บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 10 เสี่ยวเยว่

“คุณหนูดูสิคะ ชายผู้นั้นงดงามมากๆ เลยนะเจ้าคะ” ยวนหยางเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ฝูหลินมองไปที่ไท่จื่อที่ยืนท่ามกลางผู้เข้าประลอง

“ไม่เห็นจะงดงามอย่างที่เจ้าพูด” ฝูหลินเอ่ยน้ำเสียงเรียบเฉย แล้วเดินออกจากตรงนี้ทันที ทำให้ยวนหวางสงสัยและตะโกนเรียกนาง

“คุณหนู...คุณหนู...”

ระยะเวลาสองชั่วยาม ต่างคนต่างต่อสู้กันเพื่อชิงธงบนยอดเขากลางทะเล ทุกคนต่างใช้กลยุทธ์ที่ตนเองเคยเล่าเรียนมานำมาใช้ คนที่สู้ไม่ได้ บางคนตกลงจากบนเขาบาดเจ็บสาหัส

บางคนตกลงไปในทะเล บางคนก็ตายไป ไท่จื่อทรงต่อสู้จนเกือบเหลือคนสุดท้าย ใช้กระบี่สู้กับกระบี่ของอีกคนผลัดกันแพ้ชนะ จนกระทั่งพระองค์เป็นฝ่ายชนะ แล้วมาสู้กับอีกคนที่ชนะคนอีกคนมาเช่นกัน คือฉินหมิ่งเยว่

“เหลือเพียงข้าและท่านแล้วนะ ฉินหมิ่งเยว่ บุตรแห่งสำนักเทียนหยวน” ไท่จื่อทรงแย้มพระโอษฐ์ให้กับฉินหมิ่งเยว่ที่อยู่ตรงหน้าพระพักตร์

“ท่านรู้จักข้าได้อย่างไร...องค์ไท่จื่อ” ฉินหมิ่งเยว่ทูลถามด้วยความสงสัย

“ข้ารู้จักท่านหรือไม่มันไม่สำคัญ รู้เพียงว่าข้ารู้จักท่านก็พอ อย่าเสียเวลาอยู่เลย เราชิงธงลงมาก่อนเถิด” ไท่จื่อตรัสเช่นนี้และแย้มพระโอษฐ์

“ได้” ฉินหมิ่งเย่ว่เอ่ยบอกเช่นนี้ หมายจะจับธง แต่ไท่จื่อทรงไวกว่า คว้าธงจากไม้ตั้งแล้ว ยังไม่วายที่ฉินหมิ่งเยว่แย่งธงจากพระหัตถ์ของพระองค์ ทั้งสองแย่งกันไปมา จนกระทั่งถึงที่ปักไม้ตรงหน้าเจ้าสำนักทั้งห้า ไท่จื่อทรงปักธงลงบนไม้ที่เป็นฐานรองไม้

“การประลองครั้งแรกเจิ้นเหวินไท่จื่อแห่งสำนักไป๋ซานเป็นฝ่ายชนะ”

ถางถิงเป็นคนประกาศด้วยตัวเอง ทำให้ทุกคนสรรเสริญองค์ไท่จื่อด้วยความสามารถในชัยชนะ

ไท่จื่อทอดพระเนตรมองฝูหลินที่มองกำลังมองดูพระองค์อยู่ จากบรรดาทุกคนที่ยืนมองพระองค์ ไท่จื่อแย้มพระโอษฐ์ฝูหลินที่ยืนมองอยู่ นางหันหน้าหนีเดินไปทันที

“คุณหนูรอข้าด้วย” ยวนหยางเดินตามหลังฝูหลินที่เดินนำไปแล้ว

ชายหนุ่มชุดดำสนิทก้าวเดินบนหินไฟอย่างมั่นคง ก้าวเดินไปยังชายหนุ่มใบหน้างดงามผมยาวสลวยที่นั่งอยู่บนบัลลัก์ อีกทั้งชายหนุ่มชันเข่าก้มหน้าลง คำนับชายหนุ่มที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ด้วยความนอบน้อม

“เฮยม่อหวัง...ได้ความคืบหน้าของห้าสำนักขอรับ” ชายหนุ่มที่นั่งคุกเข่าเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงนอบน้อม (เฮยม่อหวัง แปลว่า จอมมาร)

“ไหนว่ามา มู่กวงลี่”

“เฮยม่อหวัง ตอนนี้ทั้งห้าสำนักกำลังแข่งขันว่าสำนักไหน แก้วมังกรหยกไปของสำนักเซียนลู่”

“แก้วมังกรหยก เป็นของสำนักเซียนลู่มาช้านาน โดยหนี่วาให้ซู่ฮัวหวังเจ้าสำนักคนแรกได้ดูแลรักษาไว้เก็บรักษาไว้อย่างดี สืบเนื่องเรื่อยมายังฉางฉิงที่ดูแลรักษาอยู่ ข้ายังเคยได้ยินมาว่าแก้วมังกรหยกกลับมีแสงเรืองรองอีกครั้ง โดยครั้งแรกแก้วมังกรหยกเคยเดินแสงเรืองรองเมื่อห้าแสนปีตอนกำเนิดฮวาเฟย และเมื่อสิบห้าปีก่อนก็มีแสงเรืองรองอีกครั้ง แก้วมังกรหยกต้องมีผู้ใดที่ต้องเหนือกว่าฉางถิง สิ่งนี้เป็นสิ่งวิเศษมากกว่านั้น แก้วมังกรหยกต้องอยู่คู่กับหยกสีเลือดและปิ่นสะกดวิญญาณ แล้วหยกสีเลือดและปิ่นสะกดวิญญาณ บัดนี้ยังไม่มีใครล่วงรู้ว่าอยู่ที่ใด” เฮยม่อหวังเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย

"ข้าว่าเราไปช่วงชิงมาเป็นของเราดีหรือไม่ขอรับ" มู่กวงลี่เอ่ยถาม

“ยังไม่ต้อง มันยังไม่มีความหมายกับข้า ข้าต้องการตำราผู้พิชิตใต้หล้า และหยกสีเลือดเสียมากกว่า เพราะหยกสีเลือดที่หยางเสี่ยวเยว่น้องสาวของข้านางอยากได้มันมานานแล้ว ข้าต้องการนำมันมาให้นาง”

“ข้าจะตามหาหยกสีเลือดและตำราผู้พิชิตมามอบให้เฮยม่อหวังให้จงได้” มู่กวงลี่พูดขึ้น

"ไป...ข้าจะไปหาเซี่ยวเยว่"

มู่กวงหลี่ให้ความเคารพต่อผู้เป็นเจ้าชีวิตและเดินออกไปจากตรงนั้น

หรงเฮยม่อหวังก้าวเดินเข้ามายังถ้ำเหอปี้ ถ้ำเหอปี้เป็นถ้ำน้ำแข็งที่ปิดกันด้วยอาคมหลายชั้นไม่มีผู้ใดเข้ามาได้ มีเพียงหรงเฮยม่อหวัง และลูกสมุนของเขาที่เขามาได้ หรงเฮยม่อหวังก้าวเดินตรงไปยังโลงน้ำแข็งที่เย็นยะเยือก ในมือของเขาถือก้านดอกบัวสีชมพูสวยสะพรั่ง เมื่อมองลงไปในโลงน้ำแข็งนั้น มีหญิงสาวใบหน้างดงามภายใต้อาภรณ์แดงชาดทั้งชุด ประดับรัดเกล้า และปิ่นหลายชิ้น บนหน้าผากปานแดงลายดอกบัว ทว่าศพหญิงสาวในโลงน้ำแข็งนั้น ยังคงงดงามราวกับว่ามีชีวิตอยู่

“เซี่ยวเยว่ เจ้าหลับนานไปแล้วนะ เจ้าหลับมาสองหมื่นปี ทิ้งเกอเกอให้เดียวดายเพียงผู้เดียว เพราะไอ้หลิวฉางจิ้นผู้เดียวที่ทำให้เม่ยเมยของข้าตาย ด้วยความรักแท้ๆ ที่ทำให้เม่ยเมยสุดที่รักของข้าต้องตาย มันเพียงแค่ต้องการพิณมรณะ ถึงกับหลอกเจ้าให้เอาพิณมรณะให้มัน มันกลับเอาพิณนั้นไปให้หญิงสาวที่เป็นฮูหยินของมัน เซี่ยวเยว่เกอเกอได้ชำระแค้นให้เจ้าแล้ว มันตายพร้อมกับฮูหยินของมัน ด้วยน้ำมือของเกอเกอคนนี้...” ชายหนุ่มเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาน่าเวทนา มือหนานุ่มลูบโลงน้ำแข็งเบาๆ และเอ่ยต่อ

"เซี่ยวเยว่ ตอนนี้เกอเกอของเจ้าปลูกบัวเซียนชมพูกลิ่นหอมอบอวลทั่วทั้งตำหนักเหอปี้ รอเจ้าจะฟื้นกลับมาดูแลดอกบัวเซียนที่เจ้าที่เจ้าชอบ เจ้ารีบตื่นมาเถิดนะ”

หรงเฮยม่อหวังก้าวเดินออกไปนอกตำหนัก เดินไปดูดอกบัวสีชมพูอ่อนหวาน มันเป็นดอกเดียวในสระ มันช่างหอมหวานรัญจวน และบานเต็มสระน้ำ

ฝูหลินก้าวเดินมานั่งริมหลังบ้านของตน ในมือมีกิ่งดอกท้ออยู่ในมือ เห็นแมวตัวน้อยสีขาวทั้งตัว เดินมาบนโขดหินตรงหน้าของนางและนั่งลง นางจำได้ดีว่ามันชื่ออะไร

“ฮุ้ยหลาน เจ้ามาได้อย่างไร เจ้าไม่ไปหานายของเจ้าหรือ” ฝูหลินเอ่ยถามเช่นนี้ และใช้มือลูบหัวฮุ้ยหลานเบาๆ

“คิดถึงข้าหรือ”

พระสุรเสียงที่คุ้นเคยดังมาจากด้านหลังของนาง ฝูหลินหันกลับไปมองโดยทันที ขณะที่ฮุ้ยหลานนั่งเลียตนเองเบาๆ

“เปล่าเสียหน่อย” ฝูหลินเอ่ยบอกเช่นนี้ หมายใจจะก้าวเดินไปจากตรงนี้ แต่ไท่จื่อทรงจับแขนของนางเพื่อรั้งให้นางอยู่ต่อ

“นี่ข้าอุตส่าห์ชนะรอบแรก เจ้าไม่ยินดีหรือดีใจกับข้าหน่อยหรือ” ไท่จื่อตรัสถามเช่นนี้

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel