บทย่อ
ประโยคที่หญิงสาวบอกกับเขาในวันนั้นมันดังก้องในหูเขาในตอนนี้ จู่ๆมารดาก็ยื่นคำขาดว่าหากเขาไม่สามารถมีหลานให้ผู้เป็นแม่ได้ภายในหนึ่งปีจะถูกตัดออกจากกองมรดก ซึ่งเขาเองก็เป็นประเภทที่รักความเป็นส่วนตัวไม่อยากให้ใครหน้าไหนมายุ่งเกี่ยวแต่กับกระท้อนเขาไม่คิดแบบนั้น เขาคิดว่าหญิงสาวเหมาะสมแล้วที่จะมารับหน้าที่แม่อุ้มบุญลูกที่กำลังจะเกิดมา ด้านหญิงสาวพอรู้ว่าเขาต้องการความช่วยเหลือก็ตอบตกลงทันทีแม้สิ่งที่เขาขอร้องให้ช่วยมันจะยิ่งใหญ่แค่ไหนก็ตาม "ขอบคุณที่ช่วยเหลือกระท้อนนะภาม ในอนาคตถ้าภามอยากให้กระท้อนช่วยอะไรภามบอกกระท้อนได้เลยนะ" "กระท้อนยังจำประโยคนั้นได้อยู่หรือเปล่า ตอนนี้ภามมีเรื่องให้กระท้อนช่วย" "..." “ช่วยมาเป็นแม่ให้ลูกของภามหน่อย”
บทที่ 1 บทนำ
หลังจากที่กลับมาถึงคอนโดเขาก็จมอยู่กับความคิดตัวเองที่พยายามจะหาทางออก จู่ๆประโยคหนึ่งในอดีตที่เขาไม่คิดว่าในอนาคตเธอจะตอบแทนอะไรเขาได้กับเป็นหนทางเดียวที่เขาจะรอด
"ขอบคุณที่ช่วยเหลือกระท้อนนะภาม ในอนาคตถ้าภามอยากให้กระท้อนช่วยอะไรภามบอกกระท้อนได้เลยนะ"
ประโยคที่หญิงสาวบอกกับเขาในวันนั้นมันดังก้องในหูเขาในตอนนี้ มารดายื่นคำขาดว่าหากเขาไม่สามารถมีหลานให้เขาได้ภายในหนึ่งปีจะถูกตัดออกจากกองมรดก ซึ่งเขาเองก็เป็นประเภทที่รักความเป็นส่วนตัวไม่อยากให้ใครหน้าไหนมายุ่งเกี่ยวแต่กับกระท้อนเขาไม่คิดแบบนั้น เขามองเธอเป็นเพื่อนคนหนึ่งที่สามารถปรึกษาเรื่องต่างๆได้และเขาคิดว่าหากกระท้อนรักษาสัญญาที่เคยให้ไว้ได้ก็วินๆทั้งคู่นี่หน่าไม่เห็นมีอะไรเสียหาย ภรัณยู หรือ ภาม รีบต่อสายหาเพื่อนสมัยเด็กของเขาทันทีที่คิดว่านี่จะเป็นทางออกที่ดีที่สุดให้เขา
"ฮัลโหล"
"สวัสดีครับใช่กระท้อนไหมครับ"
"ใช่ค่ะใครกำลังพูดสายคะ"
"ภาม จำภามได้ไหม"
"ภาม? นายปลาหมึกหรอ"
"อย่าเรียกแบบนั้นสิ"
หลายปีก่อน
เขายังจำเหตุการณ์ในวันนั้นได้ดี เขามีโอกาสได้ไปค้างต่างจังหวัดกับคุณย่าคุณปู่หลายวันนั่นทำให้เขาได้รู้จักกับกระท้อนสาวน้อยมากความสามารถ ที่นั่นบรรยากาศดีมากยามเช้าก็จะมีหมอกปกคลุมอากาศเย็นสบายไม่ร้อนและให้ความรู้สึกแออัดเหมือนอยู่ในเมืองหลวงของไทย กระท้อนอาศัยในระแวกเดียวกันกับชายหนุ่มทำให้มีโอกาสได้มาเล่นด้วยกันและมีอยู่ครั้งหนึ่งเขาฝึกกินปลาหมึกสดครั้งแรกและมันก็เกาะหนึบที่ใบหน้าของเขา เขาร้องโวยวายเพราะความตกใจจนกระท้อนที่เดินผ่านมาต้องรีบเข้ามาช่วย
"แค่นี้เองไม่เห็นต้องโวยวายเลยนะภาม"
"ขอบใจนะ"
"ขอตัวก่อน"
"เดี๋ยวสิจะรีบไปไหนน่ะ"
"ไปหาคุณยายที่โรงพยาบาล"
"คุณยายเป็นอะไรหรอ"
"ไม่รู้สิรู้แต่ว่าท่านต้องผ่าตัด แม่บอกมาแค่นั้น"
"เป็นหนักเลยหรอ"
"ใช่ ฉันอยากช่วยแม่หาเงิน แม่บอกว่ามันแพงมาก"
"จริงหรอให้ภามช่วยดีไหม"
"นายมีเงินหรอยังเด็กเหมือนกระท้อนไม่มีผิด"
"ไม่มี"
"อ้าว" คำตอบของภามทำให้ความหวังที่มีอยู่น้อยนิดดับสูญ
"แต่พ่อภามมีนะ พ่อภามช่วยได้"
"เกรงใจ"
"ไม่ต้องเกรงใจหรอก เดี๋ยวคุณยายก็ไม่ได้ผ่าตัดหรอกถ้ามัวแต่เกรงใจ" ภรัณยูหนุ่มน้อยวัยสิบสี่ปีโทรหาคนเป็นพ่อทันที เขามั่นใจว่าบิดาของเขาจะต้องช่วยคุณยายของกระท้อนได้แน่ๆ บิดาของเขามักจะช่วยเหลือคนอื่นเสมอ ค่าใช้จ่ายที่แม่ของกระท้อนต้องจ่ายส่วนต่างประมาณสองหมื่นกว่าบาทแม้จะไม่ใช่จำนวนที่น้อยแต่เขามั่นใจแน่นอนว่าพ่อของเขาจ่ายไหว การผ่าตัดผ่านไปได้ด้วยดีแต่ที่บ้านยังหาเงินได้ไม่พอมารดาของกระท้อนจึงอยากจะมาขอผ่อนผัน
“ยาย! ยายฟื้นแล้ว เย้ๆ ยายของกระท้อนฟื้นแล้ว” กระท้อนกระโดดโลดเต้นดีใจยกใจเมื่อคุณยายฟื้นคืนสติ
“เสียงดังจริงๆหลานสาวคนนี้” ยายกระจ่างบอกออกไปน้ำเสียงแหบพร่า
“ฮ่าๆก็กระท้อนดีใจนี่หน่า รักยายนะคะ”
“ดื่มน้ำก่อนจ้ะแม่”
“ขอบใจนะแม่กระถิน ยายก็รักกระท้อนนะ รักมาก กระท้อนกับแม่ของกระท้อนเป็นดวงใจของยายนะรู้ไหม”
“รู้สิคะเพราะยายกับแม่ก็เป็นดวงใจของกระท้อนเหมือนกัน” กระถินยิ้มทั้งน้ำตาดีใจที่ผู้เป็นแม่ปลอดภัยดีแล้ว แต่ในใจก็นึกเป็นกังวลเรื่องค่ารักษา เธอไม่แน่ใจว่าทำไมได้ผ่าตัดทันทีทั้งๆที่ยังไม่ได้ชำระค่าผ่าตัดบางส่วนตามข้อตกลง
"คะ คือค่ารักษา..."
"ค่ารักษาของคุณยายกระจ่างถูกชำระแล้วนะคะ ไม่มียอดค้างค่ะ"
"อะไรนะคะ" กระถินถามออกไปเสียงดัง หล่อนฟังอะไรผิดไปหรือเปล่านะ กระถินเดินใจลอยกลับมาหาลูกสาวที่นั่งรออยู่ที่ม้านั่ง
"แม่เป็นอะไรไปจ๊ะ"
"มีคนใจดีมาจ่ายค่ารักษาของยายให้เราแล้วลูก แม่ดีใจจริงๆ แม่ไม่รู้ว่าเขาเป็นใครแต่ถ้าสักวันแม่รู้แม่จะต้องขอบคุณเขาช่วยเหลืออะไรก็ได้ที่เราพอจะช่วยเหลือได้เป็นการตอบแทนบุญคุณ กระท้อนยิ้มออกมาเต็มใบหน้าดีใจที่สิ่งที่ภามพูดมันเกิดขึ้นจริง พ่อของภามช่วยให้คุณยายได้ผ่าตัดสำเร็จ
"ขอบคุณที่ช่วยเหลือกระท้อนนะภาม ในอนาคตถ้าภามอยากให้กระท้อนช่วยอะไรภามบอกฉันได้เลยนะ"
"ไม่เป็นไรเรื่องเล็กน้อยหน่า ช่วยเหลือกันมันเป็นสิ่งที่ควรทำไม่ใช่หรอ" เขาถามออกไปยิ้มๆ แค่คนข้างกายรู้สึกไม่เป็นทุกข์เขาก็พอใจแล้ว ในใจเขาคิดว่าเงินแค่นี้พ่อเขาไม่สะท้านหรอกชิลๆ

