บทที่ 4 ทำอาหาร
หลังจากที่ไต้ฝูหรงอาบน้ำผลัดเปลี่ยนอาภรณ์เสร็จเรียบร้อยแล้ว นางก็ตรงมาที่โรงครัวทันที ก่อนหน้านี้นางได้สอบถามจากท่านเฉิงซุนแล้วว่าโรงครัวอยู่ที่ใด ไต้ฝูหรงรู้สึกแปลกใจไม่น้อยเลยที่ท่านเฉิงซุนสามารถสื่อสารภาษามือของคนใบ้กับนางได้
เฉิงซุนไม่ได้คิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องแปลกใหม่อันใด เมื่อหลายสิบปีก่อนเขามีน้องสาวคนหนึ่งนางเป็นใบ้แต่กำเนิด เขาจึงต้องสนทนาภาษามือกับนาง น่าเสียดายที่นางอายุไม่ยืน เจ็บป่วยได้ไข้อยู่ไม่กี่ปีก็ตายจากไปด้วยวัยเพียงสิบหกปี เมื่อเขาได้เห็นไต้ฝูหรงที่เป็นใบ้เหมือนกับน้องสาวของตนที่ตายจากไป จึงเกิดรู้สึกเอ็นดูนางขึ้นมาหลายส่วน อีกทั้งนางเองก็ดูเป็นคนไม่มีพิษมีภัยอันใดด้วย
ไต้ฝูหรงและเฉิงซุนเดินมาที่โรงครัวพร้อมกัน เพราะยามนี้ไต้ฝูหรงสวมชุดของสตรี ทำให้นางดูงดงามเป็นอย่างมาก เหล่าหทารต่างจ้องมองนางด้วยแววตาเป็นประกาย
แต่ไหนแต่ไรพวกเขาก็ไม่ได้เข้าใกล้สาวงามมากนักเพราะอยู่แต่ในค่ายทหาร เมื่อเห็นว่ามีสตรีปะปนเข้ามาอยู่ในค่ายจึงทำให้กลายเป็นจุดสนใจของพวกเขา
ไต้ฝูหรงค่อนข้างประหม่าไม่น้อย นางเพียงพยักหน้าให้พวกเขาเล็กน้อย
"มัวยืนมองอันใดกัน ใครมีสิ่งใดต้องทำก็รีบไปทำเสีย อย่ามายุ่งกับแม่นางไต้ นางเป็นคนของท่านอ๋อง หากไม่อยากถูกบั่นคอตายก็อย่าคิดเพ้อเจ้อ!"
ไต้ฝูหรงเมื่อได้ยินอย่างนั้นก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่กลับไม่ได้เอ่ยถามอันใด เมื่อเหล่าทหารจากไปหมดแล้ว เฉิงซุนก็หันมาเอ่ยกับนาง
"แม่นางไต้ วัตถุดิบที่ได้มามีไม่มากนัก จะมีก็เพียงหน่อไม้ เต้าหู้ เนื้อสัตว์เล็กๆน้อยๆ ยามนี้เกิดสงครามพวกเนื้อสัตว์อาจหากินได้ลำบากอยู่สักหน่อย อย่างไรหากเจ้าต้องการเพิ่มก็สามารถสั่งพวกทหารไปล่าจากบนเขามาได้ ข้าจะให้คนมาช่วยเจ้า ทำให้ดีเล่า ท่านอ๋องน่ะใจกว้าง หากทำถูกพระทัยย่อมตกรางวัล"
ไต้ฝูหรงเมื่อได้ฟังกลับทำไม้ทำมือบอกท่านเฉิงซุนว่านางไม่ต้องการเงิน ขอเพียงอาหารอิ่มท้องสักมื้อก็พอ ท่านเฉิงซุนเมื่อเห็นว่าสตรีน้อยนางนี้ไม่มีนิสัยโลภโมโทสันก็รู้สึกดีกับนางขึ้นมาอีกหลายส่วน
เขาให้ทหารชั้นผู้น้อยมาเป็นลูกมือนางสองสามคน ไต้ฝูหรงพูดไม่ได้ ทำให้ท่านเฉิงซุนต้องคอยช่วยสื่อสารกับเหล่าทหารให้เข้าใจ
หลังจากให้พวกเขาก่อไฟและช่วยเตรียมวัตถุดิบเสร็จเรียบร้อยแล้ว ที่เหลือก็ไม่มีอันใดอีก ไต้ฝูหรงรีบลงมือทำอาหารทันที วันนี้นางทำน้ำแกงไก่หน่อไม้อ่อน เต้าหู้นิ่มปรุงรส และข้าวห่อผัก อย่างไรทหารเหล่านี้ก็ไม่ได้ต้องการกินอาหารทีประณีตละเมียดละไมอันใดเทือกนั้นอยู่แล้ว ขอเพียงแค่อิ่มท้องก็พอ
หลังจากทำอาหารเสร็จแล้ว นางก็ตักอาหารแบ่งใส่ถ้วยเพื่อนำไปมอบให้กงเหล่ยที่อยู่ในกระโจม หญิงสาวยังทำเห็ดหนูขาวตุ๋นเพิ่มอีกหนึ่งอย่างด้วย
เหล่าทหารที่ได้กินอาหารเลิศรสเช่นนี้ก็รู้สึกมีความสุขมาก ที่ผ่านมาเพราะมีแต่เหล่าบุรุษฝีมือทำอาหารย่อมย่ำแย่ถึงขีดสุดพวกเขาจำต้องฝืนใจกินเพื่อให้มีแรง เมื่อมีสตรีน้อยหน้าตางดงามอีกทั้งยังมีฝีมือทำครัวเป็นเลิศพวกเขาย่อมต้องอารมณ์ดีเป็นธรรมดา
กงเหล่ยที่กำลังนั่งสนทนากับเซียวเย่อยู่เมื่อได้ยินทหารมารายงานว่ามีคนนำอาหารมาให้จึงอนุญาตให้เข้ามาทันที ไต้ฝูหรงเดินเข้ามาพร้อมท่านเฉิงซุน ก่อนจะนำอาหารไปจัดวางบนโต๊ะอาหารให้เขา เฉิงซุนที่เห็นว่าท่านอ๋องก็ไม่ได้เอ่ยปรามอันใด อีกทั้งนางเองก็ไม่ได้ทำตัวสอดรู้สอดเห็นไม่เข้าเรื่อง เขาจึงไม่ได้เอ่ยตักเตือนอันใด
เซียวเย่ที่เห็นว่ามีสตรีน้อยมาปรากฏตัวอยู่ในค่ายทหารดวงตาก็ทอประกายเจิดจ้าคราหนึ่ง เขาเป็นหนุ่มน้อยอายุเพียงสิบแปดปีย่อมชอบความสำราญและสาวงามเป็นอย่างยิ่ง อีกอย่างสตรีนางนี้ก็ดูเหมือนจะอายุสิบหกถึงสิบเจ็ดปี อยู่ในวัยสาวสะพรั่งชวนมองยิ่งนัก
อยู่ๆเขาก็ครุ่นคิดเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ ชายหนุ่มจึงหรี่ตามองไต้ฝูหรงสลับกับกงเหล่ย ก่อนจะเอ่ย
"ศิษย์พี่ใหญ่กง นี่ท่านเอาสตรีงามมาซ่อนไว้ในค่ายทหารตั้งแต่เมื่อใดกัน หรือจะเป็นว่าที่พี่สะใภ้ของข้า?"
ไต้ฝูหรงเกิือบทำถ้วยน้ำแกงหก โชคดีที่นางตั้งสติได้เสียก่อน ใบหน้างามแดงระเรื่อขึ้นมา นางรีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติ แล้วจึงเดินไปหากงเหล่ยพร้อมกับวางกระดาษแผ่นน้อยลงตรงหน้าเขา และขอตัวออกจากกระโจมไปอย่างรวดเร็ว
เฉิงซุนเพียงยกยิ้มมุมปาก กงเหล่ยยังไม่ทันได้อ่านจดหมาย เซียวเย่ก็คว้าไปอ่านเสียก่อน
"ท่านอ๋องต้องกินอาหารให้มาก นอนหลับให้เพียงพอ จะได้มีสุขภาพแขงแรง ข้าน้อยทำเห็ดหูหนูขาวตุ๋นให้้ท่านด้วย ของสิ่งนี้สามารถบำรุงร่างกายทำให้อายุยืนยาว บำรุงกำลังวังชา..."
"เอามานี่!"
กงเหล่ยยื่นมือมาคว้ากระดาษแผ่นนั้นจากมือของเซียวเย่และกวาดตาอ่านมันอย่างรีบร้อนคราหนึ่ง เซียวเย่หรี่ตามองกงเหล่ยอย่างไม่ลดละ จนคนถูกมองเริ่มโมโห
"มองอันใดนักหนา อยากโดนโบยหรือ!"
"ในสถาณการณ์เช่นนี้ท่านไม่กล้าโบยข้าหรอก ว่าอย่างไร ใช่พี่สะใภ้หรือไม่ งดงามใช้ได้เลย อีกทั้งยังทำอาหารเป็นด้วย"
"หุบปาก นางเป็นสาวใช้ของข้า ไม่ใช่พี่สะใภ้บัดซบอันใดของเจ้า!"
เซียวเย่บิดเบ้มุมปากตน สาวใช้หรือ? หากว่าเป็นเพียงสาวใช้เหตุใดศิษย์พี่ใหญ่กงจะต้องลนลานด้วยเล่า อีกทั้งแววตาที่มองแม่นางผู้นั้นก็เหมือนจะแปลกแปร่งอีกด้วย
ตอนที่ไม่มีสงครามเขาได้ชื่อว่านักรักแห่งแคว้นเซี่ย เรื่องพวกนี้เขาประสบพบเจอมาไม่น้อย เหตุใดจะมองไม่ออกเล่า
กงเหล่ยทำเป็นมองไม่เห็นสายตาคาดคั้นของเซียวเย่ เขาสั่งให้คนออกไป เซียวเย่เองก็ไม่คิดจะรั้งอยู่ต่อเช่นเดียวกัน เพราะยังมีเรื่องให้ต้องไปสะสาง เฉิงซุนเองก็มีงานต้องทำจึงขอตัวจากไปเช่นเดียวกัน
เมื่อคนออกไปแล้ว กงเหล่ยก็เดินไปที่โต๊ะอาหาร พบว่าอาหารที่นางทำมีกลิ่นหอมเป็นอย่างมาก เมื่อเขาได้ลองชิมคำหนึ่งก็พบว่าฝีมือทำครัวของนางไม่ด้อยเลยจริงๆ ทำให้มื้อนี้เขากินข้าวหมดไปถึงสามถ้วย
หลังจากที่กินอิ่มแล้ว เขาก็เรียกทหารที่เฝ้าอยู่หน้ากระโจมให้เข้ามาพบก่อนจะเอ่ยสั่งการออกไป
"ไปตามท่านหมอจ้าวมาพบข้าหน่อย แล้วไปตามแม่นางไต้ที่โรงครัวมาด้วย
