บท
ตั้งค่า

ตอนที่4

คณิศรกับอธิคมมุ่งไปที่อาคารกันบุณยาลัย ซึ่งเป็นอาคารใหญ่สูงยี่สิบสองชั้น แบ่งออกเป็นอพาร์ตเมนต์หลายยูนิต คณิศรยึดเพนท์เฮ้าส์ชั้นบนสุดไว้เป็นที่พักส่วนตัว เพราะอยู่ใกล้อาคารที่ทำการของบริษัท ปกติเขามักจะอยู่ที่นี่ ไปอยู่บ้านใหญ่นอกเมืองของบิดา เฉพาะวันสุดสัปดาห์หรือโอกาสพิเศษ

อพาร์ตเมนท์นี้ให้คนเช่าเต็มตลอดปี ผู้เช่าส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ มีคนไทยอยู่บ้างสี่ห้าครอบครัว รวมอธิคมซึ่งยังโสดและอยู่คนเดียว คนไทยทุกคนที่พักอยู่ในอาคารบุณยาลัยนี้จะต้องเป็นเจ้าหน้าที่ของบริษัท ซึ่งคณิศรพิจารณาแล้วเห็นว่าเป็นผู้ทำประโยชน์ให้บริษัท และสมควรจะได้รับความช่วยเหลือเกี่ยวกับที่อยู่อาศัย ทุกคนไม่ต้องเสียค่าเช่าเพราะทางบริษัทให้ความอนุเคราะห์เต็มที่

คณิศรขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวใหม่ หยิบเสื้อผ้าสองสามชิ้นโยนใส่กระเป๋าใบเล็กเตรียมไปแรมคืนกับบิดา ทิ้งกระเป๋าเดินทางไว้ให้คนรับใช้รื้อออกตามสะดวก

คณิศรขับรถของเขาไปเองคราวนี้ โดยมีอธิคมร่วมทางไปด้วย

บุณยเวศม์ คฤหาสน์นอกเมืองของคณิศ จิตบุณย์ ก่อสร้างขึ้นมาอย่างสวยงามประณีต จากสมองและฝีมือของสถาปนิกชั้นนำ

เงินทุนอันไม่จำกัดช่วยให้บ้านหลังนี้เป็นปราสาทในฝันอย่างแท้จริง ห้องแต่ละห้องกว้างขวาง ตบแต่งงดงามด้วยรสนิยมสูง

ภายนอกเป็นสวนไม้ดอกไม้ใบแต่งเป็นแลนด์สเคป อันชวนมองไม่เบื่อ กำแพงสูงล้อมรอบที่ดินกว้าง แต่ละด้านไกลตัวคฤหาสน์ใหญ่ช่วยให้ปลอดจากสายตาคนภายนอก

ริมซ้ายมือของประตูใหญ่ปลูกเป็นเรือนพักคนยาม มีคนยามสองคนผลัดเปลี่ยนกันประจำหน้าที่ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง คณิศรและอธิคมต้องหยุดรถหน้าประตู ให้คนยามออกมาดูตัวให้แน่เสียก่อนว่าเป็นใครจึงเปิดประตูให้รถผ่านเข้าไปได้

“คุณพ่อนี่ประสาทเอาจริงๆ” คณิศรพูด “อีกหน่อยคงออกบัตรติดรถ พวกเราก็อาจต้องติดบัตรที่อกเสื้อยังกับจะเข้าฐานทัพจรวดที่ไหนสักแห่ง”

“ท่านห่วงแต่ว่าอาจมีคนเข้ามาขนพระพุทธรูป กับเครื่องลายครามที่ทานสะสมไว้” อธิคมพูดยิ้มๆ

“ใช่ ยิ่งได้มาใหม่แต่ละชิ้นก็ยิ่งประสาทกิน อีกหน่อยมีหวังล่ามสัญญาณกันขโมยทั้งบ้าน ใครเผลอไปโดนเข้าคงเอะอะยุ่งกันใหญ่”

คณิศรจอดรถลงใต้มุขหน้าบ้าน แล้วเดินขึ้นบันไดไปยังห้องโถง

“สวัสดีครับ คุณศร” คนรับใช้วัยกลางคนออกมาทำความเคารพ “เที่ยวนี้กลับเร็วหน่อยนะครับ”

“ฮื้อ คุณพ่อเป็นไงบ้าง นายประมวล”

“ตอนนี้ดีครับ ไม่มีอาการอะไร ทราบว่าคุณกลับมาแล้วก็ดีใจ จะรับประทานอาหารเย็นหรือเปล่าครับ”

“ไม่ล่ะ รู้นี่ว่าคุณพ่อทานแต่วัน เลยชวนอธิคมแวะกลางทาง กินกับเรียบร้อยแล้ว ฉันจะไปหาคุณพ่อเดี๋ยวนี้แหละ คม แกไปพักก่อนก็ได้นี่”

อธิคมพยักหน้าแล้วแยกทางไปชั้นบน ซึ่งเขามีห้องส่วนตัวจัดเตรียมไว้รับรองเสมอ เพราะคณิศรจำเป็นต้องสั่งงานอธิคมใกล้ชิดเพื่อให้ช่วยเป็นหูเป็นตา

คณิศ จิตบุณย์ ในวัยหกสิบ ยังไม่ถึงกับชราภาพจนทำอะไรไม่ได้ การที่เขาถอนตัวออกจากตำแหน่งประธานบริษัทเมื่อแปดปีก่อนนั้น มีสาเหตุสืบเนื่องมาจากโรคหัวใจกำเริบรุนแรงจนแพทย์ห้ามการตรากตรำงาน คณิศตั้งลูกชายขึ้นดำรงตำแหน่งแทนตัว โดยคิดว่าตนจะยังมีอำนาจสั่งงานทางบริหารผ่านลูกชายได้บ้าง

แต่คณิศรก็เป็นลูกพ่อ ชนิดทำอะไรชอบทำเอง และตัดสินใจเองทุกอย่าง

เขาเห็นว่าบิดาควรพักผ่อนจริงๆ และยกภาระทุกอย่างให้เขา เขาไม่ค่อยชอบหารือบิดาบ่อยนัก ทำให้คณิศทั้งชอบใจและทั้งเคืองอยู่บ้าง แต่เขาก็นับถือลูกชายในแง่ที่ว่า ถ้าเป็นตัวเขาเองเขาก็จะต้องทำอย่างนั้นเหมือนกัน

สรุปว่า อำนาจบริหารภายในบริษัททั้งหมดตกอยู่ในกำมือของคณิศรอย่างเด็ดขาด ถึงแม้คณิศจะมีเสียงอยู่บ้างในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่

คณิศต้อนรับบุตรชายคนเดียวด้วยความยินดีเห็นชัด

“เที่ยวนี้กลับเร็วดีนี่ลูก อธิคมโทรศัพท์มาบอกประมวลว่าจะมากัน พ่อดีใจเดินทางเรียบร้อยดีหรือ”

“ครับ ไม่มีอะไร น่าเบื่อหน่ายเท่านั้นเองตอนบินกลับนี่ผมอ่านรายงานไปได้เยอะ อยู่เฉยๆ ไม่มีอะไรทำก็สะสางงานอ่านเสียบ้าง เออ! อธิคมเขาว่าใครยกหลานให้ผมเป็นผู้ปกครองหรือครับ คุณพ่อ”

“ใช่ เด็กผู้หญิง ชื่อนิรา หลานสาวของแนบ ที่เคยทำงานอยู่กับพ่อครั้งเรายังมีไร่ พ่อชวนมาทำงานด้วยกันที่กรุงเทพฯ เขาไม่เอา อยากอยู่บ้านเกิดตอนหลังก็ได้ข่าวเขาบ้างนานๆ หนขาดการติดต่อกันหลายปี”

“อยู่ๆ ก็มายกหลานให้คุณพ่อเลี้ยง!”

“ไม่ใช่ยกให้พ่อ ยกให้แกต่างหาก”

“นั่นละครับ เขาตั้งใจให้คุณพ่อช่วยดูแลหลานเขาแต่พลาดมาเป็นผมเพราะเข้าใจผิดบางอย่าง ทำไมเขาจึงต้องยกหลานสาวของเขาให้คุณพ่อดูแลล่ะครับ ก็ขาดการติดต่อกันหลายปีอย่างว่า ญาติอื่นไม่มีหรือไง”

“ไม่มี พ่อแม่ตาย เด็กอยู่กับปู่มาแต่เด็ก แนบเป็นพ่อม่ายก็เลยมีกันแค่สองคนปู่กับหลาน”

“ทำไมเขาเลือกคุณพ่อครับ เห็นว่ามีเงินจะเลี้ยงดูหลานเขาได้สบายหรือไง”

“แกพูดอย่างนี้ เพราะแกไม่รู้จักแนบ”

คณิศปรามบุตรชาย ก่อนจะกล่าวติดต่อกันไป

“เงินน่ะไม่สำคัญ ถ้าเขายากได้เงินพ่อก็จะให้ เพราะพ่อรู้ว่าคนๆ นี้ไม่มีที่จะออกปากของ่ายๆ ถ้าขอก็แสดงว่าจำเป็นจริงๆ พ่อคิดว่าเขาไม่รู้ตัวว่าตัวจะไปปุบปับ แนบมีเพื่อนคนหนึ่งเป็นทนายความเรียกไปให้ช่วยร่างพินัยกรรมยกสมบัติให้หลาน...ก็ไม่มากมายหรอก...แล้วก็ขอให้แกช่วยดูแลหลานให้ด้วย เขาคงเห็นชื่อแกในหนังสือพิมพ์ เป็นประธานบริษัทจิตบุณย์ ก็เลยคิดว่าพ่อชื่อคณิศร ไม่ใช่คณิศเฉยๆ เพราะคณิศกับคณิศรมันใกล้เคียงกันต่างกันแค่ชื่อแกมีตัวร. เพิ่มมาอีกตัวหนึ่ง”

“พ่อเห็นเด็กนั่นหรือยังครับ”

“ยังเลยเมื่อแรกที่รู้ข่าว พ่ออยากไปดูแต่คิดอีกที...”

“ให้ผมไปดีกว่า” คณิศรดักคอ

“เขาออกชื่อแก ไม่ใช่พ่อ”

“เราจะทำอย่างไรกันดีล่ะครับ”

“แกจะให้ทนายจัดการให้ก็ได้นี่ แกไม่มีพันธะอะไรกับแนบ แต่พ่อก็ไม่อยากให้เอิกเกริกกันนัก อยากให้แกไปดูท่าทีก่อนว่าเด็กเป็นยังไง แล้วค่อยมาปรึกษากันอีกที พ่อเองก็อยากช่วยเพราะเป็นหลานของแนบ อย่างน้อยเราก็ควรส่งเสียให้เรียนจนจบเลี้ยงตัวเองได้ เอางี้ละกัน แกไปรับเด็กมาที่นี่ พ่อจะตัดสินใจเอง”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel