บทที่ 2
เมื่อนางกงซื่อเดินเข้ามายังเห็นว่าจือลู่ยังนอนอยู่จึงหยิบไม้ที่อยู่ใกล้มือที่สุดมาเขี่ยนาง หากเพียงแค่เขี่ยจือลู่จะไม่คิดอันใด แต่นางดันตีลงมาที่ขาของจือลู่ด้วย จือลู่ต้องกัดฟันไว้แน่นเพื่อไม่ให้ส่งเสียงร้องออกมา
"มันตายแล้วหรือยัง ข้าจะได้ห่อเสื่อไปทิ้งที่บนเขา มิเช่นนั้นหากใครมารู้เจ้ากับข้าต้องถูกทางการจับตัวไปแน่" เสียงบุรุษดังขึ้นด้านหลังของกงซื่อ จือลู่คิดว่าคงเป็นท่านลุงใหญ่ของเจ้าของร่างเดิมแน่
"จะตายได้อย่างไร พ่อหม้ายจงจะมารับตัวนางพรุ่งนี้แล้ว" เสียงแหลมของกงซื่อดังขึ้น
"เหอะ แล้วเจ้าจะตีนางจนมีสภาพเช่นนี้เพื่ออันใด"
"แล้วมิใช่นังเด็กบ้านี่หรือ หากนางยอมแต่งออกไปดีดี ข้าจะตีนางเพื่ออันใด" กงซื่อหันไปตวาดจางต้าอู๋
แต่ก่อนที่ทั้งคู่จะทะเลาะกันจนเป็นที่น่าลำคาญของจือลู่ด้านนอกก็มีเสียงของชาวบ้านดังขึ้นอยู่ที่หน้าประตูเรือนตระกูลจาง จางหนิงเฉิงก็วิ่งเข้ามาด้านในเพื่อดูพี่สาวของเขา
จางหนิงเฉิงที่ต้องออกไปเก็บหญ้าให้หมูที่ชายเขาก็แอบหนีไปหาผู้นำหมู่บ้านเพื่อให้มาช่วยพี่สาวของตนที่เหมือนใกล้จะสิ้นชีวิตแล้ว เนื้อตัวของเขาก็มีร่องรอยการโดนทุบตีเช่นเดียวกัน เพียงแต่เขาไม่ได้เจ็บหนักเท่ากับจือลู่
ชาวบ้านที่ติดตามหัวหน้าหมู่บ้านมาที่เรือนตระกูลจาง ต่างก็ต้องเบือนหน้าหนี เมื่อเห็นร่างของเด็กสาวที่อยู่ภายในห้องเก็บฝืน หากมองไปใครก็ต้องนึกว่านางนั้นเสียชีวิตเสียแล้ว
"ไปตามท่านหมอหวงมาเร็วเข้า" ผู้นำหมู่บ้านสั่งให้ชาวบ้านไปตามหมอเท้าเปล่าในหมู่บ้านมาดูอาการของจือลู่
เมื่อหมอหวงเดินมาเห็นร่างของจือลู่ที่นอนอยู่ก็ส่ายหัวอย่างสงสาร และปรายตามองไปที่สองคนผัวเมียอย่างกล่าวโทษ เมื่อจับชีพจรของจือลู่หมอหวงก็เอ่ยขึ้น
"นางยังไม่ตาย แต่หากยังไม่รักษาก็คงไม่รอดแล้ว" หมอหวงพูดขึ้น
หนิงเฉิงมองพี่สาวอย่างเป็นห่วง เพราะว่าพี่สาวของตนคลอดก่อนกำหนดถึงสองเดือน มารดาจึงมักไม่ให้นางทำงานหนัก เพราะกลัวว่านางจะล้มป่วย
สายตาของชาวบ้านที่มองไปสองผัวเมียอย่างตำหนิ เพราะจางต้าอู๋เป็นท่านลุงแท้ๆของทั้งคู่ ก่อนหน้าที่เขาจะรับหลานทั้งสองมาดูแลก็เพราะต้องการที่นาและข้าวของที่บิดามารดาจือลู่ทิ้งไว้ เขายังรับปากหัวหน้าหมู่บ้านว่าจะดูแลทั้งคู่อย่างดี แต่เพียงไม่กี่เดือนทั้งคู่ก็มีสภาพเช่นนี้แล้ว
จือลู่จะแกล้งหลับต่อก็ไม่ได้แล้ว เพราะหมอหวงกำลังช่วยให้นางฟื้นอยู่ เมื่อนางทำเป็นเพิ่งกำลังฟื้นและมองไปรอบห้องอย่างหวาดกลัว หนิงเฉิงรีบเข้ามาประคองพี่สาวอย่างเบามือ
ไม่รู้ว่าเขาหาน้ำมาจากไหน แต่จือลู่ก็รู้สึกขอบคุณเมื่อหนิงเฉิงส่งถ้วยบิ่นๆที่มีน้ำอยู่ด้านในให้นางดื่ม เมื่อชาวบ้านเห็นว่าจือลู่ฟื้นแล้วต่างก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก เพราะจือลู่คนเดิมเป็นเด็กสาวที่น่ารัก อ่อนหวาน มักจะช่วยงานเล็กๆน้อยๆกับชาวบ้านอยู่เสมอ
"พี่หญิงท่านเป็นเช่นใดบ้างขอรับ" หนิงเฉิงกล่าวด้วยเสียงที่สั่นอย่างควบคุมไม่อยู่กับจือลู่
"เจ็บ ปวดไปทั้งตัว" นางพูดด้วยเสียงอันเบาจนหนิงเฉิงต้องก้มลงมาเพื่อให้ได้ยินเสียงของนาง
"ท่านหมอหวง ได้โปรดช่วยพี่สาวของข้าด้วยเถิดขอรับ"
"รักษานาง ต้าอู๋ เจ้าต้องจ่ายค่ารักษาให้ท่านหมอหวง" ผู้นำหมู่บ้านเอ่ยขึ้น
"ไม่ได้ ข้าไม่มีเงิน" นางกงซื่อพูดขัดด้วยเสียงดัง ก่อนจะหันไปถลึงตาดุสามีไม่ให้เสียเงินรักษานาง
"เงินที่บิดามารดาลู่เออร์ทิ้งไว้ก็มีมิน้อย เจ้าบอกเก็บไว้ให้หลานทั้งสองจะมิมีได้อย่างไร" ผู้นำหมู่บ้านตวาดขึ้นด้วยความโมโห
สองสามีภรรยาที่เห็นผู้นำหมู่บ้านเอาจริงก็หดคอลงอย่างหวาดกลัว ต้าอู๋จึงให้นางกงซื่อเดินไปหยิบเงินออกมาเพื่อรักษาจือลู่
"ประเดี๋ยวตามข้าไปเอายา" หมอหวงพูดกับหนิงเฉิง แต่ก่อนที่หนิงเฉิงจะลุกเดินตามหมอหวงไป จือลู่ก็ดึงเสื้อน้องชายไว้ และบอกให้เขาพยุงนางลุกขึ้น
"ท่านปู่ผู้นำหมู่บ้าน ข้ากับน้องชายขอกลับไปอยู่ที่เรือนของบิดามารดาตามเดิมเจ้าค่ะ" นางรวบรวมกำลังทั้งหมดลุกขึ้นยืนโดยมีหนิงเฉิงประคองอยู่แล้วพูดขึ้น
"ใช่ขอรับท่านปู่ชุย หากพวกข้าสองพี่น้องยังอยู่กับท่านลุง ชีวิตน้อยๆของพวกข้าคงรักษาไว้ไม่ได้"
"เช่นนั้นพวกเจ้าก็กลับไปอยู่ที่เรือนเดิม" ผู้นำหมู่บ้านพูดอย่างไม่ต้องถามความเห็นของต้าอู๋
"จะได้อย่างไร นางกำลังจะแต่งให้พ่อหม้ายจง" นางกงซื่อเอ่ยแย้งขึ้นมา
"เหอะ ดีนักถึงกับกล้าขายหลานสาวตนเองด้วยหรือต้าอู๋ หากพวกเจ้าไม่ยอมให้สองพี่น้องกลับเรือนเดิม พวกเจ้าก็เตรียมตัวได้เลย ข้าจะต้องแจ้งเจ้าหน้าที่ทางการ" เพราะกฎหมายของราชวงศ์ฉีปัจจุบัน ไม่ยินยอมให้เกิดการขายบุตรหลานอย่างไม่เป็นธรรม เมื่อทั้งคู่ได้ยินว่าผู้นำหมู่บ้านจะแจ้งทางการก็ไม่กล้าพูดสิ่งใดอีก
"ข้าขอข้าวของจากเรือนท่านพ่อของข้า รวมทั้งเงินที่ฝากไว้คืนด้วยขอรับ" จือลู่มองไปทางหนิงเฉิงอย่างภูมิใจ นางอยากจะยกนิ้วโป่งขึ้นให้เขา แต่ก็ไม่อาจทำได้ เพราะเรี่ยวแรงของนางใกล้จะหมดแล้ว
