บทนำ ตรวนรัก กรงหัวใจ (2)
“ผมเคยเรียนคุณปู่แล้วไงครับ ผมไม่อยากเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับงานในองค์กร โดยเฉพาะธุรกิจผิดกฎหมายที่ตระกูลลาซิโอมีเอี่ยว และพยายามลากพวกเราเข้าไปเกี่ยวข้อง”
น้ำเสียงนั้นหนักแน่นจริงจัง แต่หาทำให้ผู้ผ่านโลกมามากใส่ใจ มอร์แกนหมุนปากกาด้ามทองในมือเล่นดูปฏิกิริยาของหลานชายคนโปรดที่สมาชิกหลายคนในครอบครัวไม่ค่อย ‘ชอบขี้หน้า’ อย่างใจเย็น ไม่ว่าจะผ่านมากี่ปี ๆ ทัศนคติของหลานชายที่มีต่อองค์กรที่เขาสืบทอดมาก็ยังไม่เคยเปลี่ยน
แต่นั่นล่ะ นี่กลับเป็นสิ่งท้าทายที่มอร์แกนอยากแสดงให้หลานชายของเขาเห็นว่าสิ่งที่เขากำลังป้อนให้สามารถนำความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่มาสู่ได้ รวมถึงเปลี่ยนทัศนคติของหลานชายที่มีต่อองค์กรเสียใหม่
ด้วยรู้ว่าเรโก้ไม่ชอบธุรกิจผิดกฎหมาย หลานชายคนนี้ของเขาจึงมีนิสัยผิดแผกไปจากหลานชายคนอื่น ๆ ที่แสวงหาแต่ความยิ่งใหญ่และอยากสืบทอดธุรกิจต่อจากเขา
อาจเพราะเรโก้ อัลฟอเน่ ไม่ได้เติบโตท่ามกลางสภาพแวดล้อมเช่นนี้ตั้งแต่ลืมตาดูโลกก็เป็นได้ หลานชายที่ไปเติบโตอยู่ที่เมืองไทยนานถึงสิบปีจึงมีความคิดที่สวนกระแส
เรโก้ถูกพาตัวกลับมาอยู่อิตาลีตั้งแต่แม่ของเขาซึ่งเป็นสาวลูกครึ่งไทย – อิตาเลี่ยนเสียชีวิตตั้งแต่เรโก้อายุย่างเข้าสิบขวบ
แต่นั่นล่ะ... เบ้าหลอมที่ลูกสะใภ้เอเชียของเขาใช้หล่อหลอมหลานชายคนนี้มาได้ฝังรากลึกในจิตวิญญาณ จึงยากเหลือเกินที่จะเปลี่ยนทัศนคติที่มีต่อองค์กรได้
หลายต่อหลายครั้งมอร์แกนได้พยายามผลักดันหลานชายของเขาให้เข้ามาในองค์กร พร้อมกับมอบหมายหน้าที่สำคัญให้เรโก้ได้ทำ ด้วยความสามารถ ไหวพริบ ทักษะเฉพาะตัว และฝีมือที่ดีเยี่ยมจึงทำให้เรโก้กลายเป็นที่ยอมรับในองค์กรของเขาภายในเวลาเพียงสามเดือนเศษ สามเดือนเศษเท่านั้น!
แต่ทว่าหลานชายตัวแสบที่รักอิสระของเขากลับปฏิเสธโอกาสดี ๆ ที่หลายคนในตระกูลพยายามไขว่คว้า ซ้ำยังพยายามตีตัวออกห่างจากสิ่งที่เขาป้อนให้ตลอดเวลา ถึงขนาดที่ว่าหันหลังให้องค์กรแล้วแอบสร้างเนื้อสร้างตัวจากการเข้าไปถือหุ้นในโรงงานเครื่องแก้วที่กำลังปิดกิจการด้วยตนเอง
แล้วหลานชายคนนี้ของเขาก็เฮงเรื่องธุรกิจซะด้วยสิ
“แกอยากวางมือไม่ใช่เหรอ? ถ้างานชิ้นนี้สำเร็จฉันจะไม่ลากแกเข้ามาเกี่ยวข้องกับงานของฉันอีก แกว่าไงล่ะ?”
พอได้ยินข้อเสนอที่น่าสนใจจากคุณปู่ที่รัก เรโก้จึงยิ้มมุมปากพร้อมสบสายตาสีน้ำข้าวที่แฝงอำนาจอย่างเปี่ยมล้นนั่นทันที “ก็น่าสนใจนะครับ หากข้อเสนอนี้จะทำให้ผมเป็นอิสระมากขึ้น ซึ่งต้องครอบคลุมไปถึงเรื่องยกเลิกการหมั้นกับคุณหนูเอลีน่าคนสวยของคุณปู่ด้วย”
“แกต่อรองมากไปแล้วเร... งานนี้ฉันแลกกับอิสระในองค์กรของเราเท่านั้น ส่วนเรื่องหมั้นหมายนั้นคงต้องแล้วแต่ทางตระกูลลาซิโอจะจัดการ แต่ฉันขอเตือนแกด้วยความหวังดีไว้ก่อนนะเจ้าหลานชาย หากแกวางมือจริง พวกที่แกเคยไปเกี่ยวข้องได้ตามคิดบัญชีกับแกแน่นอน คราวนี้แกคงต้องซุกหัวอยู่ใต้กระโปรงผู้หญิงแล้วล่ะว่ะ”
ถึงเป็นเพียงคำกระเซ้าเย้าแหย่ แต่ถ้อยคำนี้ก็ทำให้เรโก้รู้สึกไม่พอใจขึ้นมาได้
คนอย่างเรโก้ อัลฟอเน่น่ะหรือจะหนีหัวซุกหัวซุนและหดหัวอยู่ใต้กระโปรงผู้หญิง
ไม่มีวันซะหรอก!
“อย่าห่วงไปเลยคุณปู่ ไม่มีวันนั้นสำหรับผมแน่นอน” ชายหนุ่มเอ่ยด้วยน้ำเสียงมั่นใจ ดวงตาสีมรกตเป็นประกายวาววับขึ้นมา
“ฉันรู้แกเอาตัวรอดได้ ก็แค่เตือน ๆ เอาไว้ เผื่อแกจะตาหูสว่างมีความคิดความอ่านที่กว้างกว่านี้ แกก็รู้ว่าใคร ๆ ก็อยากมายืนในจุดนี้ แกซะอีกที่มีสิ่งนี้อยู่ในมือแต่กลับปฏิเสธ และหันหลังให้”
ชายหนุ่มไหวไหล่ไม่ยี่หระ “ผมว่าเรายุติเรื่องเดิม ๆ แล้วกลับเข้าเรื่องเถอะ คุณปู่มีงานอะไรให้ผมทำ?”
มอร์แกนสบสายตากับหลานชายหัวดื้อแวบหนึ่งแล้วเบะปากที่ไม่สามารถกล่อมให้เรโก้เปลี่ยนความคิดเรื่องหันหลังให้องค์กรได้
“ตามใจแกก็แล้วกัน” มาเฟียรุ่นลายครามซึ่งเป็นผู้กุมอำนาจเศรษฐกิจสูงสุดแห่งเกาะซิซิลีเปิดลิ้นชัก หยิบเอาซองเอกสารสีน้ำตาลมาโยนลงบนโต๊ะทำงาน
เรโก้หลุบเปลือกตามองสิ่งที่ปู่ของเขาโยนลงมาบนโต๊ะ ก่อนสบตากับชายสูงวัยที่เขาเคารพรัก
“นี่คืองานที่ฉันจะให้แกทำ เป็นครั้งสุดท้าย” มอร์แกนเน้นเสียงเข้มในประโยคท้าย
เรโก้มองเอกสารนั้นอีกครั้งก่อนเดินเข้ามาหยิบไปเปิดดูอย่างสนใจ ในซองมีภาพถ่ายของชายหนุ่มร่างสูง ผมหยักศกสองใบ และเอกสารสีขาวที่มีตัวอักษรระบุไว้ยาวเหยียด
“ขอรายละเอียดเพิ่มเติมด้วยครับ”
“อ่านเอาซิวะ อยู่ในมือแกทั้งหมดแล้วนั่นล่ะ” มอร์แกนกระแทกเสียงด้วยขี้เกียจอธิบาย พลางเอนกายพิงเบาะนุ่มและหมุนปากกาด้ามทองเล่นในระหว่างรอให้หลานชายได้อ่านรายละเอียด และประวัติความเป็นมาของคนที่เขาต้องการให้เรโก้ตามตัว
ความเงียบแทรกเข้ามาในห้องจนได้ยินเสียงนาฬิกาโบราณ ผ่านไปอึดใจนั่นล่ะ เรโก้จึงเก็บเอกสารใส่ซองด้วยสีหน้าที่ยุ่งกว่าเมื่อครู่
“นี่มันประวัติอาชญากร อย่าบอกนะครับว่าคุณปู่จะให้ผมลากตัวเจ้าหมอนี่มาให้องค์กรของเรา”
“ถูกต้องแล้วไอ้หลานรัก” มอร์แกนยิ้มกว้าง
“แค่ตามหาคนง่าย ๆ ไม่น่ามอบหมายให้ผมทำเลย คุณปู่ดูถูกฝีมือผมมากเลยนะครับ”
คราวนี้มอร์แกนหัวเราะหึหึในลำคอ “แกประมาทเจ้าหมอนี่มากไปแล้วล่ะเร... หากธรรมดาจริงฉันไม่ให้แกทำเป็นงานชิ้นสุดท้ายก่อนที่แกจะชิ่งหนีจากองค์กรของเราหรอก เจ้าหมอนี่มีค่าหัวหลายแสนยูโรเชียวล่ะ ขนาดเอฟบีไอที่ตามล่าตัวยังไม่ได้กลิ่น อย่าเพิ่งประมาทไปล่ะว่าฉันจะเอางานกระจอกให้แกทำ”
เรโก้เอาลิ้นดุนกระพุ้งแก้มเล่นอีก “จะขนาดไหนเชียว”
มอร์แกนขยับตัวนั่งตัวตรง ดวงตาของผู้ผ่านโลกมามากมองหลานชายอย่างจริงจัง
“แกต้องลองด้วยตัวเองแล้วจะรู้ แต่บอกไว้ก่อนนะว่างานนี้ฉันให้เวลาแกแค่สามเดือนเท่านั้น หากทำไม่สำเร็จก็อย่าหวังเลยว่าฉันจะปล่อยแกก้าวออกจากองค์กรง่าย ๆ อ้อ แล้วธุรกิจเครื่องแก้วที่แกซุกซ่อนไว้ที่มูราโนก็ระวังให้ดีล่ะ งานนี้ถ้าแกพลาดฉันสอยร่วงแน่” น้ำเสียงของตาเฒ่ามอร์แกนเปลี่ยนเป็นจริงจัง และมันก็ไม่ใช่คำขู่
แววตาสีน้ำข้าวที่สบมานี้เองที่ทำให้เรโก้ อัลฟอเน่ซึ่งมีเลือดมาเฟียเข้มข้นในกายกล้ารับคำท้าทายอย่างไม่มีคำว่า ‘กลัว’
“แล้วคุณปู่จะต้องเปลี่ยนความคิดนี้ ภายในสามเดือนผมจะลากคอเจ้ามิลาโนมาให้คุณปู่ อ้อ อย่าลืมเตรียมแชมเปญไว้ฉลองความสำเร็จให้ผมด้วยล่ะ”
“ยังเร็วไปที่แกจะพูดประโยคนี้กับฉัน เจ้าหลานชาย”
เรโก้ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมานอกจากสบตากับคุณปู่ด้วยดวงตาเป็นประกายมั่นใจ จากนั้นจึงไหวไหล่น้อย ๆ ก่อนเดินผิวปากออกไปจากห้องอย่างสบายอารมณ์
พอพ้นออกจากห้องทำงานของคุณปู่มอร์แกน บอดี้การ์ดที่ถูกเขาไล่ออกจากห้องจึงค้อมศีรษะทำความเคารพอย่างนอบน้อม ทว่าพ้นจากสายตาของคุณปู่มาได้ รอยยิ้มท้าทายเมื่อครู่กับอันตรธานหายกลายเป็นความเครียดขรึมขึ้นมา... ลอง ‘มิสเตอร์มอร์แกน อัลฟอเน่’ มาเฟียผู้มีอิทธิพลอันดับต้น ๆ เอ่ยปากออกมาว่าไม่ใช่เรื่องง่าย เรโก้ย่อมรู้ดีว่างานส่งท้ายชิ้นนี้ ‘หิน’ สำหรับเขาแน่นอน
แต่จะให้เขาวางมือง่าย ๆ แล้วปล่อยให้ธุรกิจที่เขาแอบฟูมฟักด้วยความรักถูกสอยง่าย ๆ ล่ะก็ คงไม่ใช่ ‘เรโก้ อัลฟอเน่’ สิ!
