ตอนที่1.
“ผมนัดคุณภูวิศไว้”
ชานนหันมาบอกพนักงานงานสาวที่ยังเผลอจ้องมองเมวีไม่วางตา หล่อนชินเสียแล้วกับสายตาของใครต่อใครยามหล่อนเยื้องกาย
แน่ล่ะ...หล่อนเป็นคนดัง
“อ๋อ ค่ะ ค่ะ เดี๋ยวดิฉันจะเข้าไปเรียนให้ทราบนะคะ”
ภูวิศที่ชานนนัดไว้เป็นเจ้าของโชว์รูมรถขนาดใหญ่แห่งนี้ พนักงานสาวพาชานนกับเมวีเข้าไปในโชว์รูม พนักงานคนอื่นๆต่างพากันเหลือบมอง บางคนอดหันไปซุบซิบกันไม่ได้ เพิ่งเห็นตัวจริงของเมวี สวยเปรี้ยวไม่ใช่เล่น ชายหนุ่มที่มาด้วยก็ดูดีจนน่าอิจฉา ชานนเดินตามพนักงานมาที่ห้องรับแขกวีไอพีที่จัดไว้เป็นห้องกระจกเล็กๆ มีโซฟาเข้าชุดกันวางอยู่มุมหนึ่ง ตรงหน้ามีทีวีจอแบนขนาดใหญ่ให้ลูกค้าชมฆ่าเวลาขณะนั่งรอ
“สักครู่นะคะ”
พนักงานสาวปิดประตู ครู่ต่อมาแม่บ้านก็นำเครื่องดื่มมาให้คนทั้งสอง ไม่นานภูวิศก็เปิดประตูเข้ามาพบชานนตามที่นัดหมายทันทีที่ชายหนุ่มเห็นภูวิศ เขายกมือไหว้พร้อมรอยยิ้มกว้าง
“สวัสดีครับ คุณอา”
“ไง ชานน วันนี้แวะเข้ามาด้วยตัวเองเลยหรือ” ภูวิศรับไหว้ ก่อนเอื้อมมือมาตบไหล่ชายหนุ่มเบาๆ
“คุณภพสบายดีนะ” เขาถามถึงบิดาของชานน
ภูวิศเป็นเพื่อนรุ่นน้องของบิดาที่รู้จักกันมานานแล้ว ตั้งแต่สมัยชานนยังเป็นเด็ก
“ครับ แต่ช่วงนี้งานยุ่งจนไม่ค่อยมีเวลา”
“อืม อาเองก็ยุ่งๆเหมือนกัน เลยไม่เคยแวะไปหานานแล้ว” เขาส่ายหน้า
“คุณพ่อฝากความระลึกถึงมาถึงคุณอาด้วย”
“ขอบใจมาก ชานน ฉันเองก็ต้องฝากชมพ่อของเธอด้วยว่า เขาเก่งกว่าที่ฉันคิดไว้เยอะ เธอด้วยสินะ ชานนที่เป็นหัวเรี่ยวหัวแรง”
ชานนยิ้มรับ เขาค้อมหัวเป็นเชิงน้อมรับคำชมของภูวิศ ไม่เพียงแต่ภูวิศ เขาเชื่อว่า นักธุรกิจรุ่นเดียวกันต่างทึ่งในความสามารถของชานนที่สามารถทำให้ครอบครัวของเขากลับมารุ่งโรจน์ได้อีกครั้ง และยิ่งใหญ่กว่าเมื่อครั้งอดีต หลายเท่านัก
ที่สำคัญ
เขาได้ข่าวว่า ศัตรูของพ่อและครอบครัวของเขา ตอนนี้ยิ่งกว่านกปีกหัก นายเกริกเกียรติคนที่ทำให้พ่อเขาเกือบจะพบจุดจบ เขาตายไปพร้อมด้วยหนี้ก้อนใหญ่ที่ทิ้งไว้ให้ครอบครัว รวมทั้งบริษัทที่ล้มละลายเพราะถูกคนในฉ้อโกงจนล่ม ชานนได้ข่าวเรื่องพวกนี้ตั้งแต่ตอนที่เขาอยู่เมืองนอก
เขารู้สึกสาแก่ใจ
และวันนี้...เขามาที่นี่เพราะอยากมาเห็นหงส์อีกตัวที่ปีกหัก มีคนรายงานเขาว่า หล่อนอยู่ที่นี่
“อาเตรียมเอกสารไว้ให้แล้วนะ นนจะเลือกดูรถรุ่นไหนบ้าง”
ภูวิศบอกเขา ชานนทำธุรกิจหลายอย่าง หนึ่งในนั้นเป็นกิจการรถเช่า เขาจะซื้อรถใหม่ไปเพิ่ม ปกติจะมีคนรับผิดชอบเรื่องพวกนี้ แต่วันนี้เขาจงใจมาที่นี่ด้วยตัวเอง เขาร้อนใจ นึกอยากมาเห็นหน้าใครบางคนที่ไม่ได้พบกันมาหลายปี หล่อนอยู่ที่นี่ในฐานะพนักงานของโชว์รูมรถที่ภูวิศเป็นเจ้าของ ภูวิศมีโชว์รูมหลายที่ ที่นี่เป็นสาขาที่ใหญ่ที่สุดและเขานั่งทำงานประจำที่นี่ ชานนเห็นสายตาภูวิศเหลือบแลไปทางสาวสวยข้างกายชานน คิ้วขมวดเล็กน้อยเหมือนว่าคุ้นตา เขาจึงหันไปแนะนำให้ภูวิศรู้จัก เมวี
“นี่ เมวีครับ คุณอา”
หล่อนยกมือไหว้ชายสูงวัยกว่า อดนึกชมอยู่ในใจไม่ได้ถึงท่าทีที่ยังดูสมาร์ทกว่าที่คิดไว้มาก
ก็ชานนบอกเองว่า
‘อาภูวิศเป็นเพื่อนพ่อ’
หล่อนก็วาดภาพว่า คงได้มาเจอคนแก่คราวพ่อที่คงจะเป็นเสี่ยอ้วนฉุหัวเถิกลงพุงใส่สร้อยทองเส้นโตตามประสาคนรวย แต่ที่ได้เห็นกลับตรงข้าม
“อืม ขอโทษนะหนู..” ภูวิศหยั่งถาม “ใช่เมวีที่เป็นนางแบบหรือเปล่า”
“คุณอารู้จักด้วยหรือครับ” ชานนถามด้วยความประหลาดใจ
“แย่จัง นน” เมวีทำจมูกย่นอย่างงอนๆ “พูดแบบนี้แสดงว่า เมไม่ดังเลยใช่ไหม ไม่น่าที่คุณอาภูวิศจะรู้จัก”
“ไม่ใช่อย่างนั้น” เขาแก้ตัวพัลวัน “เพียงแต่ไม่นึกว่า คุณอาจะสนใจวงการบันเทิงต่างหาก
“อาก็ดูๆอยู่บ้าง บางทีก็เปิดดูผ่านๆตา พวกนิตยสารแฟชั่นที่พวกเด็กๆเอามาอ่านที่โชว์รูม”
ภูวิศหันมาพูดเอาใจหญิงสาว “แต่เห็นในรูปไม่คิดว่าตัวจริงจะสวยกว่ามาก”
