตมีแต่คนร่ำรวยเท่านั้นถึงจะสามารถหาซื้อมากินได้”

จางซื่อดวงตาโต กล่าวตะกุกตะกัก

“เจ้าแน่ใจนะว่ามันคือเห็นหลินจือจริง ๆ ” พ่อลู่ถามเพราะเขาเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน

“ข้ามั่นใจเจ้าค่ะ เมื่อวานที่ไปโรงหมอข้าได้ขอดูมันจากผู้ดูแลมาแล้ว” จ้าวอิงโกหกหน้าตาย

“อาอิงเจ้าเอาไปขายเถิดข้าไม่กล้าจริง ๆ” จางซื่อบอกนางไม่แม้แต่จะจับดู พ่อลู่เห็นภรรยาเขาเป็นแบบนั้นกล่าวเสริมว่า

“หากให้แม่เจ้านำไปขายคงถูกกดราคา หรือไม่ก็เผยท่าทีว่า ‘ข้าไม่มีเงินสามร้อยตำลึง’ ออกมาแน่นอน”

จางซื่อพยักหน้าเป็นไก่จิกราวกับเห็นด้วยอย่างแรง จ้าวอิงคิดแล้วก็เห็นด้วยเช่นกัน แต่เมื่อนึกถึงระยะทางเดินไปกลับตำบลและสังขารของนางเมื่อวันวานนางก็แอบท้อเสียแล้ว การเดินไปกลับสี่ห้าชั่วโมงด้วยขาอ้วน ๆ นี่ไม่ไหวเลย

จางซื่อเห็นท่าทีของจ้าวอิงก็นึกถึงเรื่องเมื่อวันก่อนที่เจอป้าสะใภ้รองได้ ป้าสะใภ้รองพูดคุยนางว่า

‘เจอจ้าวอิงเดินกลับมาจากทางตำบลบอกว่าไปซื้อยาให้พ่อสามีนาง เป็นเรื่องจริงหรือไม่’ จางซื่อก็ตอบไปตามตรงว่าเป็นเรื่องจริง ป้าสะใภ้รองดูชอบใจที่จ้าวอิงออกไปซื้อยาจริง จากนั้นจึงเล่าให้นางฟังเรื่องที่จ้าวอิงเดินเหงื่อท่วมตัว และคนบนรถโดยเฉพาะหลานซื่อเมียลู่เกาที่ไม่ให้นางขึ้นเกวียนมาด้วย และเมื่อจางซื่อนึกไปถึงสภาพของจ้าวอิงที่มาถึงบ้านเย็นวันนั้น นางดูซีดเซียวและเหนื่อยหอบอย่างแท้จริง

“พรุ่งนี้ถังเสียนจะเข้าไปที่ตำบลเพื่อซื้อกระเบื้อง เจ้าสามารถไปกับเขาได้ ซื้อกระเบื้องไม่มากนัก มีที่นั่งให้เจ้าอยู่แล้ว เดี๋ยวให้พ่อเจ้าไปบอกกล่าวอาถังเสียนไว้”

จ้าวอิงได้ยินดังนั้นก็ดีใจยิ่งนัก จางซื่อช่างรู้ใจนางจริง ๆ

“ได้หรือเจ้าคะ เช่นนั้นก็ดียิ่งพรุ่งนี้ข้านำเห็ดไปขายคาดว่าน่าจะได้ถึงดอกละสองสามร้อยตำลึงเงินเลยทีเดียว ยังมีสมุนไพรที่ข้าเก็บมาอีก ท่านแม่ท่านพ่อพวกเราไม่ต้องกังวลเรื่องเงินอีกต่อไป และยังสามารถส่งเงินให้ท่านพี่เพิ่มอีกด้วย”

ประโยคสุดท้ายนี้นางตั้งใจกล่าวให้สองสามีภรรยาลู่ฟัง และเป็นไปตามที่คาด ทั้งสองตกตะลึงไปทันที

จริง ๆ แล้วพวกเขาสองสามีภรรยาตกตะลึงตั้งแต่ราคาของเห็ดหลินจือที่มากมายปานนั้น ยิ่งได้ยินจ้าวอิงกล่าวถึงลูกชายของพวกเขายิ่งตกใจกว่าเดิม

ต้องกล่าวว่าเงินที่ลู่เหวินเหยาพกติดตัวไปเพื่อสอบครั้งนี้เพียงเจ็ดตำลึงเงินเท่านั้น นับว่าน้อยยิ่งนักสำหรับการเดินทางไปสอบถึงเขตมณฑลเรื่องนี้จ้าวอิงทราบดีเช่นกัน ต้องเข้าใจก่อนว่าการคมนาคมของยุคสมัยนี้ยากลำบากอย่างยิ่ง หากไม่มีรถม้าเกวียนวัวหรือไม่มีเงินจ้าง ก็ต้องเดินเท้าเท่านั้น การเดินทางที่ยุคปัจจุบันอาจจะใช้เวลาไม่กี่ชั่วยาม แต่ยุคนี้ต้องใช้เวลานับเป็นหลายวัน

สิ่งที่จ้าวอิงคิดไว้คือให้พ่อแม่สามีนางเทใจให้มากขึ้น และสองเพื่อลดโทสะในใจสามีนางไปบ้าง ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว ‘ฮ่า ๆ ๆ ‘
ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel