4
ด้านดุจฝันปวดล้าแขนต้องใช้มืออีกข้างลูบเบาๆ กว่างานจะเสร็จและได้ไปพักก็แทบแย่ เมื่อกินข้าวเธอก็ไปรวมกับกลุ่มคนงานเพราะวันนี้เจ้าของฟาร์ม ไม่ไปคุมรีสอร์ต มาดูแลงานที่นี่ เธอเลยไม่ได้ไปนั่งในห้องแอร์ที่แสนสบายอย่างเคย คนงานหลายคนมองเธอแต่ไม่มีใครเข้ามาพูดคุย คงเพราะสามีแสดงออกนอกหน้าว่าไม่ชอบเมียที่ได้ตบแต่ง ทุกคนต่างเอาใจเจ้านายหนุ่ม ดุจฝันรู้สึกไม่ยุติธรรมสำหรับตนเอง แต่ก็ไม่หวังให้ใครมาเอาใจ ทว่าก็อยากมีเพื่อนบ้าง หญิงสาวไม่รู้ว่าคนงานแทบทุกคนนั้นไม่เคยมีใครกล้าพูดคุยกับเธอเพราะตลอดเวลาที่อยู่รุ่งตะวันแม่เลี้ยงดูแลไม่ต่างญาติมิตร เธอจึงต้องนั่งกินข้าวเงียบๆ ด้วยอารมณ์ที่คิดมาก
“นั่งด้วยคนนะครับ”
หัวหน้าคนงานเข้ามา ดุจฝันฝืนยิ้ม พยักหน้า ดูเหมือนคนงานจะหันมามองด้วยความสนใจ ดุจฝันฝืนกลืนอาหารลงคอ
“กินข้าวแต่ดูเหม่อจังคิดอะไรครับ ว่าแต่มือเป็นยังไงบ้างยังเจ็บหรือเปล่า”
ดุจฝันจ้องหน้านายสงบ หนุ่มหน้าตาคมเข้มตอบคำถามที่เธอไม่ได้ถามด้วยสีหน้ายิ้ม
“ผมอยู่ในเหตุการณ์วันนั้นนะครับ จำได้มือคุณหัก”
“ออ ขอบคุณค่ะ แค่อ่อนแรงคงยังไม่ชินก็เท่านั้น แล้วเรื่องที่คุณบอกว่าอยู่ด้วยตอนฉันเกิดอุบัติเหตุ…”
เป็นเรื่องที่ดี ผู้ชายคนนี้คงคลายความกระจ่างในใจได้บ้าง ดุจฝันรู้สึกอยากคุยกับเขาขึ้นมา แต่สงบเกิดอาการอึกอัก
“ว่าไงคะคุณ”
“สงบเช็คเครื่องกกลูกไก่หรือยัง ดูอุณหภูมิยัง อย่ามามัวนั่งโม้ ถ้าลูกไก่ตายสนุกแน่ หมดจานแล้วไปเลยนะ”
หัวหน้าคนงานจอมขรึมซึ่งทำงานในฟาร์มมานานรีบลุกขึ้นจากไปด้วยความงง ดุจฝันเสียดายใกล้จะได้คำตอบเรื่องที่ต้องการ เธอจึงลุกขึ้นตามหัวหน้าคนงานไป มือเล็กหยิบจานข้าวขึ้น จะพาไปเก็บก่อน แต่กลับโดนพ่อเลี้ยงลากมือให้ตามเขาไป เธอดึงมือกลับอย่างรวดเร็ว
“มีอะไรหรือ ช้าๆ ก็ได้เจ็บนะคะ”
“ตามมา มาดูสิว่าแม่คนดีของแม่เลี้ยงสร้อยฟ้าฉันมีอะไรมาเซอร์ไพรส์วันนี้ ฉันเห็นแล้วอยากจะหัวเราะออกมา”
ดุจฝันห่อไหล่ เธอทำอะไรผิดอีกเล่า ตอนนี้แม่เลี้ยงก็ไม่อยู่เดินทางไปกรุงเทพหาคุณรวิวรรณซึ่งเป็นลูกสาวคนเล็ก อารมณ์รวีพงษ์ขึ้นๆ ลงๆ เดี๋ยวเงียบ เดี๋ยวพูดหาเรื่อง หญิงสาวพยายามบิดมือให้พ้นจากพันธนาการ พยายามไม่สนใจสายตาคนงาน
“คุณปล่อยนะคนงานมองใหญ่แล้ว ฉันไม่รู้ด้วยคุณกำลังหมายถึงอะไร”
“ไม่มีอะไรต้องอาย คนที่นี่เขารู้หมดแล้วเรื่องของเราน่ะ”
เรื่องของเราฟังดูเข้าที ถ้าไม่ติดว่า มันไม่มีความหมายในคำพูดนั้นเลย ซ้ำยังเป็นตรงกันข้าม เรื่องของเราที่มีแค่ตัวใครตัวมัน
ร่างบางปลิวตามแรงมือใหญ่ เธอก้มมองข้อมือเพราะรู้สึกเจ็บ แต่ร้องออกไปคงหนีไม่พ้นคำว่าสำออย เลยกัดฟันทนความเจ็บปวดไว้
“คนอื่นรู้แต่ฉันไม่รู้อะไร ถ้าอย่างนั้นช่วยสงเคราะห์ฉันสักที ทำไมคุณมาแต่งงานกับฉัน แต่งทำไม”
น้ำตาไหลพรากลงบนแก้มนวลแต่สามีสะบัดหน้าหนีลากดึงเธอเข้าห้องทำงาน สร้างความขมขื่นใจ อับอายให้เธอยิ่งนัก
“ฮือๆ ไม่นะ อย่ามาทำกับฝันแบบนี้ ฝันเครียดหัวจะระเบิดเพราะคุณชอบลากๆ ถูๆ ฝัน ปล่อยนะ ปล่อย”
“เข้ามา อย่ามาขึ้นเสียงที่นี่ ไม่อย่างนั้น ฉันจะจับเธอโยนออกจากฟาร์มให้คนงานหัวเราะ”
หัวใจหมดแรงจะถาม เหนื่อยไม่ยื้อยุดกับเขา และเธอได้เข้ามาในห้องทำงานซึ่งเป็นห้องสี่เหลี่ยมที่ตั้งห่างฟาร์มเล็กน้อยและพื้นที่โดยรอบแวดล้อมไปด้วยต้นไม้ ดอกไม้และสวนสวย
ถ้าเธอจะตายเพราะความเถื่อนของสามี คงตายไปหลายรอบแล้ว!
หญิงสาวเหงื่อไหลตามปอยผมจนต้องยกมือขึ้นเช็ด เธอคงมีสภาพน่าทุเรศทุรัง ทั้งน้ำตา เหงื่อคละเคล้าบนใบหน้าซีดแต่ก็อยากให้เรื่องที่เขาว่าจบๆ ไป
“คุณหมายความว่าอย่างไรคะ พูดมาเลยเสร็จแล้วจะได้ไปทำงาน”
“ไม่ต้องมาขยันตอนนี้ ทีเมื่อครู่นั่งทำตาหวานใส่นายสงบ ไม่อายคนงาน ไม่คิดทำงาน…”
“แต่นั่นเวลาพักนะคะ ฝันก็มีสิทธิ์พักเหมือนกัน”
จะไม่ให้เธอพักผ่อนเหมือนคนอื่น แม้จะทำงานไม่เท่าคนอื่น พยายามที่สุดแล้ว เขาชอบทำให้คนอื่นมองกันเป็นตัวตลก เรื่องหัวหน้าคนงานก็คิดไปได้ หาเรื่องล่ะไม่ว่า
