ตอนที่ 2-3
พบขวัญมาทำงานแต่เช้าเพื่อเตรียมเข้าประชุมร่วมกับผู้จัดการแต่ละฝ่าย แม้จะมีอาการสะลึมสะลือเพราะนอนน้อย แต่คาแฟอีนแรงๆหนึ่งแก้วใหญ่ก็ทำให้สมองทำงานแล่นขึ้นอีกนิดหน่อย ระหว่างเตรียมเปิดโน้ตบุ๊คพรีเซ้นต์ผลการดำเนินงานในแผนกจัดซื้อ เลขาสาวของเจตนิพัทธ์ก็เดินสีหน้างุนงงเข้ามาบอกกับผู้เข้าร่วมประชุมวันนี้ว่าขอยกเลิกการประชุมไปก่อนแล้วจะแจ้งให้ทราบอีกครั้งว่าจะประชุมใหม่อีกครั้งวันไหน
อารดาผู้จัดการแผนกของเธอเป็นคนที่พูดแทนใจคนที่นั่งอยู่ในห้องนั้นทุกคน
“คุณเจตนิพัทธ์ไปไหนหรือคะคุณอุทุมพร หรือว่าไปต่างประเทศกะทันหัน” เจตนิพัทธ์มีตำแหน่งเป็นรองประธานรอขึ้นตำแหน่งประธานต่อจากบิดาอีกไม่นานนี้ ซึ่งการประชุมวันนี้เจตนิพัทธ์เป็นฝ่ายกำหนดขึ้นเพื่อขอทราบผลการดำเนินงานของแต่ละแผนกในทุกกลางเดือนแต่เขากลับไม่มา
“ไม่ใช่ค่ะ คุณเจตนิพัทธ์ไม่ได้ไปต่างประเทศ แต่อย่าถามดิฉันนะคะว่าไปไหน เพราะดิฉันก็ไม่ทราบ” อุทุมพรบอกแค่นั้นแล้วรีบหมุนตัวกลับออกไป ทิ้งไว้แต่ความอยากรู้ให้ทุกคนสงสัย
พักเที่ยง พบขวัญรีบออกมาพักทานข้าว โดยขออนุญาตอารดาไว้ล่วงหน้าว่าอาจเข้าสายหนึ่งชั่วโมงเพื่อไปทำธุระที่ธนาคารแต่ความเป็นจริงแล้วเธอนัดเพื่อนที่สถาบันสอนภาษาอังกฤษไว้ พบขวัญใจร้อนจึงรีบออกไปหาเพื่อน เมื่อไปถึงสถาบันสอนภาษา เธอก็รีบบอกประชาสัมพันธ์ รอไม่นานเพื่อนของเธอก็เดินออกมา
พบขวัญตามเพื่อนเข้าไปนั่งในห้องสอนหนังสือที่ยังไม่มีคลาสเรียนในชั่วโมงนี้ เพื่อนสาวปิดประตูแล้วนั่งลง พบขวัญเห็นสีหน้าของเพื่อนก็พอรู้ว่าจะเป็นข่าวร้าย
“เสียใจด้วยนะขวัญตอนนี้เด็กๆอยากเรียนกับครูต่างชาติมากกว่า อีกอย่างตอนนี้คู่แข่งมากขึ้นคนมาเรียนที่สถาบันน้อยลง ฉันไม่อยากจ้างครูเพิ่ม ฉันจะโทรไปบอกเธอแต่เธอรีบมาหาฉันเสียก่อน เธอคงไม่ว่าอะไรนะ”
พบขวัญส่ายหน้าเศร้าๆ “ฉันจะไปว่าอะไรเธอได้ล่ะ ฉันเข้าใจเธอดี ขอบใจเธอมากนะ”
ร่างบอบบางในชุดเดรสสีขาวเข้ารูปล่ำลาเพื่อนแล้วเดินออกมาอย่างสิ้นหวัง พลันดวงตากลมโตก็เหลือบไปเห็นคนกลุ่มหนึ่งกำลังวิ่งตามชายคนหนึ่งอย่างเอาเป็นเอาตาย พบขวัญมองไปที่ชายที่วิ่งเร็วๆอยู่ข้างหน้าราวกับหนีการตามไล่ล่าในหนังบู๊แอ็คชั่นแล้วต้องเบิกตากว้าง อุทานเสียงดัง
“เท็ด! เกิดอะไรขึ้น” พบขวัญมองอย่างตกตะลึง จู่ๆ เจตนิพัทธ์ก็มาปรากฏตัวที่นี่ เขามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรกัน เมื่อกวาดมองตามร่างสันทัดของเพื่อนชายที่วิ่งตรงไปข้างหน้าอย่างไม่คิดชีวิตก็ยิ่งตกใจมากขึ้นไปอีก เพราะข้างหลังเขาก็มีชายในชุดสูทอีกสามคนวิ่งตามราวกับแมวไล่จับหนู ร่างสูงของคนพวกนั้นวิ่งเร็วมากเหลืออีกเพียงไม่ถึงสองก้าวก็ถึงตัวเขาแล้ว “คนพวกนั้นเป็นใคร นี่มันอะไรกัน”
ด้วยความเป็นห่วง เธอจึงรีบวิ่งข้ามถนนไป ตั้งใจจะวิ่งตามไปเท่าที่ทำได้ แต่แล้วขาเรียวยาวในรองเท้าส้นสูงสามนิ้วก็ต้องหยุดอยู่กับที่ ดวงตาเบิกกว้างตะลึงงัน เมื่อกำแพงมนุษย์ร่างใหญ่ของใครคนหนึ่งมาขวางทางไว้ เขาตรึงเธออยู่กับที่ด้วยแผงอกกว้าง
พบขวัญเตรียมอ้าปากไล่ให้คนที่เดินมาขวางไปให้พ้นทางก็ต้องเปลี่ยนเป็นอ้าค้าง “คุณอีกแล้วเหรอ!” ร่างบางหันหลังกลับตั้งใจจะวิ่งหนีบ้างแต่ช้าไปเมื่อเขาดึงเธอหันกลับมาเผชิญหน้า
“สวัสดี เราเจอกันเป็นครั้งที่สามในประเทศไทย แบบนี้แสดงว่าเรามีชะตาต้องกัน”
“ฉันไม่อยากมีชะตาต้องกับคุณ” เธอตอกกลับ แต่แล้วก็รู้สึกถึงลางสังหรณ์อะไรบางอย่าง “คุณมาทำอะไรที่นี่”
เขายิ้มลึกลับแทนคำตอบ เธอพยายามมองข้ามไหล่เขาไปแต่ไม่เห็นอะไรนอกจากบ่าบึกบึนในชุดสูทตัดเย็บอย่างประณีต พบขวัญมึนงงไปหมด
“มองหาอะไรอยู่งั้นเหรอ”
“ฉันเห็นคนรู้จัก ช่วยหลีกทางให้ด้วย รู้ตัวไหมว่าขวางทางคนอื่น”
“ถ้าผมไม่หลีกทางให้จะเกิดอะไรขึ้น” เขาถามอย่างท้าทายทำให้พบขวัญต้องเม้มปากแน่นมองว่านั่นเป็นการยียวน ก่อนจะเดินหนีเขาก็ถูกจับข้อศอกกลมกลึงไว้ “ผมมีเรื่องต้องคุยกับคุณพบขวัญ”
“ฉันไม่เห็นว่าเราจะมีเรื่องอะไรต้องคุยกัน”
“ทำไมจะไม่มี ผมว่ามีเยอะเลยล่ะ แถมต้องคุยกันยาวเลย ผมปล่อยคุณมาสองครั้งแล้ว แต่ครั้งนี้ผมจะไม่มีทางปล่อยคุณไปอีก เพราะคุณมันคือตัวต้นเหตุของเรื่องนี้เลย ไปคุยที่ห้องเพ้นต์เฮ้าส์ของผม อ้อ ไม่ต้องกลัวผมปล้ำเมื่อคืนนี้ผมปล้ำมาเยอะแล้ว ผมแค่ต้องการตกลงกับคุณ”
พบขวัญหมั่นไส้กับความขี้โอ่เรื่องสาวของเขา แต่เธอไม่สนใจหรอก “ตกลงอะไร แล้วมันมาเกี่ยวอะไรกับฉัน”
“แน่ใจหรือพบขวัญ ถ้าผมต้องการคุยเรื่องเจตนิพัทธ์แฟนใหม่คุณล่ะ”
แววตาสีน้ำทะเลที่ซ่อนความเจ้าเล่ห์ไว้ทำให้พบขวัญรู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากล
“เท็ด! เกิดอะไรขึ้นคุณจะทำอะไรเขา”
ท่าทางผงะไปของพบขวัญทำให้โดมินิกรู้สึกไม่ชอบใจ แล้วตามด้วยความรู้สึกแปลกใจ ทำไมเขาต้องมีความรู้สึกหงุดหงิดติดจะหึงหวงแบบนี้ด้วยก็แค่ความสัมพันธ์ชั่วคืนหรือเขาเสียหน้าที่ถูกเธอปรามาสว่าไม่ติดใจ
เขาจำการพบกันครั้งแรกระหว่างเขาและพบขวัญในงานเลี้ยงบริษัทได้แม่นยำ ผู้ช่วยของเขาบอกว่าพบขวัญเป็นพนักงานใหม่ในแผนกจัดซื้อ ตอนนั้นเขาชอบใบหน้าสวยหวานราวกับกุหลาบแรกแย้มของเธอ พบขวัญมีรอยยิ้มเป็นกันเองให้กับทุกคน ดึงดูดให้เขาเข้าหาแต่เขาต้องเหนี่ยวรั้งตัวเองไว้เพราะกลัวจะเป็นจุดสนใจ
เขารอเวลาอย่างใจเย็นที่สุด เขาได้ข้อมูลเพิ่มเติมจากผู้ช่วยคนเดิมที่ไปหาข้อมูลมาให้จากฝ่ายบุคคลว่าพบขวัญเป็นคนไทย มาเรียนต่อที่ลอสเอนเจลิสและเพิ่งเรียนจบได้ทำงานที่บริษัทฯเขาเป็นที่แรก เขายิ้มให้กับข้อมูลนั้น เธอสวย ใส ฉลาดเข้ากับคนได้ดีที่สำคัญเธอทำงานในบริษัทฯเขา หมายความว่าเขาต้องได้เจอเธออีกแน่ แต่ตอนนั้นเขาอยากได้เธอไปร้องครางอยู่บนเตียงเขาเสียก่อนโดมินิกคิดอย่างว้าวุ่น เขาไม่อยากให้ไอ้หนุ่มหน้าไหนเข้าใกล้เธอ ถึงเธอจะดูคล่องแคล่วแต่ยังไงก็ยังมองออกว่าอ่อนประสบการณ์ เรื่องแรกก็คือการดื่มของเธอ เขารู้ในวันนั้นว่าเธอไม่ใช่นักดื่มเพราะพอเธอเจอทั้งเหล้าทั้งไวน์ในงานเลี้ยงที่เพื่อนๆต่างยื่นให้พร้อมๆกัน พบขวัญก็เริ่มหน้าแดง คอแดง กระทั่งประคองตัวไม่อยู่แล้วนั่นคือโอกาสของเสือที่รอคอยเวลาขย้ำเหยื่ออยู่แล้ว
เขาเห็นท่าไม่ดีจึงเดินเข้าไปช่วยเธอ รับหน้าที่พาเธอไปหาที่นั่งแล้วต่อจากนั้น เขาก็เหมือนได้ขึ้นสวรรค์ เพราะเนื้อตัวนุ่มเนียนภายใต้ชุดเดรสแบบเดียวกับที่เธอใส่อยู่ตอนนี้ยังตราตรึงอยู่ใต้ฝ่ามือเขา เนื้อตัวนุ่มนิ่ม หอมกรุ่นละมุนไปทั้งร่าง เรียกร้องให้เขาอยากกินแล้วอยากกินอีก แต่น่าเสียดายเพราะหลังจากเหตุการณ์คืนนั้น เช้าวันต่อมาเธอก็ลาออกไปจากบริษัท เขายังงุนงงตั้งแต่ตอนนั้นมาถึงตอนนี้ เขาสืบรู้แค่ว่าเธอกลับเมืองไทย หลังจากนั้นเขาก็ไม่ได้ตามหาเธออีกเพราะพบขวัญเป็นฝ่ายตัดสินใจไปจากเขาเอง และตอนนี้เขาก็ไม่ได้มาตามหาเธอแต่เป็นเรื่องบังเอิญเท่านั้นที่เธอกลายเป็นคู่รักของเจตนิพัทธ์
‘โลกโคตรกลมเลย ไม่ชอบการกลับมาเจอกันในสถานะนี้เลยผับผ่าสิ’ โดมินิกคิดในใจ แล้วต้องกลับมาสู่บทสนทนาปัจจุบันเมื่อเสียงหวานใสตะคอกเข้าหู
“เท็ดอยู่ที่ไหน คุณต้องเกี่ยวกับเรื่องนี้แน่ๆ ฉันเห็นเขาวิ่งหนีอะไรสักอย่าง เขาหนีคุณใช่ไหม คุณทำอะไรเขา”
โดมินิกยกยิ้มยียวน “ถามเป็นชุดผมไม่รู้จะตอบคำถามไหนก่อนดี แต่ผมตอบได้อย่างหนึ่งว่าผมกำลังตามไล่ล่าเขาอยู่เพราะแฟนใหม่คุณมันก่อคดีใหญ่เอาไว้กับผม”
พบขวัญหน้าซีดด้วยความกลัว นี่เขากลายเป็นพวกมาเฟียเถื่อนตั้งแต่เมื่อไร ถึงจะหวาดหวั่นแต่ก็ฝืนถามต่อ “เท็ดหนีคุณจริงๆด้วย พวกคุณมีปัญหาอะไรกัน เขาไปทำอะไรให้คุณ”
คราวนี้คนถูกถามมีสีหน้ากระด้างขึ้นจนพบขวัญสังเกตเห็น แล้วต้องตกใจ เมื่อเขาจับข้อมือเธอยึดไว้ราวกับกลัวเธอจะหนีไปอีกคน
“มันไม่ได้ทำอะไรผมหรอก แต่มันทำน้องสาวผมท้องน่ะสิ” เขาพูดแทบเป็นคำรามจนพบขวัญสะดุ้ง
“น้องสาวคุณท้อง!” พบขวัญตกใจ เธอสงสัยว่าเท็ดไปยุ่งกับน้องสาวของโดมินิกตอนไหน
“ไม่ต้องตกใจ ผมก็ตกใจเมื่อรู้เรื่องนี้ ผมถึงได้มาลากตัวมันไปรับผิดชอบกับสิ่งที่มันทำอย่างไงล่ะ คุณอาจต้องผิดหวังหน่อยนะที่ไม่ได้เข้าพิธีวิวาห์กับไอ้หน้าตัวเมียนั่น รู้ไหมผู้ชายที่เลวที่สุดในความคิดผม คือไอ้พวกผู้ชายที่ทำผู้หญิงท้องแล้วเสือกไม่รับผิดชอบ”
พบขวัญจ้องตาเขาไม่คิดว่าคนตรงหน้าจะคิดแบบนี้ ถ้าหากเธอบอกเขาก็หมายความว่าเขาจะรับผิดชอบเธอกับลูกอย่างนั้นหรือ แต่เธอไม่อยากให้เขารับผิดชอบเธอต้องการอยู่กับลูกอย่างสงบ “คุณคิดอย่างนั้นจริงๆเหรอ”
“จริงสิ แฟนใหม่คุณมันไม่สมควรเกิดเป็นผู้ชาย”
“เท่าที่ฉันรู้จักเท็ดเขาไม่ใช่คนแบบนั้น” พบขวัญเถียง เพราะหลายปีที่ผ่านมาเจตนิพัทธ์ดีกับเธอมาตลอด ทำตัวเป็นสุภาพบุรุษทุกครั้งที่พบกัน เธอจึงไม่เชื่อที่โดมินิกพูด
“อ้อ เข้าข้างกันเสียด้วย งั้นเราต้องคุยกันยาว ไปกับผมเดี๋ยวนี้”
“ไม่ฉันไม่ไป คุณไม่มีสิทธิ์มาสั่งฉัน ปล่อยฉันนะ”
“ถ้าไม่อยากให้แฟนใหม่ เอ่อ...ผมว่าเป็นสามีใหม่คุณไปแล้วมั้ง ถ้าไม่อยากเห็นมันถูกซ้อมจนตายก็อย่าเล่นตัวรีบตามผมมา เรื่องจะได้ง่ายขึ้น หรืออยากดูว่าผมจะทำจริงไหมจะได้สั่งไอ้พวกนั้นให้ตัดหูมันมาให้คุณดูก่อนสักข้าง”
พบขวัญเบิกตากว้าง แวบหนึ่งเธอเห็นแววเลือดเย็นพาดผ่านในดวงตาสีฟ้า “อย่าทำอะไรเขานะ”
“ถ้าไม่อยากให้ทำ ก็รีบตามมาก่อนที่ผมจะโมโหมากกว่านี้แล้วเปลี่ยนใจทำลงไปจริงๆ ไม่งั้นผัวใหม่คุณได้หูแหว่งแน่ หูแหว่งไม่เท่าไหร่แต่ถ้าผมหมั่นไส้มันมากๆ ไอ้ตรงนั้นผมจะตัดมันทิ้งทั้งแท่ง”
ที่บอกว่าหมั่นไส้โดมินิกก็เผลอพูดไปอย่างลืมตัว พอนึกถึงภาพที่มโนขึ้นในหัวว่าพบขวัญอยู่ใต้ร่างของไอ้หมอนั่นก็ทำให้เขาอยากสั่งกระทืบให้เจตนิพัทธ์กระอักเลือดตายไปซะตอนนี้แต่ติดว่าหลานอาจเป็นกำพร้าพ่อตั้งแต่ลืมตาดูโลกได้ไม่กี่เดือน
พบขวัญตัวแข็งทื่อคาดไม่ถึงว่าโดมินิกจะเปลี่ยนไปมากขนาดนี้ เมื่อก่อนเขาเป็นนักธุรกิจที่ดูสุขุม นุ่มลึก หรือนี่คืออีกมุมหนึ่งของเขาที่เธอไม่รู้เอง เธอเคยเสียท่าเขามาแล้ว จึงไม่อยากตามเขาไปที่ไหนอีก แต่เรื่องที่เขายกมาข่มขู่ก็ทำให้พบขวัญหมดทางปฏิเสธ เจตนิพัทธ์ดีกับเธอและลูกมาก เธอจะปล่อยให้เขาเป็นอะไรไปต่อหน้าต่อตาได้อย่างไร ถ้าเธอทำนิ่งเฉยก็คงกลายเป็นคนเนรคุณเกินไป
“ฉันยอมไปก็ได้ ถ้าคุณสัญญาว่าเท็ดจะปลอดภัย”
โดมินิกมองคนพูดด้วยความหงุดหงิด เขาโกรธที่รู้ว่าพบขวัญเป็นคนที่เจตนิพัทธ์จะแต่งงานด้วยจนทำให้เจตนิพัทธ์คิดหนีไปเมื่อเช้านี้ ถึงเมื่อสักครู่ได้รายงานจากลูกน้องว่าตามจับกลับมาได้แล้วแต่ก็ผิดที่ลูกน้องเลินเล่อไม่ทันระวังจนเจตนิพัทธ์หลุดออกมาจากห้องเพ้นต์เฮ้าส์ เขาโมโหมากที่เจตนิพัทธ์ไม่ยอมทำตามที่รับปากไว้ว่าจะกลับไปอเมริกาแต่โดยดี เพราะดูเหมือนว่าต้นเหตุของเรื่องจะเป็นที่ร่างเล็กตรงหน้าที่ผูกใจของเจตนิพัทธ์ไว้จนต้องพยายามหาทางหนีกลับไป
โดมินิกระซิบข้างหูอย่างหมั่นไส้ “ถามจริงเถอะใช้ท่าไหนเล่นสนุกกับมัน มันถึงติดใจอยู่หมัดเลย”
