ตอนที่ 7 อวดดี
หมิงตู๋กง ที่ประทับของหยางหวางเย่และกงซุนหวางเฟย พระนางทรงเรียกสาวใช้ของผิงถิงเข้าเฝ้าประจำทุกเดือน เพื่อดูความเป็นอยู่ของใต้เท้ากงซุนหม่า และผิงถิง เม่ยเมยเพียงคนเดียวของนาง
“ผิงถิงเป็นเช่นไรบ้าง นางไม่เข้าวังมาหาข้าเกือบเดือนแล้ว” หวางเฟยตรัสถาม แล้วเสวยน้ำชาที่นางสนองพระโอษฐ์จางลี่ถวาย เยี่ยลี่ก้มหน้าก้มตาไม่กล้าสบพักตร์ มีหรือที่หวางเฟยจะไม่ทรงรู้ว่านางมีสิ่งใดที่ไม่กล้าทูล
“พูดมา ถ้าเจ้าไม่พูดข้าจะให้คนในตำหนักโบยเจ้า” หวางเฟยตรัสด้วยพระสุรเสียงดุดัน เยี่ยลี่จึงกราบทูล
“ทูลหวางเฟยเพคะ เมื่อห้าวันที่แล้ว คุณหนูมีปากเสียงกับฟูเหรินรองกับใต้เท้าหย่งเพคะ”
“ใต้เท้าหย่งคือใคร” หวางเฟยตรัสถาม จางลี่จึงทูล
“ใต้เท้าหย่ง เป็นเจ้าเมืองหยางหลิน นามของเจ้าเมืองคือ ‘หย่งกวาง’ เจ้าค่ะ” จางลี่ทูลรายงาน
“นางต่อว่าผิงถิงว่าอย่างไร” หวางเฟยตรัสถามต่อ
“ ‘ลูกใต้เท้ากงซุน วางท่าผู้ดี ทั้งที่แม่ของเจ้าเป็นเพียงหญิงคณิกา’ นางว่าคุณหนูเช่นนี้เพคะ” เยี่ยลี่เอ่ยด้วยความคับแค้นใจ หวางเฟยได้สดับเช่นนี้ ทรงทุบหัวตั่งดังลั่นด้วยความพิโรธ
“อวดดี เป็นแค่ฟูเหรินรองของใต้เท้าหย่งกล้าพูดกับเม่ยเมยข้าเช่นนี้เลยหรือ ถ้าข้าไม่สั่งสอนนาง นางคงไม่รู้สินะ ว่าคนสกุลกงซุนว่าโหดร้ายป่าเถื่อนแค่ไหน”
“คุณหนูใจเย็นก่อนเจ้าค่ะ” จางลี่เอ่ยขึ้นแล้วพาหวางเฟยประทับนั่งลงบนตั่ง
“พูดต่อ” หวางเฟยตรัสด้วยความร้อนพระทัย
“จากนั้นไท่ฟู่จึงต่อว่านาง ต่อหน้าฟูเหรินทั้งหลาย ตรัสให้นางอับอายว่า 'เมื่อปีก่อน เจ้ายังหยอกเย้าข้าให้ร่วมห้องด้วย ตอนนี้เป็นเพียงฟูเหรินรองของใต้เท้าหย่ง ไม่ใช่ฟูเหรินเอกของใต้เท้าหย่งด้วยซ้ำ หญิงที่เจ้าต่อว่านั้น นางมีศักดิ์เป็นเม่ยเมยของหวางเฟย ข้าว่าต้องไปพบใต้เท้าหย่งให้สอนเรื่องลำดับชนชั้นญาติและมารยาทให้เจ้าเสียหน่อยคงจะดีไม่น้อย’ ไท่ฟู่ตรัสเช่นนี้ นางจึงเอามือตบใบหน้าของตนเองเพคะ”
หวางเฟยทรงแย้มพระโอษฐ์ แล้วหันพระพักตร์ไปบอกจางลี่ว่า
“เจ้าไปพบไท่ฟู่แล้วกล่าวขอบคุณแทนข้า”
“เจ้าค่ะ” จางลี่รับคำสั่งจากหวางเฟย
“ส่วนเรื่องนี้ข้าไม่ปล่อยผ่านไปแน่”
บ่ายของอีกวัน กงซุนหวางเฟยเสด็จมาที่รถม้า หยางจงหวางเย่เสด็จลงมาจากรถม้าอีกคัน ดำเนินมาหาหวางเฟย ที่กำลังย่างดำเนินขึ้นรถม้า หวางเย่ตรัสถามทันที
“ซืออินเจ้าจะไปไหนหรือ”
“ข้าจะกลับไปบ้าน ผิงถิงไม่ค่อยสบายข้าจะไปดูนางเสียหน่อย”
“ผิงถิงนางไม่เป็นอะไรมากใช่ไหม” หวางเย่ตรัสถามด้วยความเป็นห่วง
“ไม่เป็นอะไรมาก”
“ให้ข้าไปเป็นเพื่อนไหม”
“ไม่เป็นอะไร ท่านพักผ่อนเถอะ” หวางเฟยตรัสเช่นนี้ จึงดำเนินก้าวขึ้นรถม้า หวางเย่ทรงทอดพระเนตรรถม้าที่เคลื่อนไปสุดสายพระเนตร
รถม้ามาถึงหน้าจวนกงซุน ซืออิน ชะเง้อทอดพระเนตรหาผิงถิง แต่ไม่เห็นนางทำให้แปลกพระทัย ในเมื่อทุกครั้งกงซุนผิงถิงจะมาต้อนรับ แต่วันนี้กลับไม่ทรงเห็น พระนางจึงตรัสถามพ่อบ้านทันที
“พ่อบ้านเหลียง ผิงถิงนางอยู่ไหน”
“คุณหนูรอง อยู่ในห้องขอรับ” พ่อบ้านกล่าวเช่นนี้ หวางเฟยเสด็จพร้อมกับนางสนองพระโอษฐ์จางลี่ ทว่าผิงถิงก้าวเดินออกมาจากเรือน ทำสีหน้าดีใจเช่นทุกครั้ง ดีที่นางแต่งหน้าไว้เล็กน้อย กลัวว่าเจี่ยเจียเป็นห่วง
“เจี่ยเจีย ท่านไม่บอกข้าว่าจะมาวันนี้ ให้จางลี่มาบอกข้าก็ได้” ผิงถิงเอ่ยกล่าว หวางเฟยทรงสวมกอดผิงถิงทันที พระนางรู้ถึงการเปลี่ยนของเม่ยเมยของพระนางว่าซูบผอมลงไปมาก ในระยะเวลาไม่กี่วัน
“ผิงถิง ทำไมเจ้าผอมลงเช่นนี้” หวางเฟยตรัสถาม
“ข้ากินเก่งจะตาย แต่ช่วงนี้ไม่รู้เป็นอะไรคงทำงานเยอะไปหน่อย ทั้งโรงทาน โรงเรียน ยังจะโรงทอผ้าอีก ข้าทำหลายหน้าที่มาก แต่ไม่เป็นอะไรข้าทำได้สบายมาก” ผิงถิงทูลด้วยรอยยิ้ม
“โรงทอผ้า ข้าจะเข้าไปดูบ่อยๆ เจ้าไม่ต้องห่วง” หวางเฟยตรัสเช่นนี้ แล้วจับมือผิงถิงเข้าไปในเรือน แล้วนั่งลงบนตั่ง หวางเฟยจึงสนทนาอีกว่า
“ผิงถิง มีอะไรในใจเจ้าพูดกับเจี่ยเจียได้น่ะ” หวางเฟยตรัสเช่นนี้ ขณะที่ผิงถิงรินน้ำชา นางรู้สึกว่าตาลายเห็นเป็นถ้วยชาสามใบอยู่ตรงหน้าเป็นภาพซ้อน
ทันใดนั้นหวางเฟยทอดพระเนตร ผิงถิงที่สลบหงายหลัง ทำให้พระนางตกพระทัยอย่างมาก จึงสาวพระบาทเข้าไปดู แล้วโอบประคองนางไว้ก่อนที่นางจะล้มลงบนพื้น
“ผิงถิง ผิงถิง เจ้าตื่นสิ ผิงถิง ใครอยู่ข้างนอกไปตามหมอหลวงมาที”
