ตั้งครรภ์ลับเทพบุตรลวง

122.0K · จบแล้ว
บุษบาบัณ/นศามณี
48
บท
24.0K
ยอดวิว
9.0
การให้คะแนน

บทย่อ

“พบขวัญ กลายเป็น ‘ซิงเกิลมัม’ เพียงเพราะ ‘ความผิดพลาดคืนเดียว’ ในงานเลี้ยงของบริษัทคู่ค้า เธอไม่ยอมปริปากบอกชายหนุ่ม ผู้ได้รับสิทธิ์ให้เป็นสามีคนแรกว่ามีสายเลือดก่อกำเนิดขึ้นในครรภ์ เธอเลือกที่จะฝังกลบอดีต และเดินหน้าเลี้ยงลูกชายเพียงลำพัง จนกระทั่งเวลาผ่านไป เขากลับมาทวงคืนสิทธิ์โดยชอบธรรม ด้วยเซ็กซ์อันเร่าร้อนที่จะทำให้เธอยอมมอบทั้งตัวเองและลูกให้กับเขา แล้วเธอจะหนีจากการตกเป็นทาสรัก ทาสอารมณ์ ของเทพบุตรร้ายได้อย่างไร!? คุณโดมินิก” เธอพึมพำชื่อนั้นในลำคอเพราะปากยังถูกปิดไว้ด้วยมือกำยำ ร่างทั้งร่างถูกคนตัวใหญ่ดันให้ติดผนังปูนด้านหนึ่ง เขาแนบร่างมากดทับเธอไว้ ทำให้พบขวัญรับรู้ถึงความทรงพลังในความเป็นบุรุษเพศของเขา เธอดิ้นรนน้อยลงเพราะรู้แล้วว่าไม่ใช่มิจฉาชีพแต่เป็นคนที่เธอคิดว่าหนีเขามาพ้นแล้วและอ้อนวอนพระเจ้าขออย่าได้เจอเขาอีกเลย “พบขวัญใช่คุณจริงๆใช่ไหมไม่คิดเลยว่าจะมาเจอกคุณที่นี่ เรามีเรื่องต้องคุยกัน” โดมินิกบอกความตั้งใจ “คุณจำคนผิดแล้ว ฉันไม่รู้จักคุณ” พบขวัญส่ายหน้าปฏิเสธแต่มีหรือที่โดมินิกจะเชื่อ เขายิ้มเย็น ประสานสายตากับดวงตากลมโตที่แสนตื่นตระหนกไม่ต่างจากกวางน้อยที่ติดบ่วงแร้วนายพราน “ผมจำคุณได้ทุกส่วนเลยพบขวัญ รวมถึงปานแดงเล็กๆใต้ราวนม” พบขวัญเบิกตากว้าง “คุณมันบ้า บางเรื่องไม่ต้องจำก็ได้”

นิยายรักโรแมนติกประธานเลขามาเฟียพระเอกเก่งพาลูกกหนีแต่งงานก่อนรักเลือดร้อนเศรษฐี

ตอนที่1-1 ตามล่าหัวขโมย

ลอสแอนเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย

เครื่องบินเช่าเหมาลำขนาดใหญ่กำลังทะยานลอยลำออกจากทวีปอเมริกามุ่งสู่อีกฟากโลกอย่างรวดเร็ว จุดหมายปลายทางของเครื่องบินลำนี้เป็นอีกทวีปที่ชายผู้เป็นใหญ่ที่สุดในเครื่องบินที่มีความปลอดภัยและทันสมัยมากที่สุดมาไม่บ่อยครั้งนัก ที่นั่นคือเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ ปลายทางคือประเทศไทย กรุงเทพมหานครนั่นเอง

ดวงตาสีฟ้าน้ำทะเลของโดมินิก เดฟ เฮลตัน ฉายแววเคร่งเครียดระหว่างทอดสายตามองผ่านกระจกเครื่องบินไปไกล ร่างหนากำยำในวัยสามสิบปีเอนกายพิงพนักที่รองรับอย่างนุ่มนวลแต่เจ้าตัวรู้ดีว่าร่างกายไม่ได้ผ่อนคลายอย่างที่ควรจะเป็น เพราะมีความขุ่นมัวในอารมณ์ที่ติดตัวตั้งแต่ก่อนออกเดินทาง ทำให้การเดินทางครั้งนี้ไม่เหมือนครั้งไหนที่ผ่านมา

โดมินิกเคยเดินทางมาที่ประเทศไทยเพียงครั้งเดียว นั่นคือตอนที่บิดาแต่งงานใหม่กับหญิงสาวชาวไทยแล้วเขาก็ไม่เคยมาอีกเลย เขามีมารดาเลี้ยงชาวไทยอยู่ร่วมชายคาคฤหาสน์ไม่นานเพราะอีกฝ่ายประสบอุบัติตกเขาตอนไปเล่นสกีทำให้บิดาของเขาเสียใจมากที่เข้าไปช่วยชีวิตไม่ทันจนเลือกที่จะครองตัวเป็นโสดไม่ยอมแต่งงานใหม่อีกเลย

เหตุการณ์วันนั้นไม่รู้จะเรียกโชคดีหรือโชคร้ายที่โดมินิกเลือกอยู่บ้านรับหน้าที่ดูแลน้องสาวต่างมารดาวัยสิบขวบ แล้วปล่อยให้บิดากับมารดาเลี้ยงไปฮันนีมูนรอบที่สิบด้วยกัน เขากับน้องจึงไม่ประสบชะตากรรมเลวร้ายนั้น แต่เขาก็ต้องแบกภาระในฐานะผู้ปกครองคนใหม่ของวิโอเล็ตน้องสาวต่างมารดาซึ่งเลือกรับส่วนดีๆ จากมารดาชาวไทย และรับเอานิสัยดื้อรั้นจากบิดามาเต็มๆ

นับจากวันนั้นโดมินิกจึงเติบโตขึ้นมาพร้อมกับวิโอเล็ต เขารักน้องสาวคนนี้มากเพราะวิโอเล็ตทำให้บ้านที่เงียบเหงามีชีวิตชีวาขึ้นมาแต่ในเวลาเดียวกันเธอก็ทำให้คฤหาสน์หลังใหญ่เหมือนสมรภูมิไปถนัดตา น้องสาวของเขาไม่ใช่สาวน้อยอ่อนหวานแต่เธอเปรียบเหมือนนางมารตัวน้อย

หลังวิโอเล็ตเสียมารดาไปเขาก็ต้องกลายเป็นคนที่คอยปลอบใจทำให้นางมารตัวน้อยมีเสียงหัวเราะออกมาได้บ้าง เขาเข้าใจวิโอเล็ตเพราะเคยผ่านช่วงเวลาเลวร้ายนี้มาก่อน และไม่ได้รู้สึกรังเกียจที่อีกฝ่ายเป็นน้องเลี้ยงเพราะเขาเองเป็นคนขอให้บิดาแต่งงานใหม่เพราะไม่อยากเห็นท่านซึมเศร้าจมปลักกับอดีตหลังเสียแม่ของเขาไป

ดังนั้นวิโอเล็ตจึงกลายเป็นน้องสาวที่ติดพี่ชายแจ กระทั่งเติบโตเป็นสาวไม่ว่าจะเลือกเรียนอะไร มหาวิทยาลัยไหน คบใครเป็นเพื่อน วิโอเล็ตจะเล่าให้พี่ชายคนเดียวฟังเสมอกลายเป็นกิจวัตรของสองพี่น้อง แม้โดมินิกจะมีงานยุ่งจากการบริหารธุรกิจเครื่องดื่มบำรุงกำลังของครอบครัวแต่เขาก็จะรับสายวิโอเล็ตทุกครั้งที่เธอโทรมาหรือไม่เขาก็จะโทรกลับหากไม่สามารถรับสายในเวลานั้นได้ เพราะรู้ว่าถ้าไม่โทรกลับเธอจะโทรมาอีกหลายๆสายจะเรียกว่าจิกเก่งเป็นนกก็คงไม่ผิดนัก เขาสาบานเลยว่าถ้ามีแฟนจะไม่เลือกสาวสวยที่มีนิสัยเหมือนน้องสาวเด็ดขาด

ทว่าเขาคิดว่าเขาสนิทกับน้องสาวมากแล้ว แต่ก็ยังมีบางเรื่องที่วิโอเล็ตไม่ยอมเล่าให้เขาฟัง โดมินิกวางใจจนกลายเป็นชะล่าใจ เมื่อน้องสาวคนสวยเปลี่ยนไป จากหญิงสาวที่เคยหัวเราะเสียงใสทุกครั้งที่เจอเขากับบิดา กลายเป็นคนเก็บตัวไม่ค่อยพูด เขาสงสัยแต่งานที่รัดตัวก็ทำให้ไม่มีเวลาคุยกันเหมือนเดิม อีกอย่างเขาก็เชื่อตามที่วิโอเล็ตบอกว่ายุ่งกับการสอบเทอมสุดท้ายของการเรียนจนทำให้ไม่มีเวลา

และเขาดันโง่เง่าที่เชื่อโดยไม่เอะใจสักนิดว่าน้องสาวกำลังมีความรักแต่ยังจัดการกับความรักไม่เป็น ความรักครั้งนั้นเป็นรักครั้งแรกของวิโอเล็ต และมันก็พังยับเยิน ซึ่งเขามารู้ทีหลัง เหตุการณ์เกิดขึ้นแค่ปลายจมูกแต่เขาดันไม่รู้ มันช่างน่าเจ็บใจนัก เหตุการณ์ในวันนั้น คืนงานเลี้ยงฉลองครบรอบห้าสิบปีของบริษัทที่เปลี่ยนแปลงชีวิตของวิโอเล็ตไปตลอดกาล

“เจ้านายครับอีกครึ่งชั่วโมงเราจะถึงกรุงเทพมหานครแล้วครับ” เสียงของบอดี้การ์ดคนสนิทหยุดความคิดในอดีตของโดมินิก เขาเงยใบหน้าดุดันขึ้นมองก่อนสั่งเสียงกระด้างจากอารมณ์ที่ยังขุ่นมัว

“เตรียมรถให้พร้อมฉันจะไปลากคอไอ้คนที่มันทำให้วิโอเล็ตต้องตายทั้งเป็นมาให้ได้ ฉันจะสะสางเรื่องนี้ให้จบเร็วที่สุด มันจะต้องไปรับผิดชอบกับสิ่งที่มันทำไว้”

บอดี้การ์ดหนุ่มนามว่าโรเจอร์โค้งศีรษะรับคำสั่ง เขาติดตามโดมินิกมานานตั้งแต่อีกฝ่ายเข้ามารับตำแหน่งซีอีโอแทนบิดาที่เกษียณตัวเองไปหลายปีแล้ว โดมินิกเป็นนักธุรกิจที่เก่งกาจ แต่อีกด้านเขาก็เป็นคนที่เลือดเย็น โหดร้ายหากว่าใครที่คิดจะมาเป็นศัตรูก็นับว่าคิดผิดมหันต์เพราะโดมินิกจะเล่นงานชนิดกัดไม่ปล่อยจนอีกฝ่ายต้องร้องขอชีวิต ถึงแม้ว่าจะอ้อนวอนขอชีวิตก็ใช่ว่าคนอย่างเจ้านายเขาจะปล่อยง่ายๆ หลายคนจึงลงความเห็นว่านักธุรกิจเพลย์บอยหนุ่มคนนี้เป็นคนเลือดเย็นยกเว้นวิโอเล็ตเท่านั้นที่คิดว่าพี่ชายของเธอไม่ได้เป็นแบบที่ใครหลายคนคิดมันเป็นเพียงเกราะที่โดมินิกสร้างขึ้นเพื่อปกป้องตัวเองเท่านั้น

โรเจอร์ยังคิดต่อ เหมือนอย่างเช่นครั้งนี้ที่ชายหนุ่มชาวไทยผู้ไม่รู้ว่าชะตากรรมตัวเองว่ากำลังจะถึงฆาตที่กล้าไปทำลายแก้วตาดวงใจของครอบครัวเฮลตันให้ต้องอับอายเสียใจจากการตั้งครรภ์โดยไม่มีพ่อของเด็ก และนี่คือสาเหตุสำคัญของการเดินทางมาประเทศไทย หลังจากเจ้านายเขาเค้นถามจากคุณหนูวิโอเล็ตมาได้ว่าใครเป็นพ่อ โดมินิกก็สั่งให้เขาสืบประวัติไอ้หนุ่มดวงจู๋อย่างเร่งด่วน ทันทีที่เจ้านายเขารู้ก็วางแผนการเดินทางมาประเทศไทยทันที

“ผมเตรียมรถกับคนขับที่ชินเส้นทางไว้เรียบร้อยแล้วครับ นักสืบที่เราให้คอยตามก็ให้ข้อมูลบ้านกับที่ทำงานมาหมดแล้ว วันนี้ไอ้หนุ่มนั่นไปทำงานครับ เราไปดักเจอตอนเย็นรับรองต้องได้ตัวมาอย่างแน่นอน งานนี้ไม่พลาด”

โดมินิกแสยะยิ้มเหี้ยมเกรียม “ดีมาก ฉันอยากเจอหน้ามันเร็วๆ ไอ้คนสารเลว ทำผู้หญิงท้องแล้วไม่รับผิดชอบ ฉันอยากเจอหน้ามันนัก ฉันจะอัดมันให้เละด้วยตัวฉันเอง แล้วฉันจะลากคอมันไปขอโทษวิโอเล็ตให้ได้ มันจะต้องรับผิดชอบสิ่งที่มันทำไว้อย่างสาสมไอ้เจตนิพัทธ์”

ภายในร้านกาแฟแบรนด์ดัง โดมินิกลงจากเครื่องบินแล้วกำลังนั่งรอให้โรเจอร์นำรถมารับ โดยระหว่างนั้นเขาก็อ่านแฟ้มประวัติของครอบครัวเจตนิพัทธ์ไปด้วย เขาอ่านจบและปิดลงอย่างไม่สนใจอีกต่อไปเนื่องจากสมองชาญฉลาดจดจำได้หมดในเวลาเพียงไม่กี่นาที โดมินิกเหยียดยิ้ม ครอบครัวเจตนิพัทธ์มีจุดโหว่ให้เขาเล่นงานได้หลายอย่างอย่างแรกก็คือเรื่องธุรกิจที่เริ่มขาดสภาพคล่อง เขาก้มมองเวลาที่นาฬิกาข้อมือ ใกล้ได้เวลาที่จะไปสะสางเรื่องเจตนิพัทธ์ให้เสร็จเสียที

ร่างสูงลุกจากโซฟาที่นั่งอยู่ ดันประตูออกไปด้วยใบหน้าเคร่งขรึม ไม่สนว่าจะมีสาวๆมองตามตาปรอยพร้อมจะทอดสะพานคอนกรีตมาให้อย่างไร เพราะเขามีจุดมุ่งหมายอย่างอื่นที่สำคัญกว่า ทว่าดวงตาสีฟ้าต้องเบิกกว้าง นิ่งงันอยู่กับที่เมื่อเห็นร่างบอบบางคุ้นตาเดินผ่านหน้าไปในอีกฟากถนน เขาเพ่งมองอยู่ครู่ถึงมั่นใจว่าเขาจำคนไม่ผิด

“ไม่คิดว่าจะมีโชคสองชั้น” โดมินิกหัวเราะในลำคอ ดวงตาเป็นประกายพราวระยับ

อีกฟากตรงข้ามหญิงสาวรูปร่างเพรียวบางในชุดเดรสทำงานพอดีตัวสีดำสนิทกำลังเดินเร็วๆ ออกมาจากร้านอาหารร้านหนึ่ง เธอเดินปะปนกับคนอื่นๆที่เป็นเพื่อนร่วมทาง แต่ความสวยเปล่งปลั่งของเธอกระจายออกแผ่รอบตัวจนสะดุดตาเขาเข้าอย่างจัง

โดมินิกรีบก้าวออกมาจากประตู แล้ววิ่งข้ามถนนตรงไปทางที่เธอเดินปะปนกับคนอื่นๆ โดมินิกคิดว่าเขาจำไม่ผิดเธอคือ พบขวัญ ทวีกานต์ คู่นอนคืนเดียวที่หนีหายจากเขาไปทันทีในวันรุ่งขึ้น เธอเป็นอดีตพนักงานของเขาด้วยอีกหนึ่งตำแหน่งแต่ก็ลาออกไปทันทีหลังจากผ่านค่ำคืนอันเร่าร้อนด้วยกันซึ่งเขาอยากรู้นักว่ามันเกิดอะไรขึ้น

พบขวัญทำให้เขาเสียความมั่นใจพอควร เขาทำอะไรพลาดไปเธอถึงได้รีบร้อนจากไปไม่แม้กระทั่งบอกลา โดมินิกเสียดายที่ยังรู้จักเธอไม่เต็มที่ กินเธอไม่เต็มคราบ แต่เธอก็มาชิงลาออกหนีกลับบ้านเกิดเมืองนอนเสียก่อน

แม้ไม่รู้ว่าเธอจะเดินไปสิ้นสุดที่ไหน แต่เขาจะต้องตามไปคุยกับเธอให้รู้เรื่อง เขารีบสาวเท้าเร็วๆจนทันเธอขณะเธอเดินเข้าไปภายในศูนย์การค้าแห่งหนึ่ง ด้วยเสียงดังจอแจ กับความพลุกพล่านของคนที่มาช้อปปิ้งทำให้คนที่ถูกตามมานานไม่ทันสังเกต

โดมินิกจำดวงตาคู่หวาน กับรอยยิ้มสดใสของพบขวัญได้ เธอน่ากินและถ้ามีโอกาสได้กินซ้ำสองเขาจะไม่ปล่อยโอกาสนั้นแน่ ร่างสูงใหญ่เดินตามร่างเล็กบางเข้าไปถึงด้านในศูนย์การค้า โดมินิกเห็นเธอหายเข้าไปในมุมที่เป็นห้องน้ำหญิง จะเดินตามเข้าไปก็ต้องชะงักฝีเท้าไว้อย่างใจเย็น ก็พอดีกับเสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น โดมินิกกดรับเขารู้ว่าเป็นโรเจอร์ตั้งแต่ยังไม่มองชื่อคนโทรเข้ามาด้วยซ้ำ

“ว่าไง มาถึงแล้วหรือ รออยู่ตรงนั้นแหละ เดี๋ยวฉันทำธุระเสร็จจะตามไป เท่านี้ก่อน” โดมินิกวางสายทันทีอย่างไม่มีอารมณ์จะคุยต่อ ตอนนี้มีอารมณ์อย่างเดียวคืออยากสานสัมพันธ์กับเธอคนนั้น พบขวัญ เขาจะต้องถามถึงสาเหตุที่เธอหนีหายไปพร้อมกับต้อนเธอขึ้นเตียงให้ได้อีกครั้ง

เสียงน้ำในอ่างถูกก็อกดันปิด พบขวัญหยิบกระดาษทิชชูมาเช็ดมือก่อนสะพายกระเป๋าแนบลำตัวแล้วผลักประตูห้องน้ำออกมา เธอเดินเร็วๆไปที่ลานจอดรถ วันนี้เธอออกมากินข้าวกลางวันนอกบริษัทฯเพราะต้องมาซื้อของใช้เข้าบ้าน เลยต้องยอมฝ่ารถติดออกมา ทั้งนม ทั้งแพมเพิร์สหมดพร้อมกันพอดีจนไม่สามารถรอได้อีกต่อไป หัวอกคนเป็นแม่กลัวลูกจะอดก็ต้องรีบออกมาหาซื้อไว้แม้นมจะมีราคาแพงขึ้นตลอดแต่ทุกๆเดือนมันคือสิ่งแรกที่เธอจะซื้อเข้าบ้านก่อน ส่วนตัวเธออดได้แต่ลูกอดไม่ได้

และด้วยความรีบเร่งกลัวเข้างานไม่ทันพบขวัญจึงไม่ทันระวังตัว ไม่รู้ว่ามีใครเดินตามออกมาด้วย พอหันกลับไปร่างบางก็ถูกมือหนาของใครไม่รู้คว้าตัวไว้แล้วดึงเข้าไปที่ประตูหนีไฟด้านหนึ่ง

ด้วยความตกใจพบขวัญหวีดร้องลั่น แต่ถูกมือหนาปิดปากไว้ ร่างบอบบางใช้ปลายรองเท้าส้นสูงกระแทกลงไปบนรองเท้าอีกฝ่ายเพื่อให้ร่างกายหลุดพ้นพันธนาการแต่เขาหลบทัน เธอมองคนทำเรื่องอุกอาจด้วยดวงตาหวาดผวาก่อนจะเปลี่ยนเป็นตกใจตามด้วยประหลาดใจ

“คุณโดมินิก” เธอพึมพำชื่อนั้นในลำคอเพราะปากยังถูกปิดไว้ด้วยมือกำยำ

ร่างทั้งร่างถูกคนตัวใหญ่ดันให้ติดผนังปูนด้านหนึ่ง เขาแนบร่างมากดทับเธอไว้ ทำให้พบขวัญรับรู้ถึงความทรงพลังในความเป็นบุรุษเพศของเขา เธอดิ้นรนน้อยลงเพราะรู้แล้วว่าไม่ใช่มิจฉาชีพแต่เป็นคนที่เธอคิดว่าหนีเขามาพ้นแล้วและอ้อนวอนพระเจ้าขออย่าได้เจอเขาอีกเลย

“พบขวัญใช่คุณจริงๆใช่ไหมไม่คิดเลยว่าจะมาเจอกคุณที่นี่ เรามีเรื่องต้องคุยกัน” โดมินิกบอกความตั้งใจ

“คุณจำคนผิดแล้ว ฉันไม่รู้จักคุณ” พบขวัญส่ายหน้าปฏิเสธแต่มีหรือที่โดมินิกจะเชื่อ เขายิ้มเย็น ประสานสายตากับดวงตากลมโตที่แสนตื่นตระหนกไม่ต่างจากกวางน้อยที่ติดบ่วงแร้วนายพราน

“ผมจำคุณได้ทุกส่วนเลยพบขวัญ รวมถึงปานแดงเล็กๆใต้ราวนม”

พบขวัญเบิกตากว้าง “คุณมันบ้า บางเรื่องไม่ต้องจำก็ได้”

แล้วพบขวัญก็รู้ว่าเธอพลาดท่าเขาให้แล้ว นี่แหละนะที่เขาเรียกว่าโกรธคือโง่โมโหคือบ้า

“ใช่คุณจริงๆด้วย ยอมรับมาเถอะ” เขาบอกแล้วยังกักร่างบอบบางไว้ในวงแขน