บท
ตั้งค่า

ตอนที่2

หล่อนไม่รู้ว่าพญามัจจุราชหน้าตาเป็นอย่างไรแน่ จะเหมือนไม่เหมือนกับที่เคยเห็นในภาพวาดตามวัด ตามโบสถ์ แต่ขณะนั้น หล่อนรู้สึกได้ว่า ปู่คนดี... คนเดียวของหล่อน ปู่ที่หล่อนรักยิ่ง... ญาติสนิทคนเดียวที่หล่อนเหลืออยู่ในโลก... กำลังถูกคุกคามด้วยเงามัจจุราช

ถึงอย่างนั้นปู่ก็ยังเป็นปู่ ตบหัวหล่อนเบาๆ เท่าที่แรงมี พร้อมกับพูดหยอกล้อ

“ร้องไห้อะไรนักหนา ปู่ยังไม่ตายซะหน่อย รีบร้องซะแต่ตอนนี้ พอปู่ตายเข้าจริงก็จะไม่มีน้ำตาไหลหรอกแก”

หล่อนฟุบหมอบในท่านั้นอยู่นาน ก่อนจะดึงกายนั่งตรงได้ กำมือเหี่ยวย่นราวคนแก่ๆ ของปู่ไว้ด้วยสองมือ

“ปู่ต้องอยู่กับนางนะ ต้องไม่รีบจากนางไปไหนนะ สัญญาสิปู่” หล่อนรบเร้า

“เออ... แกนี่ มันพูดอะไรเอาแต่ใจจริง...แล้วนี่ มายังไง ใครบอกไปงั้นรึ ปู่ก็สั่งแล้วนาว่าไม่ให้กวนแกเพราะแกกำลังจะสอบกลางภาค”

“นางสอบเสร็จแล้วล่ะจ้ะ ปู่ ตั้งใจจะกลับบ้านวันสองวันนี้อยู่พอดี”

ปู่พยายามจะลุกขึ้นนั่ง แต่เรี่ยวแรงไม่ค่อยมี หล่อนจึงเข้าช่วย แน่ใจว่าปู่นั่งได้มั่นคงแล้วก็ปล่อย ขยับมานั่งข้างฟูกตามเดิม

“ผลสอบเป็นยังไงบ้างล่ะ”

เสียงปู่ฟังหอบอยู่บ้าง เหมือนคนที่ออกแรงมากๆ มาหยกๆ ทั้งที่ความจริงก็ไม่ได้ออกแรงอะไรเลย

“ยังไม่ประกาศค่ะ แต่นางก็มั่นว่าจะผ่านทุกวิชา นางอาจไม่ใช่เด็กเรียนเก่ง ติดที่หนึ่งถึงสิบในชั้น อยู่ระดับกลางๆ เท่านั้น ปู่ก็รู้ แต่ยังไงก็แน่ใจจะผ่านทุกวิชา”

“ดี...”เสียงติดจะแหบพูดเท่านั้นก็ไอติดๆ กัน

“ปู่ไม่สบายมากี่วันมาแล้วคะนี่ แล้วเอายาอะไรที่ไหนมากิน ไปหาหมอหรือยัง”

“มีแล้ว ยาน่ะ”

หล่อนมองไปรอบๆ พบขันน้ำอลูมีเนียมบรรจุน้ำสีคล้ำๆ น้ำตาลไม่ใช่ ดำก็ไม่เชิง ก็ต้องถอนใจออกมา

ปู่รู้ใจหล่อนตามเคย เพราะรีบพูดขึ้น

“แกก็รู้ว่าปู่ไม่ชอบยาหมอที่อนามัย แล้วตั้งหนุ่มยันแก่... เป็นปู่แกมาสิบเจ็ดปีเข้าไปแล้ว เวลาไม่สบาย... เจ็บไข้ได้ป่วยถึงขั้นล้มหมอนนอนเสื่อ ปู่ก็ได้อาศัยรากไม้สมุนไพรทุกที ไม่เห็นต้องกินไอ้ยาเม็ดสีๆ ที่คนสมัยนี้นิยมกันสักที”

หล่อนส่ายหน้า แย้งขึ้นว่า

“แต่โลกมันเปลี่ยนไปแล้วนะคะปู่ ไม่เหมือนสิบ ยี่สิบ สามสิบปีที่ผ่านมา ถึงว่าเรื่องยาสมุนไพรจะกำลังถูกนำกลับมาเป็นทางเลือก ในการรักษาผู้ป่วย ที่ไม่จำกัดอยู่แค่ชาวชาวป่าที่อยู่ในถิ่นทุรกันดารไปมาไม่สะดวกอย่างเรา แต่สมุนไพรที่จะนำมาใช้ ก็ต้องได้รับการรับรองจากแพทย์แผนโบราณที่มีความรู้”

“แกจะว่าปู่ใช้สุ่มสี่สุ่มห้าทั้งที่ไม่มีความรู้ล่ะสิ”

ปู่ไอติดๆ กัน อีกพักใหญ่ คว้าขันน้ำยาสมุนไพรมาดื่มหลายอึกจึงพูดต่อ เสียงใสขึ้น

“ปู่จะบอกให้นะเจ้านางเอ้ย... เรื่องพืชสมุนไพร ทั้งที่หาได้ตามกลางบ้าน หรือที่อยู่ในป่า ปู่ของแกมีความรู้มากกว่าเจ้าพวกที่พยายามจะตั้งตนเป็นหมอเถื่อนนั้นอีก จะบอกให้”

สองวันแรกที่หล่อนกลับมาอยู่บ้าน อาการปู่ทำท่าจะดีขึ้น บ่ายวานนี้เอง ปู่ยังให้หล่อนช่วยพยุงพาลงไปเดินเล่นรอบๆ บริเวณบ้าน

อาหารมื้อเย็น ซึ่งหล่อนทำข้าวต้มให้ ปู่ก็กินได้เกือบครึ่งถ้วยตราไก่ขนาดถ้วยแกงทั่วๆ ไป ทำให้หล่อนค่อยใจมา รู้สึกยินดีเมื่อบอกตัวเอง เห็นทีปู่จะหายวันหายคืนแล้วละ

แต่แล้ว กลางดึกคืนที่ผ่านมานี้เอง ปู่ก็มีอาการไข้ขึ้น ตัวสั่นงากๆ ไม่ว่าหล่อนจะโปะผ้าลงไปกี่ผืน

หล่อนไม่มีทางทำอย่างอื่นได้เลย นอกจากคอยใช้ผ้าชุบน้ำบิดหมาด เช็ดตัวให้ เพราะเคยรู้มาว่า คนเป็นไข้ตัวร้อนมากๆ จะต้องทำให้อุณหภูมิในร่างกายลดลง จะได้ไม่ชัก

หล่อนแทบไม่ได้หลับได้นอนตลอดคืน ได้งีบนิดหน่อย เมื่อก่อนรุ่งสางนี้เอง หลังปู่หายจากอาการหนาวสั่น ไม่เพ้อพึมพำที่หล่อนจับความไม่ได้

นิรายืนเฉย ฟังเสียงเม็ดฝนโตๆ ตกกระทบหลังคาไม่ถึงนาทีก็เงียบไป

ฝนอย่างนี้ เรียกกันว่า ฝนไล่ช้าง เพราะแดดยังออก และตกอยู่ไม่นาน แต่ก็ช่วยให้ได้กลิ่นไอดินที่ฟุ้งขึ้นมา

ก็ไม่รู้ว่าไล่ช้างได้จริงหรือเปล่า

กำลังจะหมุนตัวกลับออกมาจากบานหน้าต่างที่เปิดรับลม สายตาก็เหลือบไปพบว่ากำลังมีคนเดินเข้ามา เป็นชาวบ้าน ที่มีบ้านห่างออกไป แต่ก็นับเนื่องเป็นเพื่อนบ้าน

“ปู่เป็นไงมั่งล่ะ หนูนาง ดีขึ้นไหม”

นางผวน ซึ่งไม่ได้มาแต่ตัว หิ้วกล้วยหอมผลสีเขียวอวบอ้วนมาด้วยหวีใหญ่ ถามขึ้นก่อนเมื่อหล่อนออกไปรับ

“นางก็บอกไม่ถูกจ้ะ ป้า เมื่อวานก็ทำท่าดีขึ้น มีแรงลุกลงไปข้างล่าง แต่พอตกกลางคืนไข้ก็กลับ นางต้องคอยเช็ดตัวให้ กลัวว่าจะชักแล้วจะไปกันใหญ่”

“โถ... นี่หนูคงแทบไม่ได้หลับได้นอนเลยล่ะสิ มิหน้าล่ะ หน้าตาดูสะโหลสะเหล ไหน...ขอป้าเข้าไปเยี่ยมหน่อยซิ ปกติป้าก็มาทุกวัน เพิ่งสองวันนี้แหละไม่ได้มา ต้องไปดูลูกสาวคนที่ไปแต่งงานกับคนบ้านหันมันออกลูก เพิ่งกลับมาถึงบ้านเมื่อวาน ก็ค่ำแล้ว เลยไม่ได้แวะมา”

นิราพาหญิงกลางคนเข้าข้างใน

นางผวนนั่งลงข้างฟูก

“พี่แนบ...ฉันมาเยี่ยม เป็นไงบ้างล่ะ ไม่ดีขึ้นเลยหรือ”

นายแนบไม่ได้แสดงอาการรับรู้ว่ามีคนมาเยี่ยม ถึงว่าจะเบิกตาขึ้นช้าๆ และยกมือขึ้นนิดหนึ่ง เรียกหาหลานสาว

“นาง...”

“นางอยู่นี่จ้ะปู่”

นิราขยับเข้าไปใกล้ กุมมือที่พยายามจะยกขึ้นไว้ เอียงหูลงไปเงี่ยฟัง เมื่อเห็นปู่เผยอปากขึ้นลง บอกให้รู้ว่ากำลังพูดอะไรบางอย่าง แต่เสียงเบามาก จึงจับใจความได้เฉพาะท่อนท้ายๆ

“ทำตาม...ที่ปู่ต้องการ...ปู่...จัดการ...ไว้แล้ว”

“ทำอะไรคะ ปู่จะให้นางทำอะไรให้หรือจ๊ะ”

แนบเงียบไป ตาก็ปิด แต่แล้วก็ลืมขึ้นอีก แก้วตาดูใสผิดปกติ เมื่อค่อยๆ เลื่อนสายตาไปยังนางผวน เขายิ้มออกมานิดหนึ่ง

“ผวน...ฝากหลานด้วยนะ”

“จะมาฝ่งมาฝากอะไรฉันละจ๊ะ พี่แนบก็ยังอยู่ทั้งคน”

“เอาเถอะ...ยังไงก็...ดูแลด้วยละกัน ไม่นานหรอกจะมีคนมา...”

พูดแค่นั้นก็หลับตาแล้วเงียบ

“ปู่จ๊ะ” นิราเรียกเบาๆ

แนบไม่ทำท่าว่าได้ยิน เขายังหลับตา และมือที่ยังอยู่ในอุ้งมือหลานสาว ก็เหมือนจะหมดแรงที่ยังค้างอยู่ได้เพราะหลานกุมเอาไว้

“ปู่คงหลับไปอีกแล้วล่ะค่ะ ป้าผวน” หล่อนหันมาพูดกับนางผวน

นางผวนมองใบหน้าดูสงบ นิ่งอยู่อึดใจใหญ่ก่อนโน้มตัวลงไปเกือบชิดร่างนอนนิ่ง พอยืดตัวขึ้นก็พูดเสียงสั่นเล็กน้อย น้ำตาไหลพรู

“ปู่ของหนู...ไปสบายแล้วล่ะ หนูนาง”

เด็กสาวตะลึงงัน แล้วตาทั้งคู่ก็เบิกกว้าง พูดเสียงสั่นแทบจะฟังเป็นตะโกนออกไป

“ป้าผวนอย่าล้อหนูสิคะ”

หญิงกลางคนสั่นหน้า

นิรามองอย่างไม่เชื่อสายตา แต่ก็รีบก้มลงฟังเสียงหัวใจเต้น แต่ไม่ได้ยินอะไรเลยจึงเงยขึ้น เอื้อมมือไปอังนิ้วใต้จมูก ก่อนจะแตะใบหน้าที่ดูสงบของผู้เป็นปู่แผ่วๆ

“ปู่...ปู่จ๋า!”

หล่อนสะอื้นฮัก ความโดดเดี่ยวอ้างว้างดูเหมือนจะจู่โจมเข้าสู่หัวใจทันทีที่รู้ว่าปู่ที่แสนดี รักหล่อน ดูแล เอื้ออาทรหล่อนเสมอมา ได้จากไปแล้วอย่างไม่มีวันกลับ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel